Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม! - บทที่ 153 สัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ภายในของ Dichao Entertainment
- Home
- Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม!
- บทที่ 153 สัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ภายในของ Dichao Entertainment
บทที่ 153 สัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ภายในของ Dichao Entertainment
หลังจากอธิบายแนวคิดการออกแบบ ‘Onmyoji’ อย่างคร่าวๆ แล้ว เฉินโม่ก็เริ่มมอบหมายงานให้กับทั้งสามคน
อันที่จริง หลังจากทำเกม ‘Warcraft’ และ ‘Wulin Legend’ แล้ว ทุกคนก็คุ้นเคยกับงานที่พวกเขารับผิดชอบเป็นอย่างดี เฉินโม่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไร
เฉินโม่เน้นย้ำถึงความสำคัญของเรื่องราวของ ‘Onmyoji’
ในความเป็นจริง ‘Onmyoji’ มี IP ซึ่งงานต้นฉบับเป็นนวนิยายชื่อเดียวกันที่เขียนโดยนักเขียนชาวญี่ปุ่นที่ชื่อบาคุ ยูเมะมาคุระ แต่อิทธิพลของนวนิยายเรื่องนี้ในจีนมีอยู่ทั่วไป บทบาทที่ใหญ่ที่สุดคือเรื่องราวในนั้นประกอบเป็นโครงเรื่องหลักของเกม ‘Onmyoji’
แน่นอนว่านิยายต้นฉบับมีจำนวนตัวอักษรมากมาย เฉินโม่ไม่จำเป็นต้องนำนิยายเรื่องนี้ออกมา เขาเพียงแค่เขียนเค้าโครงของเรื่องให้เจิ้งหงซีเขียนต่อเติมให้เสร็จ
นอกจากนี้งานต้นฉบับของ ‘Onmyoji’ มาจากนิทานพื้นบ้านในยุคเฮอัน อิงจาก ‘คนจากุโมโนงาตาริชู’ ปีศาจและตัวละครส่วนใหญ่ในนั้นมีต้นแบบ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกซูจิ่นอวี๋ทั้งสามคนที่จะเข้าใจ
หลังจากมอบหมายงานแล้วทั้งสามคนก็ไปทำงานของตัวเอง โดยเฉพาะเจิ้งหงซีที่ต้องทำการค้นคว้าจำนวนมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเขียนโครงเรื่องสไตล์ญี่ปุ่น
ส่วนเฉินโม่ เขายังคงต้องควบคุมคุณภาพของเกมทั้งหมดให้เหมือนกับชาติที่แล้ว
เมื่อกลับไปที่สตูดิโอ เฉินโม่ใช้ยาฟื้นความจำและเริ่มวาดภาพร่างขององเมียวจิและ Shikigami จากเกม
อาเบะ โนะ เซย์เมย์, คางุระ, มินะโมะโตะ โน ฮิโรมาสะ, ยาโอบิคุนิ
โอเท็งงุ, ชูเท็นโดจิ, เจ้าสมุทรอาราคาว่า, อิบารากิโดจิ….
