Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม! - ตอนที่ 40 การสัมภาษณ์
ถ้าหากความต้องการทั้งหมดเหล่านี้ถูกรวมเข้าด้วยกัน เฉินโม่จะต้องหาคนลักษณะนี้แล้ว :
คนหนุ่มสาวที่มีศัยกภาพ
ต้องมีความสามารถที่ครอบคลุมและรอบรู้ในการทำงานเป็นผู้ช่วย
ต้องมีความเข้าใจพื้นฐานของเกม
ไม่สามารถทะเยอทะยานมากเกินไป และไม่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อแผนการในอนาคตของเฉินโม่ได้
ตามมาตรฐานนี้ เฉินโม่ถึงกับคัดกรองเรซูเม่ทั้งหมดที่ส่งมาวันนี้จนหมด
ผลลัพธ์นั้นน่าเศร้า
ไม่มีคนที่ตรงตามความต้องการของเฉินโม่แม้แต่คนเดียว
แน่นอนว่า เฉินโม่เตรียมใจกับผลลัพธ์นี้ไว้นานแล้ว ความต้องการของเขาเข้มงวดอย่างมาก และวันนี้ก็เป็นแค่วันแรก เขาจึงไม่ได้กังวล
…….
สามวันต่อมา
ตอน 10 โมงเช้า ร้านสัมผัสประสบการณ์เปิดเป็นปกติ เฉินโม่กลับไปเขียนเอกสารออกแบบสำหรับเวอร์ชั่นใหม่ของ Plants vs Zombies ด้วยโน๊คบุ๊คที่หน้าเคาน์เตอร์ต่อ
ฟังก์ชันหลักๆ ในปัจจุบันค่อนข้างเรียบง่าย เป็นฟังก์ชันที่ยึดตามขอบเขตของงานเดิม ทั้งมีกฏที่ชัดเจนมาก เขาจึงเขียนได้อย่างราบรื่น ไม่มีอะไรมากนักที่จะต้องพิจารณาซ้ำอีก
ขอบเขตของงานหลักนั้นเกือบเป็นรูปเป็นร่างแล้ว งานต่อไปส่วนใหญ่ก็เป็นการปรับแก้เอกสารและการสร้าง
ในช่วงสามวันมานี้เฉินโม่ได้รับเรซูเม่มาจำนวนมากจากผู้สมัคร ทั้งยังสอบสัมภาษณ์ไปสี่ถึงห้าคน นอกจากที่เขาไม่พอใจกับผลลัทธ์แล้ว ก็ยังไม่พบผู้ช่วยและพนักงานต้อนรับที่เขาต้องการเลยสักคน
คนหลายคนที่มาสัมภาษณ์ไม่ระมัดระรังตัวเกินไปก็มีความฉลาดไม่ดีมากพอ ทุกคนมีแต่ข้อบกพร่องในตัว เฉินโม่จึงรู้สึกไม่พอใจ
ท้ายที่สุดก็ยังมีความแตกต่างระหว่างการอ่านเรซูเม่และการสัมภาษณ์ ซึ่งการสัมภาษณ์จะมีรายละเอียดเล็กๆ ที่สะท้อนให้เห็นจากวิธีการพูด, มารยาท, และการกระทำ
ข้อกำหนดของเฉินโม่ เว้นแต่ว่าเขาจะพบคนที่พอใจเป็นพิเศษเท่านั้น ไม่อย่างงั้นเขาจะตัดออกไปอย่างเด็ดขาด
เขาจะไม่มีการโอนอ่อนอย่างแน่นอน
“สวัสดีค่ะ ฉันมาเพื่อสัมภาษณ์ค่ะ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
เฉินโม่เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างนอก เธอมีอายุประมาณ 23 ปี ไว้ผมสั้นทรงหน้าม้า และเป็นคนที่หน้าตาน่ารักอย่างยิ่ง เป็นคนที่มีรอยยิ้มจริงใจบนใบหน้าชวนให้คนหลงใหลเอามากๆ
“เอ่อ สวัสดีครับ เชิญเข้ามาข้างในก่อน”
เฉินโม่ลุกขึ้นแล้วหยิบเรซูเม่ที่ปริ้นเตรียมไว้จากข้างตัว
