Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม! - บทที่ 200 เวอร์ชันใหม่และเกมใหม่
บทที่ 200 เวอร์ชันใหม่และเกมใหม่
เฉินโม่เริ่มอธิบายข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเวอร์ชันใหม่
“เวอร์ชันใหม่นี้มีชื่อว่า ‘Reaper of Souls’ ในแง่ของเนื้อหาเกม มีการเพิ่มสองอาชีพใหม่ ได้แก่ Crusader และ Necromancer ในส่วนของโครงเรื่องของเกมได้มีการเพิ่มบทเข้ามา ในตอนท้าย ตัวเอกจะเข้าสู่ World of Chaos เพื่อต่อสู้กับ BOSS ตัวสุดท้าย”
“นอกจากนี้จะมีโครงเรื่องย่อยอีก เช่น ช่างทำอัญมณี ช่างตีเหล็ก และทหารรับจ้างสามนาย ซึ่งทั้งหมดจะมีโครงเรื่องย่อยของตัวเอง”
“แน่นอนว่าโครงเรื่องมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มเนื้อหาของเวอร์ชันใหม่เป็นหลัก แต่การเปลี่ยนแปลงหลักไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้”
“จากนั้นจะมีระบบเพิ่มเติมบางอย่าง รวมถึงการปรับภาพให้ดีขึ้น ระดับสูงสุด โหมดผู้เชี่ยวชาญ และการตั้งค่าอื่นๆ เรื่องเหล่านี้พวกคุณดูแบบร่างแนวคิดน่าจะทำได้ไม่ยาก”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ”
“สองวิธีใหม่ในการขยายเวลาเล่นเกมของผู้เล่น คาดว่าสองวิธีใหม่นี้จะยืดอายุเกมของ ‘Diablo’ ไปอีกอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปี”
“ระบบลับกับระบบฤดูกาล”
“สิ่งที่เรียกว่าระบบลับคือการที่เราให้วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดแก่ผู้เล่น”
“จริงๆ แล้วในขั้นตอนนี้ของเกม ผู้เล่นไม่สนใจโครงเรื่องเลย สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการเคลียร์ด่าน และมันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเคลียร์ด่านที่ไหน ดังนั้นเราจึงใช้ระบบลับเพื่อให้ทางลัดในการเคลียร์และประหยัดเวลา”
“ระบบฤดูกาลก็เปรียบได้กับขั้นบันได เพียงแต่ว่า วิธีการไต่บันไดจะแตกต่างจาก ‘Warcraft’ ตรงที่ว่าในเกมนี้ตัวละครที่เล่นก่อนได้เปรียบตัวละครที่เล่นทีหลังอยู่มาก ดังนั้นเมื่อ เริ่มฤดูกาลใหม่ ทุกคนต้องเริ่มจากศูนย์ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้เล่นทุกคนอยู่ในเส้นเริ่มต้นเดียวกัน”
“ทั้งฤดูกาลใช้เวลาประมาณสามถึงหกเดือน เราสามารถปรับเวลาได้อย่างอิสระตามความคืบหน้าของผู้เล่น”
“ก็ประมาณนี้ครับ มีคำถามอะไรไหม”
หลังจากที่เฉินโม่พูดจบ เขาก็เฝ้าดูปฏิกิริยาของทุกคน
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าความสนใจของคนส่วนใหญ่ในแผนการใหม่และอาชีพใหม่มีมากกว่าระบบลับและระบบฤดูกาลที่อธิบายไม่ได้นี้