ด้วยการอัปเดตอย่างต่อเนื่องของ ‘Onmyoji’ ทำให้มี Shikigami เพิ่มเข้ามาในเกมมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็มี Shikigami เกือบหนึ่งร้อยตัว ซึ่งเรียกว่า ‘ขบวนร้อยอสูร’
แต่เวอร์ชันแรกไม่จำเป็นต้องมี Shikigami มากมาย ประมาณ 70 ตัวก็เพียงพอแล้วที่จะรองรับเนื้อหาทั้งหมดของเกม
ก่อนอื่นเฉินโม่ตัดสินใจใช้ความทรงจำของเขาและจัดเตรียมภาพร่าง ตำแหน่ง และความสามารถให้กับ Shikigami ทั้งหมด
สิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นความสนุกหลักของ ‘Onmyoji’ ระบบการต่อสู้นั้นสมบูรณ์มากและการตั้งค่าของ Shikigami แต่ละตัวก็เข้ากับทักษะของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในด้านนี้ระดับของ ‘Onmyoji’ เหนือกว่าเกมการ์ดมือถืออื่นๆ ในประเทศ
อย่างเช่น พายุหิมะของยูกิอนนะ ใบหน้างามที่โกรธเกรี้ยวของจิ้งจอกสามหาง หยดน้ำฝนของโชซุ เป็นต้น ทักษะนี้เข้ากันได้ดีกับฉากและเรื่องราวเบื้องหลังของ Shikigami และหลังจากกิน Shikigami ประเภทเดียวกันแล้วก็สามารถเพิ่มระดับความสามารถได้อีกด้วย และด้วยการรวมดวงวิญญาณที่แตกต่างกันทำให้การเลือกผู้เล่นตัวจริงทั้งหมดจะมีความหลากหลายมากขึ้น
นี่เป็นข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของ ‘Onmyoji’ คือเป็นเกมเนื้อหาที่มีรูปแบบที่โดดเด่นและมีระดับความสมบูรณ์สูงมาก
พูดตามตรง แกนหลักของ ‘Onmyoji’ ไม่ใช่แนวคิดใหม่ มันคือเกมการ์ดที่มีรูปแบบการเล่นคล้ายกับ ‘Summoners War’ มาก
อันที่จริง ‘Summoners War’ ไม่ใช่เกมมือถือที่น่าอัศจรรย์อะไรในประเทศจีน แต่โครงสร้างเกมทั้งหมดนั้นสมบูรณ์มาก
‘Onmyoji’ ไม่ได้สร้างนวัตกรรมด้านตัวเลขและรูปแบบการเล่นมากเกินไป(นอกเหนือจากการใช้เวลามากขึ้น) แต่ความสำเร็จของ ‘Onmyoji’ คือการใช้เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับธีมของ Onmyoji มากขึ้น
ในแง่ของศิลปะ UI ภาพวาดต้นฉบับ และโมเดลมีความละเอียดอ่อนและเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างมาก ซึ่งทำให้ทั้งเกมรู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งเดียว
ในแง่ของดนตรี เพลงประกอบและเสียงพากย์นั้นยอดเยี่ยมมาก ทำให้ผู้เล่นสามารถดื่มด่ำไปกับเรื่องราวได้ง่ายขึ้น
ในแง่ของโครงเรื่อง ตัวละคร/อสูรแต่ละตัวสร้างจากเรื่องราวอันยอดเยี่ยมในนิยายเรื่อง ‘Onmyoji’ โครงเรื่องแอนิเมชันและชีวประวัติที่แท้จริงของ Onmyoji มีจำนวนหลายแสนคำและยังคงได้รับการขยายไปเรื่อยๆ
ดังนั้นความสำเร็จที่แท้จริงของ ‘Onmyoji’ จึงอยู่ที่เนื้อเรื่องและเนื้อหา ในช่วงที่เกมการ์ดมือถืออื่นๆ ยังคงยืม IP ซื้อ IP หรือบังคับ IP ‘Onmyoji’ ก็ประสบความสำเร็จในระดับสูงในด้านเนื้อหาและธีมไปจนถึงระดับ ‘เป็น IP เอง’ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้มันกลายเป็นเกมการ์ดบนมือถือที่น่าอัศจรรย์
สำหรับเฉินโม่ที่ต้องการสร้างเกม ‘Onmyoji’ ในโลกคู่ขนานต้องเข้าใจจุดนี้ด้วย
