Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม! - บทที่ 195 ระดับความยาก
บทที่ 195 ระดับความยาก
“ฉันเองก็ไม่เชื่อ ถ้า ‘Diablo’ ขายได้มากกว่าห้าแสนชุดในเดือนแรก ไม่สิแปดแสนชุดเลย ฉันจะยอมกินจอมอนิเตอร์เลย!”
“ฉันยอมกินไดรฟ์ USB ของฉัน!”
“ฉันจะกินแก้วกาแฟของฉัน!”
“คอมเมนต์บน ทำไมไม่พนันที่ร้อยล้านไปเลยล่ะ จะได้ไม่มีใครต้องกิน จะพนันยอดจำหน่ายแปดแสนชุดในเดือนแรกไปทำไมกัน ไม่อยากกินก็บอกมาตรงๆ เถอะ”
“ฉันจดชื่อผู้โพสต์ไว้แล้ว รอหลัง ‘Diablo’ ออกขายก่อนเถอะ ฉันจะไปตามขุดพวกนายเลย”
“คอมเมนต์บนแฟนคลับสมองกลวงของเฉินโม่นี่”
“ฉันเป็นแฟนคลับสมองกลวงแล้วจะทำไม ลองคิดดูสิว่าเฉินโม่ทำได้กี่เกมจนถึงตอนนี้ มีเกมไหนไม่ขายดีบ้าง”
“ว้าว เสียสติไปแล้วจริงๆ นายโม้ต่อไปเถอะ ฉันไปก่อนละ”
“ใจเย็นๆ พี่ชาย เฉินโม่ไม่ใช่พระเจ้า เกม RTS และเกมปริศนาที่เขาสร้างก่อนหน้านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ถึงได้ผลลัพธ์นั้นมา แต่เกม RPG หลักคือเกมกระแสหลัก เขาสร้างมุมมองบุคคลที่สามที่ล้าสมัยแบบนี้ ต่อให้มีไอเดียมากแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้หรอก!”
“พวกนายดูวิดีโอแล้วหรือยังถึงมาพูดแบบนี้ มันดูสนุกมากนะ”
“ฉันไม่คิดอย่างนั้น ฉันแบ่งแยกเกม RPG มุมมองบุคคลที่สาม!”
“ได้ งั้นมารอดูกัน หลังยอดจำหน่ายเดือนแรกออกมา ถ้ามันเกินแปดแสนชุดฉันจะตามล่าพวกนายทุกคน!”
…………………
มีการพูดคุยกันมากมายในหมู่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้ด้วย
“เกมใหม่ของเฉินโม่กำลังจะออกแล้ว มีใครสนใจบ้าง”
“‘Diablo’ เหรอ ไม่ใช่ว่าพวกเราคุยกันมาแล้วเหรอไง มุมมองบุคคลที่สามมันตกยุคแล้ว สไตล์ลัทธิแบบนั้นมันจับได้เฉพาะกลุ่ม มันอาจจะขายได้ประมาณสามแสนชุดในเดือนแรก ยังมีอะไรให้พูดอีก”
“เมื่อเร็วๆ นี้วิดีโอทดลองและแอนิเมชัน CG ถูกปล่อยออกมา ว่ากันว่าคุณภาพสูงมาก”
“ฉันขอเตือนนายนะ พวกคนที่ดูถูกเฉินโม่ก่อนหน้านี้ตายไม่สวยเลยสักคน เกมของใครจะเปิดตัวเร็วๆ นี้”
“ช่วงนี้มีหลายเกมที่เปิดตัว แต่ส่วนใหญ่เป็นเกมออนไลน์ที่ไม่ขัดแย้งกับเกมแบบผู้เล่นเดี่ยวมากนัก อีกอย่างต่อให้ออกมาชนกันแล้วยังไง นั่นเป็นเกม RPG เฉินโม่ยังจะดึงดันพลิกกระแสอีกเหรอ”
“เห็นได้จากแนวคิดของเขาที่ต้องการสร้าง ‘Diablo’ มุมมองบุคคลที่สามอะไรกัน นั่นเป็นไอเดียที่ล้าสมัยไปแล้วหลายปี”
“ฉันคิดว่าเขาไม่ได้ทำวิจัยด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นเขาจะผิดขนาดนี้ได้ยังไง”
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน นายบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาสร้าง RPG ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะลองเกมง่ายๆ ก่อน แต่เขาใช้เงินไปมากมายกับ CG และคุณภาพของเกม มันไม่โง่ไปหน่อยเหรอ”