ซูจิ่นอวี๋พูด “เอ่อ ผู้จัดการคะ เห็นได้ชัดว่าการเพิ่มเรื่องราวและอาชีพใหม่เป็นสิ่งจำเป็น แต่สำหรับโหมดลับและโหมดฤดูกาล ฉันสงสัยว่าจะช่วยยืดอายุของเกมได้จริงเหรอ ฉันคิดว่าคุณกำลังจะเปิดซอฟต์แวร์ตัดต่อเกมเหมือน ‘Plants vs. Zombies’ กับ ‘Warcraft’ เสียอีก”
คนอื่นๆ ก็พยักหน้าตามๆ กัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดมีความคิดเดียวกันกับซูจิ่นอวี๋ แต่อายเกินกว่าจะเอ่ยขึ้นมาเอง
เฉินโม่ยิ้ม “มันไม่เหมือนกัน ความสนุกหลักของเกม ‘Diablo’ คือการฟันแทง และแผนที่ทั้งหมดจะถูกสร้างแบบสุ่ม แม้ว่าจะเปิดให้ผู้เล่นเล่น พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างกลอุบายใหม่ๆ ได้”
“ทุกคนต้องคิดให้ออก ทำไมผู้เล่นถึงเบื่อ เพราะว่าพวกเขาสูญเสียเป้าหมาย”
“กล่าวคือ ผู้เล่นกำลังหมกมุ่นอยู่กับการฟันแทง เพียงเพราะพวกเขาไม่เบื่อที่จะเล่น และสำหรับผู้เล่นที่มีอุปกรณ์สำคัญ แต่ไม่มีเป้าหมายอื่นอยู่ในใจ พวกเขาออกจากเกมเพราะไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรต่อไป และนั่นเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด”
“ฤดูกาลกับการแข่งขันจัดอันดับเป็นกลไกการแข่งขันชนิดหนึ่ง ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเปรียบเทียบกันได้และช่วยให้ผู้เล่นมีเป้าหมายที่ชัดเจน ระบบลับเป็นตัวช่วยที่ช่วยให้ผู้เล่นข้ามขั้นตอนที่ยุ่งยากเหล่านั้นและฟันแทงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดความไม่พอใจของพวกเขาไปได้มาก”
“สำหรับสิ่งที่พวกคุณถาม มีวิธียืดอายุของ ‘Diablo’ แบบเดียวกับตัวแก้ไขของ Warcraft ไหม ผมต้องขอบอกด้วยความเสียใจว่าไม่มี เนื่องจากเกมนี้เป็นเกม Hack & Slash เราต้องดูแลผู้เล่นฮาร์ดคอร์ที่เหลืออยู่”
“มีคำถามอะไรไหม” เฉินโม่มองไปที่ทุกคน
เห็นได้ชัดว่าทุกคนยังคงสับสนเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่เข้าใจเจตนาของเฉินโม่แล้ว
สำหรับความตั้งใจนี้ถูกต้องหรือไม่ ไม่มีใครเถียงกับเฉินโม่ได้ เพราะเขาคือเจ้านาย ขอเพียงเจ้านายรู้ว่าเขากำลังทำอะไรก็โอเคแล้ว
หลังจากที่เห็นว่าทุกคนเข้าใจแล้ว เฉินโม่ก็เปิดไฟล์เอกสารต่อไป
แนวคิดการออกแบบของ ‘Don’t Starve’
แผ่นหน้าสุดของแบบร่างแนวคิดคือแผนผังแนวคิดที่ค่อนข้างเรียบง่าย คนตัวเล็กผมเผ้ายุ่งเหยิง ผิดซีดกำลังนั่งอยู่ข้างกองไฟ ล้อมรอบด้วยต้นไม้ หญ้าป่า และแมงมุมที่ดูดุร้าย