เกมนี้กินเงินได้แต่ใช้เวลานานมาก รูปแบบการเล่นเป็นแบบฝ่ายเดียว แต่ข้อบกพร่องเหล่านี้ถือว่าไม่เป็นไร แต่ต้องเข้าใจข้อดีของเกมนี้ นั่นคือการปล่อยให้เนื้อหาของมันบดขยี้เกมมือถือการ์ดอื่นๆ ทั้งหมด
……………
ในขณะที่เฉินโม่กำลังยุ่งอยู่กับการสร้าง ‘Onmyoji’ นักออกแบบเกมคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ว่างเช่นกัน
สำนักงานใหญ่ Dichao Entertainment
ในห้องประชุม PPT เกี่ยวกับ ‘การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการแบ่งปันเกม Demon Slayer’ กำลังถูกฉายขึ้นจอ และผู้พูดเนื้อหาก็คือชิวปิน
ห้องประชุมเต็มไปด้วยผู้คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักออกแบบเกมเกรด B และ C ของ Dichao Entertainment ซึ่งคนเหล่านี้ต่างตั้งใจฟังเพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรไป
ชิวปินดูสดใสมาก เขาพูดจาฉะฉาน
เขาเป็นผู้นำการวิจัยและพัฒนาของ ‘Demon Slayer’ และมีรายได้ต่อเดือนมากกว่าสี่สิบห้าล้านหยวน ครองตำแหน่งสูงสุดในรายการเกมมือถือที่ขายดีที่สุด ในด้านเกมมือถือ ความนิยมของเขาดีขึ้นอย่างมาก และสถานะของเขาใน Dichao Entertainment ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
การเดิมพันครั้งก่อนกับเฉินโม่ทำให้เขาเกือบลาออก แต่โชคดีที่หลินเจาซู่ให้ความไว้วางใจเขามากพอและปล่อยให้เขาเป็นผู้นำในการพัฒนาเกมที่คล้ายกับ ‘My name is MT’
ในความเป็นจริงชิวปินเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างฉลาด แม้ว่าเขาจะขาดความคิดสร้างสรรค์ แต่เขาก็เป็นคนใจเย็นสุขุม หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับ ‘My name is MT’ เขาก็อุทิศตนเพื่อศึกษาความสำเร็จของ ‘My name is MT’
ในระหว่างการพัฒนาและการดำเนินการของเกม ‘Demon Slayer’ ชิวปินก็มีความเข้าใจแก่นแท้ของเกม ‘My name is MT’ มากขึ้นและละเอียดยิ่งขึ้น ตอนนี้ชิวปินมั่นใจมากพอที่จะพูดว่าเขาน่าจะเป็นนักออกแบบเกมที่เข้าใจเกมประเภทนี้ได้ดีที่สุด
แน่นอนว่ายกเว้นเฉินโม่
ครั้งนี้ Dichao Entertainment จัดการบรรยาย โดยหวังว่าชิวปินสามารถเผยแพร่ประสบการณ์ด้านการวิจัยและพัฒนาและการดำเนินงานของ ‘Demon Slayer’ ให้กับนักออกแบบเกมคนอื่นๆ เพื่อทำให้ Dichao Entertainment แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมเกมมือถือ
ชิวปินกำลังบรรยายอย่างฉะฉานบนเวที
“สำหรับความสนุกหลักของเกมการ์ด ผมได้วิเคราะห์มาก่อนแล้ว อันที่จริงมันคือการสร้างการรับรู้ของผู้เล่นถึงคุณค่าของการ์ด แน่นอนว่าเรื่องนี้นักออกแบบเกมทุกคนที่ศึกษาเกมไพ่สามารถเข้าใจจุดนี้ได้ แล้วเราจะทำให้เกมไพ่ของคุณแตกต่างจากเกมอื่นๆ ได้ยังไง”
“สำหรับความสำเร็จของ ‘Demon Slayer’ และเกมการ์ดอื่นๆ ที่คล้ายกัน ผมได้สรุปคำหลักสามคำนั่นก็คือ แยกส่วน ต้นทุนต่ำ และ IP ขนาดใหญ่”
“การแยกส่วนหมายความว่าเราต้องวางแผนและจำกัดเวลาเล่นเกมของผู้เล่นในแง่ของการเล่นเกม พยายามลดเวลาเล่นเกมในแต่ละวันของผู้เล่น ในขณะเดียวกัน ช่วงเวลาขนาดใหญ่ก็ถูกแยกออก ทำให้ผู้เล่นสามารถใช้เวลาที่กระจัดกระจายได้อย่างเต็มที่”