Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม! - ตอนที่ 60 ดูจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ
- Home
- Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม!
- ตอนที่ 60 ดูจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ
ตอนที่ 60 ดูจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ
หลังจากเข้าเนื้อเรื่อง เสียงเพลงของเกมก็ดังขึ้น
“ข้ามีนามว่ามูริน ข้ามีร่างผิวทองแดงกระดูกเหล็ก ข้าแคล้วคลาดและคุ้มภัยสามารถปกป้องเจ้าด้วยร่างกายของข้าได้”
เสียงทํานองเพลงอันเร่าร้อนดังขึ้นทําให้เฉินโม่รู้สึกเหมือนกับว่าอารมณ์ในวัยเด็กได้ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ท่วงทํานองและเนื้อเพลงล้วนถูกเรียบเรียงโดยเฉินโม่เอง แถมการขับร้องของนักร้องก็ไพเราะทําให้ฟังติดหูมาก
ซูจินหยู่ประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเพลงจะออกมาดีเกินคาด
คนบนโลกใบนี้ไม่เคยดู “เซนต์เซย่า” แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่ฮิรากิมัตสึซาวะกับโนบุโอะ ยามาดะแต่งขึ้น มันจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์รุ่มร้อนของการ์ตูนญี่ปุ่นไม่ว่าจะในโลกมิติไหนก็ยังเป็นบทเพลงคลาสสิก
เนื้อเรื่องเริ่มดําเนิน
เพื่อให้ภารกิจสําเร็จ มูริน (MT)เดินทางมาถึงถ้ําและที่ปากทางเข้าถ้ําเขาก็ได้พบกับหมอผี(Sha Man)ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจากนั้นมูริน(MT)กับหมอผี(Sha Man)ก็พากันออกไปจะช่วยหัวขโมย(thief)ที่กําลังถูกไล่ล่าโดยบุรุษรัตติกาล(night man)แต่เขาก็ถูกบุรุษรัตติกาลจับทางได้เสียก่อน
เหนือสิ่งเหนือใดออโรร่าสตูดิโอส์ก็เป็นทีมงานมืออาชีพไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมโยงของเนื้อเรื่องบทพากย์หรือความกระชับของเรื่องราวก็ดีกว่าโลกเก่าแถมยั่วเฟิงยังได้ปรับพล็อตตามแบบที่เขาเข้าใจทําให้เรื่องราวเข้าใจง่ายขึ้น
แถมเฉินโม่ยังจงใจกําหนดพล็อตเบลอ ๆในเกม “World of Warcraft”ลงไปบางส่วนเพื่อให้ผู้เล่นได้ค่อยๆซึมซับกันด้วย
นอกจากนี้ เมื่อบุรุษรัตติกาลปรากฏตัวในฉาก เฉินโม่ก็สั่งให้ทําเครื่องหมายชี้ไปที่ตัวละครพร้อมกับคําบรรยายว่าพันธมิตรบุรุษรัตติกาลและคําว่า“พันธมิตร”ก็แสดงด้วยไอคอนตัวอักษรสีแดงด้วยวิธีนี้ผู้ชมก็จะรู้ถึงบทบาทของตัวละคร
การปรับเปลี่ยนดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการบอกให้ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าปมหลังโดยไม่ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนในงานเก่า
สิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเพลงจบก็ดังขึ้น
ครั้งนี้ทุกคนได้ยินทํานองเพลงสากลบ้าง แต่สิ่งที่ทําให้ทุกคนสงสัยก็คือเนื้อเพลงจบบทนี้มีการแทรกชื่อสถานที่ต่าง ๆที่น่าสงสัยบนโลกไว้หลายแห่ง
เฉินโม่ปิดโปรเจกเตอร์แล้วถามว่า“พวกคุณรู้สึกยังไงบ้าง?”
ทุกคนแสดงออกอย่างซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ชางซิ่วหยาคิดครู่หนึ่ง “มีโครงเรื่องอยู่ส่วนเล็ก ๆ ที่ดูจะเข้าใจแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ”
เจียเผิงพูดขึ้น “ผลิตออกมาดีมากครับ ถือว่าเป็นระดับเฟิร์สคลาสเลยครับ”
เหวินหลิงเหวยพูดว่า “สั้นเกินไป”
ซูจินหยูพยักหน้า “ใช่ค่ะ แค่ 10 นาทีเอง ฉันรู้สึกว่าโครงเรื่องคืบหน้าไปไม่ได้เท่าไหร่มันก็จบแล้วแต่ฉันพอรู้สึกได้คร่าวๆว่าโลกทัศน์ของเรื่องนี้กว้างขว้างมาก”
เจี่ยเผิงกล่าวเสริม “มันน่าสนใจมากเลยครับ แต่มันรู้สึกเหมือนเป็นซีรีส์ตลอดชีวิตยังไงไม่รู้ ถ้าคุณทําแค่ตอนละ10 นาทีผมกลัวว่าอนิเมะเรื่องนี้จะสร้างความประทับใจได้หรือป่าวนี่ส?”