เฉินโม่พาหญิงสาวไปที่ห้องประชุมแล้วรินน้ำใส่แก้วให้หนึ่งใบ
ซูจินหยู่ อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายจากสาขาศิลปะจากมหาลัยที่มีชื่อเสียงในปักกิ่ง ในช่วงที่เธอเรียนอยู่นั้น เธอเคยได้รับรางวัลต่างๆ จำนวนมาก แต่เธอไม่ได้เขียนลงไปในเรซูเม่
อย่างไรก็ตาม เฉินโม่ก็ตัดสินโดยคร่าวๆ ได้ว่าซูจินหยู่นั้นไม่ใช่แกนนำที่มีความแข็งกร้าวเหมือนเหวินหลิงเหวย แต่เธอนั้นเป็นเหมือนนางแบบมากกว่า รางวัลต่างๆ ในเรซูเม่โดยรวมแล้วเป็นงานหนักๆ ที่คนอื่นไม่เต็มใจทำ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอไม่ใช่นักศึกษาที่อาศัยการเสี่ยงดวง ตรงกันข้ามกันเลยเธอเป็นนักศึกษาที่มีความมั่นคงและมีความสามารถ
จนตอนนี้ความประทับใจของเฉินโม่ที่มีต่อซูจินหยู่นั้นอยู่ในระดับที่ไม่เลว
“ฉันได้อ่านเรซูเม่ และเข้าใจข้อมูลพื้นฐานของคุณแล้ว การสัมภาษณ์นี้เป็นแค่การพูดคุยกันแบบสบายๆ ดังนั้นไม่ต้องกังวล” เฉินโม่พูด
ซูจินหยู่พยักหน้า “ค่ะ!”
เฉินโม่รู้สึกว่าเขาคิดมากเกินไป ซูจินหยู่ดูจะไม่ได้กังวลเลย เธอน่าจะได้ประสบกับสิ่งต่างๆ ในมหาลัยมามาก บางทีเธออาจจะเกิดมาพร้อมกับหัวใจที่แข็งแกร่งก็ได้
“ที่เขียนไว้ในเรซูเม่ว่าคุณทำได้ทั้งพนักงานต้อนรับและผู้ช่วย ทำไมเหรอ?” เฉินโม่ถาม
ซูจินหยู่พูด “อา เพราะฉันรู้สึกว่า ถ้าฉันไม่สามารถเป็นผู้ช่วยได้ ฉันก็สามารถเป็นพนักงานต้อนรับได้ค่ะ ฉันเองก็น่าจะสามารถเรียนรู้อะไรสักอย่างได้ในตำแหน่งพนักงานต้อนรับค่ะ”
นี่เป็นคำตอบที่ตรงตามความเป็นจริงมาก เฉินโม่เห็นว่าซูจินหยู่เริ่มมีท่าทีต่ำต้อยลง บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอสมัครเป็นตำแหน่งนักออกแบบเกมไม่ได้ก็เป็นได้
“คุณเรียนสาขาศิลปะแล้วทำไมถึงไม่เลือกเป็นศิลปินแต่กลับมาเลือกเป็นนักออกแบบเกมแทนล่ะ? ผมเห็นว่าระดับในการวาดมือของคุณอยู่ในระดับสูง เผลอๆ อาจจะเป็นได้กระทั่งศิลปินเชิงแนวคิดที่คุณสมบัติเพียบพร้อมเลยทีเดียว” เฉินโม่ถาม
ซูจินหยู่ตอบ “เอ่อ…ในแง่หนึ่ง เพราะการได้เป็นนักออกแบบเกม ฉันสามารถใช้ความสามารถของฉันในการวางแผนได้ ขณะที่อีกแง่หนึ่ง ฉันคิดว่านักออกแบบเกมเป็นอาชีพที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากกว่าค่ะ”
เฉินโม่พูด “ถึงอย่างงั้นคุณเองก็เคยพยายามพัฒนาเกมอินดี้แต่ก็ไม่เคยปรากฎตัวตนของนักออกแบบเกมในที่ใดๆ เลย คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีพรสรรค์เพียงพอบ้างเหรอ?”