“ฉันคิดว่าเขาอาจได้รับแรงบันดาลใจจากแผนที่ RPG ใน ‘Warcraft’ เพราะแผนที่เหล่านี้มีผู้เล่นจำนวนมาก เขาจึงคิดว่าเกม RPG บุคคลที่สามสามารถช่วยได้”
“คิดมากเกินไปแล้ว มีกี่คนที่เล่นแผนที่ RPG ของ ‘Warcraft’ เป็น ‘Sacred Realm’ ที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้ แค่มีผู้เล่นพร้อมกันไม่เกินสองสามพันคนก็คิดสร้างเกมที่มียอดจำหน่ายไม่กี่พันชุดแล้วเหรอ มันน่าตลกมาก แค่ผู้เล่นจำนวนน้อยก็คิดทำเรื่องเหลวไหลแล้ว”
“เฮ้อ ช่างมันเถอะ ยังไงก็รอให้ ‘Diablo’ วางขายก่อน แล้วพวกเรามานั่งรอดูกัน”
…………………
ท่ามกลางความสงสัยของใครหลายคน ‘Diablo’ ก็เปิดตัว
มีเกมอื่น ๆ อีกหลายเกมที่เปิดตัวพร้อมกัน รวมถึงเกม MMORPG ด้วย แต่โดยพื้นฐานแล้วเกมเหล่านี้ไม่มีผลกระทบต่อ ‘Diablo’ เนื่องจากเกมแบบผู้เล่นเดี่ยวที่ขายตามส่วนแบ่งจะได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากเกมคู่แข่งในช่วงเวลาเดียวกัน คนที่สามารถกำหนดยอดขายของ ‘Diablo’ ได้คือผู้เล่น
ใน Experience Store ผู้เล่นต่างยึดคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกม ‘Diablo’ ทุกเครื่องจะมีคนยืนมองการเล่นเกมอยู่ประมาณสองสามคน
“เฮ้ ฉันได้แสงอีกแล้ว!”
“สุดยอดมาก ดูคุณสมบัติสิ!”
“ไม่เลว มันดีกว่าชุดที่ฉันใส่อยู่ตอนนี้ ฉันจะรีบใส่มัน”
“อ๊ะ หมดเวลาเล่นคอมสี่ชั่วโมงแล้ว ฉันยังเล่นไม่พอเลย!!”
“เร็วเข้าเพื่อน ตาฉันแล้ว”
สองอาทิตย์ผ่านไป ผู้เล่นเหล่านี้กลายเป็นผู้เล่นระดับฮาร์ดคอร์ของ ‘Diablo’ ที่ไม่สามารถหยุดตัวเองได้
แม้ว่า ‘Diablo’ จะค่อนข้างมีเนื้อหามากมาย แต่ก็มีเวลาเล่นเกมไม่มากนัก
มีการพิชิตในเกมที่เรียกว่า ‘Speed Racer’ ผู้เล่นต้องทำโครงเรื่องทั้งหมดตั้งแต่บทที่หนึ่งถึงบทที่ห้าให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงที่ระดับสูงสุด
แน่นอนว่านี่เป็นสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุด แต่โดยทั่วไปแล้ว ผู้เล่นมือใหม่สามารถเอาชนะเกมนี้ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
เฉินโม่เพิ่มความยากของโหมดโครงเรื่องซึ่งจะทำให้เกิดความยุ่งยากต่อผู้เล่นมือใหม่ แต่ส่วนใหญ่จะขยายเวลาออกไปประมาณสิบชั่วโมง เนื่องจากการออกแบบของโหมดโครงเรื่องได้รับการออกแบบมาให้ทุกคนสามารถเอาชนะได้
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นค้นพบในไม่ช้าว่าเกมนี้ยังคงมีระดับความยากที่แสนยาก แล้วยังมียากระดับผู้เชี่ยวชาญ ยากระดับปรมาจารย์และยากระดับทรมานอีก!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการนับเริ่มต้นหลังจากความยากระดับทรมาน จากทรมานระดับหนึ่งถึงระดับสิบสาม!