ทุกคนพากันพูดคุยกัน แต่ส่วนใหญ่ความคิดเห็นของทุกคนมุ่งเน้นไปที่สองประเด็น : สั้นเกินไป หรือไม่ก็ภูมิหลังของเรื่องและโลกทัศน์ไม่ได้พิจารณาอย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ตัวละครฉากและโครงเรื่องนั้นโอเคหมด
ในเรื่องนี้ เฉินโม่เตรียมใจมาแล้ว แม้ว่าเขาและถั่วเฟิงจะทําการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องบางส่วน พวกเขาได้แทรกการแนะนําโลกทัศน์อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็ตาม แต่ท้ายที่สุด World of Warcraft ก็ไม่มีพื้นฐานอะไรเลยในโลกนี้จึงเป็นธรรมดาที่คนดูจะไม่ค่อยเข้าใจ
เฉินโม่เอ่ยถามว่า ” พวกคุณคิดอย่างเป็นกลางเถอะ ถ้าอนิเมะเรื่องนี้ออกฉายในตอนที่สองกับตอนที่สามพวกคุณอยากจะดูต่อ ไหมอย่านับอนิเมะเรื่องนี้กับความสัมพันธ์ของผม แค่คิดว่ามันเป็น แค่ผลงานของคนอื่นก็พอ”
ทุกคนคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เจียเผิงพยักหน้า “อยากจะดูครับ เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างใหม่พูดตามตรงนะครับ เวอร์ชัน Q ไหวพริบ และเวทมนตร์ตะวันตกผมไม่เคยเห็นอนิเมะที่มีองค์ประกอบทั้งสามแบบนี้เลยผมอาจจะด่วนสรุปเร็วเกินไปหน่อย”
ชางซิ่วหยาก็พยักหน้า: “ฉันก็อยากดูค่ะฉันคิดว่าตัวละครในลักษณะแบบนี้มันน่ารักมาก แถมแต่ละตัวก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเองฉันอยากรู้จริง ๆ ค่ะว่าเนื้อเรื่องงี่เง่าแบบนี้มันจะเป็นยังไงต่อ”
“แล้วพวกเธอล่ะ?” เฉินโม่มองไปที่เหวินหลิงเหว่ยกับซูจินหยู
ซูจินหยูรู้สึกสับสนนิดหน่อย “เอ่อ…ก็อยากจะดูต่อค่ะหนึ่งเพราะมีเนื้อหาไม่เหมือนใคร ส่วนอีกหนึ่งก็คือตอนแรกได้ทิ้งความสงสัยเอาไว้มากมาย และใช้ระยะเวลาในการดําเนินเรื่องดีด้วย เพลงตอนจบก็ยอดเยี่ยมค่ะ”
เหวินหลิงเหว่ยกล่าวว่า “ไม่รู้สิ ถ้าฮอตมากก็น่าจะดูถ้าฮอตน้อยก็น่าจะลืม”
เฉินโม่พยักหน้า เป็นไปตามการคาดการณ์ของเขา
ถ้าไม่มี World of Warcraft” “I am called mt” ก็ไม่เป็นไร? เห็นได้ชัดว่าไม่
สําหรับผู้ชมในโลกคู่ขนาน แม้ว่าจะไม่ค่อยคุ้นเคยแต่ขอแค่มี ความแปลกใหม่และความลึกลับบ้างสักเล็กน้อย
ในโลกของแอนิเมชัน ธีมของโลกแฟนตาซีตะวันตกนั้นเกือบจะสูญสิ้นไปหมดแล้ว ทําให้โลกทัศน์ของ “My name is mt” เป็นสิ่งที่ใหม่เอี่ยมสําหรับคนเหล่านี้ ทุกสิ่งอย่างในอาเซรอธสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ แถมฮีโร่ก็ยังเป็นตัวเอกด้วย นับว่าเป็นกลเม็ดที่ดี