ดวงจันทร์ด้านขวาบนมีคำว่า Don’t Starve เขียนไว้
เมื่อเห็นชื่อนี้และแผนแนวคิดนี้ทุกคนก็ตกตะลึง
“Don’t Starve เหรอ อดตายอะนะ”
“แนวคิดศิลปะนั้นดูแปลกจริงๆ ดูเหมือนเกมอินดี้”
“ใช่ มันไม่เหมือนเกมเชิงพาณิชย์ ดูแวบแรกเหมือนเป็นเกมเฉพาะกลุ่ม”
“เงินผู้จัดการก็เพียงพอแล้ว ยังต้องทำแบบมือสมัครเล่นอยู่เหรอไง”
“มาดูกันว่าผู้จัดการจะพูดอะไร”
ทุกคนกำลังรอคำอธิบายของเฉินโม่
เฉินโม่อธิบายว่า “ก่อนอื่นอย่างที่ทุกคนเดา ลักษณะของเกมนี้ค่อนข้างคล้ายกับเกมอินดี้ อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ เกมนี้จะทำหน้าที่เป็นแบบฝึกหัดเพื่อให้ฝึกฝนและปรับอารมณ์ ซึ่งทำได้ไม่ยาก”
“สรุปรูปแบบการเล่นของเกมนี้โดยสังเขป นี่คือเกมเอาชีวิตรอด กฎในโลกนี้ค่อนข้างไร้เหตุผล เทคโนโลยี เวทมนตร์ และมอนสเตอร์อยู่ร่วมกัน แน่นอนว่ามีกฎและตรรกะภายใน”
“เป้าหมายเดียวคือการเอาชีวิตรอด ซึ่งคล้ายกับโหมดเอาชีวิตรอดของบางเกมเล็กน้อย แต่ความแตกต่างคือเราต้องสร้างระบบอุปกรณ์ประกอบฉากที่สมบูรณ์มาก ผู้เล่นสามารถรวบรวมหินและกิ่งไม้รอบๆ แผนที่ ประดิษฐ์เครื่องมือสำหรับการล่าสัตว์และสร้างค่ายของตัวเองทีละขั้นตอน”
“คุณจะคิดว่าเป็น Sandbox game ก็ได้”
“แน่นอน ในเมื่อเป็นเกมเอาชีวิตรอด ตัวเอกมักจะเผชิญกับภัยคุกคามต่างๆ อยู่เสมอ รวมถึงความมืด สภาพอากาศ มอนสเตอร์และอื่นๆ หากไม่ระวังก็จะตาย”
“เราจะต้องสร้างสถานการณ์ที่ผู้เล่นถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในถิ่นทุรกันดาร เขาอาจตายจากการแช่แข็งและหิวโหย หรือเขาอาจจะอยู่รอด ซึ่งนั่นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้เล่น”
“แนวคิดคร่าวๆ ก็ประมาณนี้ มีคำถามอะไรไหมครับ”
เฉินโม่มองไปที่ทุกคน
ซูจิ่นอวี๋พูด “รู้สึกเหมือนเป็นเกมที่ดี น่าสนใจมากค่ะ”
เฉียนคุนขมวดคิ้ว “ผู้จัดการ ผมไม่ค่อยเข้าใจ จุดขายของเกมนี้คืออะไร แม้ว่านี่จะดูเป็นเกมที่ค่อนข้างเจ๋ง แต่ผมคิดว่ามันจะเป็นเกมเฉพาะกลุ่มจริงๆ และขายไม่ได้มาก”
เฉินโม่ตอบ “มันไม่มีประโยชน์ที่จะเก็งกำไรเกี่ยวกับยอดจำหน่ายของเกมก่อนสร้าง แรงผลักดันของเกมคือการอยู่รอด ผู้เล่นจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ตาย และยังสามารถมีชีวิตที่สบายขึ้นเรื่อย ๆ ได้”
“ความปรารถนาที่จะอยู่รอด การสำรวจและการรวบรวมเพื่อความอยู่รอดเป็นสิ่งที่สนุกมากสำหรับผู้เล่นที่ต้องผ่านมันไปให้ได้”
“มันไม่สำคัญหรอกว่ามันจะโด่งดังหรือเฉพาะกลุ่มแค่ไหน พวกคุณจะถือว่านี่เป็นแบบฝึกหัดก็ได้ แต่ต้องสนุกไปกับกระบวนการ”