Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 969
หลังจากสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินเดินจากไป หลิงฮันก็เริ่มสำรวจโพรงด้านหน้าอย่างรอบคอบ
โพรงนี้มีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากมันมีลาวาไหลผ่านโพรงนี้จึงไม่มืดมิด หลิงฮันสามารภมองเห็นสัตว์อสูรลาวาขนาดใหญ่อยู่ตำแหน่งที่ลึกสุด
อสูรลาวาทั่วไปมีความสูงเพียงหนึ่งฟุตและยาวสองฟุตเท่านั้น แต่อสูรลาวาตนนี้มีความสูงถึงห้าฟุนและมีความยาวสิบฟุต ผิวหนังของมันถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายที่แปลกประหลาด ในตอนนี้มันกำลังหลับอยู่ เมื่อมันอ้าปากหาว น้ำลายที่เหมือนกับลาวาก็ไหลออกมาและหยดลงพื้น
มันคือจ่าฝูงอสูรลาวา!
กลิ่นอายของมันทรงพลังมาก แม้มันจะอยู่ในระยะที่ห่างไกล หลิงฮันก็ยังรู้สึกเย็นยะเยือก
ระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นปลาย… ชั้นสูงสุด? หรือบางทีอาจจะเป็นระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดเลยก็ได้
เมื่อถูกหลิงฮันจ้องมอง จ่าฝูงอสูรลาวาก็รู้สึกตัวและลืมตาขึ้นทันที มันเงยหัวขึ้นและชำเลืองมองด้วยแววตาที่ประหลาดใจ แต่เมื่อกวาดสายตามองแล้วไม่เจอใครมันก็ฟุบลงนอนต่อ
หลิงฮันปรากฏตัวออกมาจากหอคอยทมิฬและครุ่งคิดว่าเขาจะขโมยผลึกภูผาวารีมาได้อย่างไรดี
ใช้กำลังแย่งมา?
หลิงฮันคำนวณพลังต่อสู้ของตัวเอง ตอนนี้เขาเป็นระดับภูผาวารีขั้นต้นเกือบจะชั้นปลาย พลังต่อสู้ของเขาหากใช้ทักษะต่างๆจะทัดเทียมกับระภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงสุด
ไม่อาจต่อกรกับระดับภูผาขั้นสูงได้
ในขณะเดียวกัน จ่าฝูงอสูรลาวานั้นเป็นไปได้มากว่าจะเป็นสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด
ต่อให้เขาจะมีกายหยาบที่ไร้เทียมทานและมีคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ที่สามารถฟื้นฟูบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากพลังของเขากับศัตรูห่างชั้นกันเกินไป แม้จะฝืนสู้ไปก็มีจะพ่ายแพ้
หลิงฮันคิดในใจ ถ้าหากเขาใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราล่ะ? ถึงแม้จ่าฝูงอสูรลาวาจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว แต่ด้วยการที่มันนอนหลับอย่างไร้การป้องกันเช่นนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับเป้านิ่งที่มีชีวิต
ลองดูแล้วกัน
เขานำคันศรและลูกศรออกมาพร้อมกับโคจรเนตรแห่งสัจธรรมเพื่อส่องหาจุดอ่อนของจ่าฝูงอสูรลาวา
แต่ทันใดนั้นจ่าฝูงอสูรลาวาก็ลุกขึ้นทันที แม้มันจะเกียจคร้านแต่มันก็มีสัมผัสที่ไวต่อภัยอันตราย
‘พรึบ’ มันรีบพุ่งไปยังทิศทางนั้นทันที ลาดลายบนผิวหนังของมันส่องประกายไปด้วยอำนาจของรูปแบบอักขระเปลวเพลิง
แต่เมื่อมันมาถึงตำแหน่งที่ว่า มันกลับไม่พบอะไรเลย มันรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่มันสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย แต่ทำไมมันกลับไม่พบเจออะไรเลย? หรือว่าเมื่อวานข้าเล่นซนกับสัตว์อสูรน้อยตนอื่นมากเกินไปจนพักผ่อนไม่พอ วันนี้มันเลยรู้สึกไม่ปกติเช่นนี้?
มันค่อยเคลื่อยที่กลับไปอย่างเชื่องช้าและฟุบหลับ
ตรงนั้น!
ภายในหอคอยทมิฬ แววตาของหลิงฮันส่องประกาย
ภายใต้โขดหินที่ร่างจ่าฝูงอสูรลาวานอนอยู่มีก้อนหินที่จากจากก้อนหินทั่วไป
พวกมันคือผลึกหินที่แดงเจ็ดก้อนที่วางกระจัดกระจายกัน ถึงแม้ระยะจะห่างไกลแต่หลิงฮันก็มั่นใจนั่นคือผลึกภูผาวารีแน่นอน
ผลึกภูผาวารีพิเศษที่มีคุณสมบัติของเปลวเพลิง
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าผลึกภูผาวารีอยู่ไหน แต่ปัญหาใหญ่ก็คือเขาจะนำพวกมันมาได้อย่างไร
ทำแบบเดิมต่อไป!