กับความรู้สึกนี้ ผู้เล่นในโลกเก่าที่เพิ่งจะสัมผัสกับ “World of Warcraft” ก็มีผลลัพธ์เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ “ My name is mt” ก็สร้างออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมีสไตล์อารมณ์ขบขัน พล็อตเรื่องที่กะทัดรัดตัวละครที่ไม่เหมือนใครสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดเป็นจุดประกายได้ทําให้ผู้เล่นไล่ตามทัน
แม้ว่าจะไม่ถึงระดับความโด่งดังจนสูงสุดเหมือนในโลกเก่าแต่ไม่เป็นไรตราบใดที่ไอพีนี้สามารถสนับสนุนการยอมรับในเกมการ์ด “My Mt” ของผู้เล่นเกมมือถือได้ก็พอ
ตามการประเมินของเฉินโม่ ตราบใดที่แอนิเมชั่นเรื่องนี้สามารถตั้งหัวข้อได้จํานวนยอดเพลย์ 10 ล้านครั้งภายในหนึ่งเดือน เพียงพอที่จะแนะนําผู้เล่นให้มาเล่นเกมมือถือ “My name is mt” ได้จนมากพอ
แนวคิดของยอดรีเพลย์ 10 ล้านครั้งคืออะไร? เหมือนมุกตลกฝืด 100,000 เรื่องในโลกเก่า ยอดเพลย์ 10 ล้านครั้งถูกทําลายและในสามวันยอดรวมของตอนแรกก็ไปอยู่ที่ 160 ล้านครั้ง
ในโลกคู่ขนาน คุณภาพของอนิเมะ “ My name is mt “ ที่เฉินโม่สร้างถือเป็นมาตรฐานชั้นหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงพล็อตเรื่องและตัวละครที่ผ่านการตรวจสอบมาหลายครั้งในโลกเก่า
แม้ว่าจะหักลบปัจจัยด้านอารมณ์ออก ในกรณีที่เลวร้ายสุดจํานวนการรีเพลย์จะลดลงสามเท่างั้นเหรอ? แม้กระนั้นก็ยังพอที่จะแนะนําผู้เล่นให้มาเล่นเกมมือถือ “My name is mt”ได้จนมากพอ
ถ้าจํานวนการรีเพลย์ต่ํากว่าล่ะ? เฉินโม่อาจต้องมองหาเต้าหูสักชิ้นแล้วเอามาโขกหัวเพื่อฆ่าตัวตายแล้วล่ะ
หลังจากอ่านข้อมูลระดับการผลิตของตอนแรกและปฏิกิริยาของทุกคนแล้วเฉินโม่รู้สึกโล่งใจขึ้น
“เอาล่ะ ทุกคนมาทํางานกันต่อเถอะ” เฉินโม่หันกลับไปชั้นบน
ซูจินหยูอยากถามอะไรสักอย่าง แต่หลังจากคิดดู เธอยังไม่ถามก่อนดีกว่า
อันที่จริง เธอค่อนข้างรู้สึกสับสนว่าทําไมเฉินโม่ถึงโฟกัสไปที่อนิเมะนักแต่เกมนี้ก็ดูงี่เง่ามากจริงๆ ถ้าเฉินโม่เอาพลังงานและเงินที่ไปใช้สร้างแอนิเมชั่นมาสร้างเกมบางทีเขาอาจสร้างเกมที่ดีกว่านี้ก็เป็นได้งั้นจะต้องกังวลทําไมล่ะ?
กลับไปที่ชั้นสองเฉินโม่ยังคงทํางานต่อไป
ตอนนี้งานหลักของเฉินโม่ก็คือการวางแผนให้กับค่าตัวเลขและความสามารถในการต่อสู้ของการ์ดแต่ละใบ รวมถึงคอนเทนต์ของการ์ดให้ตรงตามเลเวลของการ์ด
ทรัพยากรศิลปะในส่วนของ UI และฉากต่างๆได้ส่งไปให้บริษัทเอาท์ซอร์สด้านศิลปะ เฉินโม่ขี้เกียจเกินจะวาดภาพเองแล้วทรัพยากรศิลปะพวกนี้ไม่ค่อยสําคัญนัก พวกมันซื้อหาเอาได้และในตอนท้ายเฉินโม่ค่อยไปรับเช็คที่หลัง
ในระยะถัดไปเฉินโม่จะต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าระบบของการ์ดและระบบเชิงตัวเลขจะไม่มีปัญหาอะไร