Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 973
การต่อสู้ของจอมยุทธที่แข็งแกร่ง ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยจะทำให้ผลลัพธ์แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง!
นี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของหลิงฮันนั้นเหนือกว่าชายชราตระกูลหลัว
ดังนั้น หลังจากที่เขาใช้พลังแรงโน้มถ่วงผลลัพธ์มันจึงชัดเจนมากยิ่งขึ้นไปอีก มิฉะนั้นมันคงไม่ได้ผลกับชายชรามากขนาดนี้
อาจพูดได้ว่าพลังของเขาอยู่เหนือกว่าพลังแห่งกฎเกณฑ์ ทักษะจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ
ในความเป็นจริง หลิงฮันไม่ได้แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น เขาแค่แข็งแกร่งกว่าพวกตระกูลหลัวก็เท่านั้นเอง
“เจ้าเด็กบัดซบ!” ชายชราตระกูลหลัวโจมตีออกไปด้วยดาบหลายครั้งแต่ก็ไร้ผล เส้นผมของเขาตั้งชันด้วยความโกรธและอัปยศแล้วกรีดร้องว่า “เจ้ากล้าลองดีกับตระกูลหลัวของข้า เจ้าจะต้องไม่ได้ตายดีอย่างแน่นอน! มันจะไม่ได้มีเพียงแค่เจ้าเท่านั้นที่จะต้องตาย พ่อแม่ของเจ้าเองก็ต้องถูกฆ่า ส่วนลูกของเจ้าจะต้องกลายเป็นทาสตลอดชีวิต!”
“ตระกูลหลัวของข้าก่อตั้งมานานนับล้านปี มดปลวกจากโลกใบเล็กอย่างเจ้าจะมาต่อกรกับพวกข้าได้อย่างไร!”
ท่าทีของหลิงฮันกลายเป็นเย็นชาและพูดว่า “เจ้าทำได้แค่พูด!”
หลิงฮันโจมตีออกไปอีกครั้ง ทันใดนั้นรัศมีดาบของเขาเริ่มหนาแน่นขึ้นและยาวขึ้น แล้วสะบั้นไปที่ฝ่ายตรงข้าม พลังของการโจมตีครั้งนี้ค่อนข้างน่าทึ่งทีเดียว มันทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นห้าดาว
ปัง! ปัง! ปัง!
หลังจากที่ชายชราตระกูลหลัวปะทะกับหลิงฮันอยู่หลายครั้ง เขาอุทานออกมาด้วยความตกใจว่า “เจ้า….ที่จริงแล้วเจ้าเป็นอัจฉริยะระดับห้าดาว!”
ในตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองเหนือกว่าหลิงฮันเล็กน้อย เพราะเขาเป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาว แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่ต่อสู้กับหลิงฮันได้อย่างทัดเทียมเท่านั้น ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ อีกฝ่าย….เป็นอัจฉริยะระดับห้าดาว!
นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก แม้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา แม่ทัพทั้งเจ็ดคนยังเป็นแค่อัจฉริยะระดับสี่ดาวเท่านั้น มีเพียงแค่จักรพรรดินีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นอัจฉริยะระดับห้าดาวในตำนาน ศัตรูดังกล่าว…เขาจะต้องกำจัดให้จงได้ มิฉะนั้นตระกูลหลัวของพวกเขาจะต้องพังพินาศ!
“อัจฉริยะระดับห้าดาว?” หลิงฮันยิ้ม นี่เขายังไม่ได้เอาจริงเลย หากเขาเอาจริงบางทีชายชราอาจหวาดกลัวจนตายไปแล้ว
หลิงฮันยังคงใช้พลังแรงโน้มถ่วงใส่ชายชราตระกูลหลัวอยู่ตลอดเวลา ภายใต้การควบคุมของเขาทำให้ชายชราตระกูลหลัวถูกกดทับอย่างต่อเนื่องและพลังต่อสู้ของเขาเองก็ลดลงเป็นอย่างมาก
เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามมันไม่ได้จำกัดวิธี และการที่กุมจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้ถึงเป็นเรื่องดี เหมือนกับผู้คนของตระกูลหลัวทั้งสี่คนที่มาพร้อมกับตาข่ายผนึกสีชาดเพื่อทำให้จ้าวอสูรลาวาอ่อนแอลง
แต่ที่พวกเขาไม่รู้คือจ้าวอสูรลาวาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดแล้ว แม้พวกเขาจะมีตาข่ายผนึกสีชาดแต่ก็โอกาสที่จะล้มเหลว
ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของหลิงฮัน ทำให้ชายชราตระกูลหลัวได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนท้ายที่สุดเขาก็ถูกดาบของหลิงฮันแทงทะลุหัวใจ
เขาจับดาบของหลิงฮันด้วยมือเปล่าทั้งสองข้างและจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาที่ขุ่นเคือง “ฮ่าฮ่าฮ่า การที่เจ้าเป็นอัจฉริยะระดับห้าดาวมันไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย ผู้คนนับไม่ถ้วนจะต้องเพ่งเล็งมาที่เจ้าหมายเอาชีวิต ข้าผู้นี้จะรอเจ้าหลังโลกแห่งความตาย!”