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬและเตรียมยิงลูกศรออกไปด้วยทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราอีกครั้ง
“โฮกกกก!” จ่าฝูงอสูรลาวาตื่นตัวอีกครั้งและพุ่งเข้ามา แต่แน่นอนว่าสิ่งที่มันพบคือความว่างเปล่า
หลิงฮันเล่นซ่อนหากับอีกฝ่าย หลังจากผ่านไปหลายสิบครั้งจ่าฝูงอสูรลาวาก็เริ่มไม่รู้สึกสงสัย เมื่อหลิงฮันใช้งานศรฆ่ามังกรทะลวงดาราอีกครั้ง มันทำเพียงเงยหัวมองอย่างเชื่อยชาโดยไม่ลุกตัวขึ้นมา
ความรู้สึกตื่นตระหนักของมันไม่เหลือแล้ว
จ่าฝูงอสูรลาวาปิดตาลงนอน จะต้องเป็นเพราะเมื่อคืนมันเล่นหนักเกินไปแน่ๆถึงได้สัมผัสถึงภาพลวงตาเช่นนี้
อีกหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…
ปฏิกิริยาของจ่าฝูงอสูรลาวากลายเป็นผ่อนคลายยิ่งขึ้น จนท้ายสุดแล้วมันไม่ทำแม้แต่เงยหน้าและกระพริบตามองเพียงอย่างเดียว
ในตอนนั้นเอง หลิงฮันก็ยิงลูกศรออกไปจริงๆ
‘ตูม’ ลูกศรที่สร้างจากแรเหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่าง
จ่าฝูงอสูรลาวาเปิดตากว้างด้วยความตกตะลึง มันรีบลุกขึ้นมาพร้อมกับลวดลายบนผิวที่เริ่มส่องสว่างไปด้วยอำนาจเปลวเพลิง
แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็… สายไปแล้ว!
เมื่อศรฆ่ามังกรทะลวงดาราถูกใช้ออก เกรงว่าคงมีแต่ตัวตนระดับสุริยันจันทราเท่านั้นที่จะหลบได้ แต่แน่นอนว่าจ่าฝูงอสูรลาวาไม่มีพลังระดับนั้น
‘ปัง!’
ลูกศรแทงทะลวงใส่ดวงตาของจ่าฝูงอสูรลาวาเข้าไปลึกจนมองไม่เห็นตัวลูกศร
“โฮกกก!” จ่าฝูงอสูรลาวาคำรามด้วยความโกรธ รูปแบบอาคมบนลูกศรถูกกระตุ้นใช้งานเกิดเป็นพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว หนึ่งในสี่ของศีรษะของจ่าฝูงอสูรลาวาถูกระเบิดทิ้ง โลหิตของมันสาดกระจายไปด้วยจนมองเห็นกระดูกที่แตกหัก
จะอย่างไรจ่าฝูงก็ยังคงเป็นจ่าฝูง แม้จะบาดเจ็บมันก็ยังไม่ตาย มันใช้ดวงตาข้างเดียวมองมายังหลิงฮัน ในที่สุดมันก็เจอตัวการแล้ว
มันคำรามและใช้ขาทั้งสี่วิ่งเข้าใส่หลิงฮัน ‘ครืนน’ ทุกครั้งที่เทาของมันกระทบพื้นทั่วทั้งถ้ำจะสั่นไหว ลวดลายบนร่างของมันปลดปล่อยอำนาจแห่งเปลวเพลิงออกมาเต็มที่ จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นหรือแม้แต่ขั้นกลางหากสัมผัสโดนอาจจะถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
“ข้าไม่เล่นกับเจ้าแล้ว” ร่างของหลิงฮันส่องสว่างก่อนจะหายไป
หายไปไหนแล้ว?
จ่าฝูงอสูรลาวาวิ่งตามหาหลิงฮัน ดวงตาข้างเดียวของมันปลดปล่อยสัมผัสสวรรค์ที่แข็งแกร่งออกมาแต่มันกลับหาไม่พบเลย มันโกรธมากที่หลิงฮันระดับศีรษะของมันไปหนึ่งในสี่ส่วนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังจากตามหาต่อไปอีกพักหนึ่งมันก็ยอมล่าถอย สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องรักษาบาดแผลเสียก่อน ไม่เช่นนั้นบากแผลนี้อาจจะเป็นภัยถึงชีวิตได้
แต่ทันใดนั้นเองร่างของมนุษย์ที่มันรังเกลียดก็ปรากฏตัวอีกครั้ง
ลูกศรอีกดอกถูกยิงออกไป!
จ่าฝูงอสูรลาวารีบลุกขึ้นยืนและตั้งท่าป้องกันอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันแค่แสร้งทำเท่านั้น เมื่อครู่เขาเพิ่งยิงศรฆ่ามังกรทะลวงดาราไปเอง ตอนนี้พลังปราณในร่างเขาแห้งเหือดไปหมดแล้ว เขาจะยังยิงลูกศรครั้งต่อไปได้อย่างไร?
แต่เขาจะยิงลูกศรออกไปยิงครั้งได้หรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญก็คือเขาต้องการทำให้จ่าฝูงอสูรลาวาหวาดกลัวต่อการกระทำของเขา
ในขณะเดียวกันหลิงฮันก็กำผลึกก่อกำเนิดเอาไว้ในมือเพื่อฟื้นฟูพลังปราณที่เสียไป
ส่วนในด้านของจ่าฝูงอสูรลาวานั้น เมื่อใดที่มันคิดจะรักษาตัวเอง หลิงฮันจะตั้งท่าแสร้งทำเป็นจะยิงลูกศรเพื่อทำให้มันตกอยู่ในสถานการณ์ที่หวาดระแวง เมื่อทำเช่นนี้โลหิตของจ่าฝูงอสูรลาวาก็จะไหลไม่หยุดและค่อยๆทำให้มันตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ยิ่งขึ้น