ซูจินหยู่พูด “เอ่อ…บางทีพรสรรค์ของฉันอาจจะไม่สูงก็ได้ค่ะ แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้ค่ะ!”
เฉินโม่พยักหน้าแล้วถามคำถามถัดไปต่อ “คุณคิดว่าอะไรคือคุณภาพที่สำคัญที่สุดของนักออกแบบเกม?”
คิ้วของซูจินหยูย่นลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคำถามนี้ค่อนข้างเป็นคำถามที่คลุมเครือ ซูจินหยูจึงคิดอยู่พักหนึ่ง
“เอ่อ ฉันคิดว่าคุณภาพที่สำคัญที่สุดของนักออกแบบเกมก็คือความเชื่อมั่นในตัวเองค่ะ” ซูจินหยูตอบ
เฉินโม่พูด “ความเชื่อมั่น?”
ซูจินหยูอธิบาย “อา อย่าพึ่งเข้าใจฉันผิดค่ะ มันไม่ใช่ความเชื่อมั่นตามความหมายดั้งเดิม ฉันหมายถึงนักออกแบบเกมควรเชื่อมั่นในหัวใจของตัวเองแล้วสร้างเกมตามกระแสของผู้เล่น นำความสนุกและแรงบันดาลใจมาสู่ผู้เล่นค่ะ”
เฉินโม่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม “ถ้าตอนนี้คุณมีโอกาส การจะสร้างเกมที่มีชื่อเสียงย่ำแย่แต่ทำเงินได้จำนวนมาก คุณจะทำไหม?”
ซูจินหยูมีความสงสัย “ชื่อเสียงยำแย่ มันจะทำเงินได้ยังไงกันค่ะ?”
เฉินโม่พูด “แค่สมมุติฐาน”
ซูจินหยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “เอ่อ…ฉันไม่รู้ค่ะ ฉันบอกได้แค่ว่าถ้าสร้างเกมแบบนี้ฉันคิดว่ามันเป็นเกมแย่ๆ ค่ะ แล้วฉันก็จะไม่ทำ ต่อให้ฉันทำเงินได้มากก็ตาม”
เฉินโม่ถามต่อ “แล้วถ้าผมอยากสร้างเกมแบบนี้ล่ะ?”
ซูจินหยู่พูด “อ๊า? คุณเป็นถึงนักออกแบบเกมของ Plants vs Zombies เป็นนักออกแบบเกมที่เคยสร้างเกมยอดฮิตขนาดนั้น คุณจะปัดทิ้งชื่อเสียงเพื่อมาหาเงินได้ยังไงกันค่ะ? ”
เฉินโม่พูด “พูดตามตรง นั่นเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผมที่จะพัฒนาเกมทำเงินแต่มีชื่อเสียงย่ำแย่ ถ้าคุณยอมรับไม่ได้ งั้นพวกเราก็ไม่สามารถร่วมมือกันได้”
คิ้วของซูจินหยู่ย่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าทางเลือกนี้ค่อนข้างทำให้เธอลำบากใจ
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูจินหยู่ก็พูด “ฉันจะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาดค่ะ พูดตามตรง ฉันชอบ Plants vs Zombies จริงๆ ฉันคิดว่าเหตุผลที่ทำให้คุณพัฒนาเกมอย่างนั้นขึ้นมาได้จะต้องเป็นเพราะคุณเป็นนักออกแบบเกมที่มีพรสวรรค์อย่างมาก ฉันมั่นใจว่าจะได้เรียนรู้มากมายจากการเป็นผู้ช่วยของคุณแน่นอน…”
“ฉันค่อนข้างโง่ค่ะ ฉันอยากเป็นนักออกแบบเกมด้วยตัวเองแต่ก็ล้มเหลว ฉันจึงอยากเริ่มเป็นผู้ช่วยก่อนแล้วเรียนรู้เอาค่ะ”