หลังพูดจบชายชราก็สิ้นลมหายใจ
หลิงฮันดึงดาบของเขากลับและเก็บเข้าไปในหอคอยทมิฬ แล้วพูดว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนั้น เมื่อข้าแข็งแกร่งพอ ข้าจะพาผู้คนตระกูลหลัวของเจ้าไปหาเจ้าเอง!”
จากนั้นหลิงฮันเดินเก็บรวบรวมแหวนมิติจากทั้งสี่คน ซึ่งภายในมันมีแค่ผลึกก่อเกิดร้อยกว่าก้อนและมีผลึกภูผาวารีธรรมดาอีกหนึ่งก้อน มันน้อยมากจนเขาต้องส่ายหน้าไปมา
เขาเดินกลับเข้าไปในถ้ำและเก็บตาข่ายผนึกสีชาดขึ้นมา ตาข่ายนี่ถือว่าเป็นของดี มันสามารถสะกดพลังของอีกฝ่ายได้ ถึงแม้จะไม่รู้ขีดจำกัดของมันมากนัก มันจะสามารถใช้กับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้หรือไม่?
“หากข้ามีเจ้านี่ ข้าก็จะสามารถจัดการจอมยุทธคนอื่นได้อย่างง่ายดาย”
จากนั้นหลิงฮันมุ่งความสนใจไปที่โขดหินสีดำ แล้วรู้สึกว่ามันมีบางอย่างแปลกประหลาด ทำไมจ้าวอสูรลาวาถึงอาศัยอยู่ที่นี่? ทำไมถึงมีผลึกภูผาวารีปรากฏอยู่ที่นี่?
เขาพยายามยกโขดหินขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจขยับเขยื้อนมันได้เลยแม้แต่น้อย
มันเป็นหนึ่งเดียวกับพื้นดินไปแล้วข้าเลยยกมันขึ้นมาไม่ได้? หรือว่ามันจะหนักไป?
หลิงฮันใช้สัมผัสสวรรค์ห่อหุ้มโขดหิน ตราบใดที่เขาสามารถทำได้ เขาก็จะพามันเข้าไปในหอคอยทมิฬได้
แต่สภาพแวดล้อมของที่นี่เลวร้ายมาก แม้หลิงฮันจะไม่เป็นอะไร แต่เมื่อส่งสัมผัสสวรรค์ลงลึกไปใต้ดิน ความร้อนแรงของลาวาทำให้เขาต้องเรียกสัมผัสสวรรค์กลับมาและฟื้นฟูสัมผัสสวรรค์ทันที
แต่หลิงฮันก็ยังคงใช้สัมผัสสวรรค์ห่อหุ้มมันทีละเล็กน้อย เขาใช้เวลาเกือบธูปหนึ่งดอก แล้วในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พรึบ โขดหินสีดำหายไปในพริบตา
เมื่อเขามองเข้าไปในหลุมลึกเจ็ดฟุตบนพื้นดิน แต่ก้นหลุมนั้นมืดมิดมาก ทำให้เขาไม่ทราบว่ามันมีน้ำหรือแร่เหล็กหรืออะไรกันแน่ที่อยู่ด้านล่าง
หลิงฮันโยนจึงก้อนหินลงไปในหลุมและทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นแล้วก้อนหินของเขาก็กลายเป็นผุยผง
เขารู้สึกตกตะลึงมาก ต้องทราบก่อนว่าก้อนหินที่อยู่ที่นี่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยเขาก็ทำได้แค่สร้างประกายไฟขึ้นมาเท่านั้น แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นผุยผง
พลังทำลายล้างของมันน่าสะพรึงกลัวมาก
ครืน!
หลังจากนั้นไม่นานได้เกิดฉากที่น่าทึ่งบางอย่างขึ้น มันมีใบหน้าโผล่ขึ้นมาจากหลุม!
ถึงแม้ว่าใบหน้าจะดูปกติ ทุกอย่างดูปกติ มันมีทั้งจมูก ปากและตา แต่ว่าขนาดของมันนั้นใหญ่เกินไป!
แล้วร่างกายที่แท้จริงของมันที่ถูกฝังอยู่ในหลุมจะมีขนาดใหญ่แค่ไหนกัน?
แม้จะเห็นแค่ใบหน้าของมัน แต่หลิงฮันก็สามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวจากมันแล้ว ถึงขั้นทำให้ดวงวิญญาณของเขาต้องสั่นสะท้าน
แข็งแกร่ง!
มันอาจไม่ใช่ระดับสุริยันจันทรา แต่อาจเป็นระดับดารา!
นี่ทำให้หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าโขดหินสีดำไม่ได้อยู่ที่นี่อย่างไร้เหตุผล มันมีอยู่เพื่อกักขังมัน
เมื่อใบหน้าของมันโผล่ขึ้นมาเกือบสามฟุต จนถึงจุดที่ไม่สามารถโผล่ขึ้นมาได้อีก ใบหน้าของมันแสดงรอยยิ้มและพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีเสียงดังออกมา
แต่หลังจากนั้นชั่วครู่ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมาในจิตใจของหลิงฮัน “เผ่ามนุษย์เอ๋ย โปรดช่วยข้าขึ้นมาจากหลุม ข้าสามารถมอบชีวิตที่รุ่งโรจน์ให้แก่เจ้า!”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “นี่คือท่าทีของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ?”