หมายความว่าเกมนี้มีความยากทั้งหมดสิบเจ็ดระดับ!
ผู้เล่นหลายคนที่เคลียร์ความยากปกติได้สำเร็จเลือกที่จะเล่นในระดับปรมาจารย์ด้วยความกระตือรือร้น แต่กลับกลายเป็นว่าถูกมอนสเตอร์รุมทึ้งกัดไปทั่ว
หลายคนตกใจ ความยากระดับปรมาจารย์ก็ค่อนข้างยากอยู่แล้ว แบบนี้ความยากระดับทรมานสิบสามจะเป็นยังไง พลังการต่อสู้ของมอนสเตอร์จะไม่ทำลายล้างโลกเลยเหรอ
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเพิ่มค่าคุณสมบัติที่ได้จากการอัปเลเวลยังมีไม่มากนัก และความสำคัญของการไต่ระดับไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น แล้วพลังการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณได้ยังไง
พอเล่นไปเล่นมา หลายคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าต้องพึ่งอุปกรณ์!
พวกเขาตระหนักว่ายิ่งเจาะเข้าไปลึกเท่าไรเกมยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่หลังจากใช้อุปกรณ์ที่ดีแล้ว พลังการต่อสู้ของตัวละครจะเพิ่มขึ้นและอาจเพิ่มขึ้นสามหรือสี่เท่า
ยิ่งไปกว่านั้น ความยากยิ่งสูงเท่าไรโอกาสที่จะได้อุปกรณ์ดีๆ ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ตอนแรกทุกคนตื่นเต้นมากที่ได้รับแสง (อุปกรณ์สีส้มหรือสูงกว่า) จนถึงกับต้องแคปหน้าจอ ต่อมาเมื่อหายตื่นเต้นแล้วแต่ก็ยังเสพติดเกมอยู่ดี
วันไหนไม่มีแสงวันนั้นคงไม่สบายใจไปทั้งวัน
ยิ่งไปกว่านั้นมีจำนวนคนมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจับคู่อุปกรณ์ตามทักษะและลักษณะของตัวละคร ค้นคว้าเกี่ยวกับ BUILD รวมถึงสื่อสารระหว่างกันและแบ่งปันประสบการณ์
‘วิธีสร้างความเสียหายให้มากขึ้น’ ‘วิธีการแสดงผล’ ‘ข้อดีและข้อเสียของอุปกรณ์’ ‘ทักษะการเล่น’ และอื่นๆ เข้ามาแทนที่ ‘โครงเรื่อง’ ‘รูปแบบการเล่น’ และ ‘คุณภาพของเกม’ กลายเป็นหัวข้อที่ผู้เล่นมีการพูดถึงมากที่สุด
จนถึงตอนนี้ พนักงานหลายคนที่เคยสงสัยในความสำเร็จของ ‘Diablo’ ก็เข้าใจแนวคิดการออกแบบของเฉินโม่แล้ว
ปฏิกิริยาของผู้เล่นทำให้ทุกคนมีความมั่นใจและรอคอยการเปิดตัวเพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับผู้เล่นคนอื่นๆ