“คุณคิดว่าเรื่องนี้จะโอเคไหม ให้ฉันเป็นพนักงานต้อนรับก็ได้แต่คุณจะต้องให้ฉันทำงานของผู้ช่วยไปด้วย แล้วถ้าฉันพบเกมที่ไม่ชอบ ฉันขอมีสิทธิ์เลือกที่จะไม่ทำน่ะค่ะ”
ท่าทางของซูจินหยู่มีความจริงใจมาก ไม่ยอมแพ้ต่อความเชื่อมั่นของตัวเองทั้งไม่พยายามที่จะหว่านล้อมต่อหลักการของเฉินโม่
ถ้าซูจินหยู่ได้เป็นผู้ช่วยจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเฉินโม่ในการออกแบบเกมโดยสิ้นเชิง ต่อให้เฉินโม่ขอให้ซูจินหยู่สร้างเกมที่เธอไม่ชอบ เธอก็ยังคงต้องสร้างมัน นี่เป็นกฎแห่งความเป็นมืออาชีพในฐานะผู้ช่วยของนักออกแบบเกม
เพราะเช่นนั้นซูจินหยู่จึงอยากเป็นพนักงานต้อนรับแล้วทำงานเป็นผู้ช่วยมากกว่า นี่เป็นวิธีที่ประนีประนอมแล้ว
เฉินโม่ครุ่นคิด
ซูจินหยู่เป็นผู้สมัครที่น่าพอใจมากที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือซูจินหยู่มีใจรักให้กับเกมโดยธรรมชาติ แถมเป็นคนที่เต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก ทัศนคติเชิงบวกและมีความสามารถในการหว่านล้อมคนอื่นอย่างมาก การทำงานร่วมกับซูจินหยู่คงจะน่าสนุกน่าดู
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เฉินโม่กังวลนั่นก็คือความคิดของซูจินหยู่และของเขาไม่เข้ากันอย่างสมบูรณ์
เห็นได้ชัดว่า ซูจินหยู่เป็นคนที่ต้อง “ได้รับเงินด้วยวิธีอันชอบธรรม” ขณะที่เฉินโม่แตกต่างกัน
วงการเกมมีความอันตรายอย่างมาก ในหนทางข้างหน้าของเฉินโม่นั้นมีแต่สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ อย่างเช่น มิวชวลเอ็มเพอเรอและฉานหยี่เอ็มเพอเรอที่มีผู้รับช่วงต่อนับไม่ถ้วนที่กระหายอยากเป็นผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวในวงการนี้ เกมคุณภาพสูงแค่ไม่กี่เกมของโลกเก่ามันไม่เพียงพอให้เขาพึ่งพาได้หรอก
เฉินโม่ต้องการเงินจำนวนมากเพื่อพัฒนาเกมคุณภาพสูงขนาดใหญ่ ดังนั้นสำหรับเขาตอนนี้เป้าหมายหนึ่งเดียวก็คือการหาเงินให้มากขึ้น ไม่สำคัญว่าเขาจะเสียชื่อเสียงไปชั่วคราวหรือไม่
นี่จะขัดแย้งกับหลักการของซูจินหยู่อย่างแน่นอน
เฉินโม่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด “เอาอย่างนี้ ก่อนที่คุณจะจบการศึกษา คุณมาเป็นพนักงานต้อนรับแล้วทำงานเป็นผู้ช่วยที่นี่ไปก่อน แล้วถ้าเกิดคุณไม่ถูกใจอะไรก็สามารถลาออกได้ตลอดเวลา ถ้าคุณเต็มใจจะอยู่ต่อหลังจบการศึกษา งั้นเราก็จะเซ็นสัญญากันอย่างเป็นทางการ คุณคิดว่าไง?”