Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม! - บทที่ 220 เฉินโม่อู้งาน
บทที่ 220 เฉินโม่อู้งาน
เฉินโม่กำลังเพลิดเพลินกับแสงแดดบนระเบียงชั้นสองของ Experience Store
เขากำลังนอนเอนกายสบายๆ บนเก้าอี้ สวมแว่นกันแดดและดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ราวกับกำลังพักผ่อนในฮาวาย
แม้ว่าอุณหภูมิภายนอกจะไม่สูงนัก แต่ภายในห้องที่โดนแสงอาทิตย์สาดส่องโดยตรงก็ยังค่อนข้างอบอุ่น เมื่อหลับตาลงก็สามารถจินตนาการถึงฉากของชายหาดที่มีแสงแดดส่องถึง
แต่บรรยากาศสบาย ๆ นี้ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว
“ผู้จัดการ คุณอู้งานอีกแล้ว! คุณบอกว่าจะร่างแนวคิดของเกมใหม่ภายในสัปดาห์นี้ไม่ใช่เหรอคะ” ซูจิ่นอวี๋เท้าสะเอวด้วยความโกรธ
ด้วยการเปิดตัว ‘Reaper of Souls’ แผนการพัฒนาทั้งหมดของ ‘Diablo’ สิ้นสุดลงและ ‘Don’t Starve’ ไม่จำเป็นต้องอัปเดตบ่อยเกินไปเนื่องจากลักษณะเฉพาะของเกม ดังนั้นเฉินโม่จึงเข้าสู่สถานะของปลาเค็ม วันๆ เอาแต่กินดื่มอาบแดด ขี้เกียจจนไม่อยากกลับไปทำงาน
สำหรับการดำเนินงานประจำวันของบริษัท การดำเนินงาน การบำรุงรักษาและการปรับสมดุล มีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว เฉินโม่แค่แจกจ่ายงานที่แต่เดิมเขาเป็นคนรับผิดชอบออกและมอบหมายงานให้คนอื่น ทำให้เขามีเวลาว่างเหลือเฟือ
“ให้ตายสิ การเป็นเจ้านายนี่มันดีจริงๆ ” เฉินโม่พูด
ซูจิ่นอวี๋ “…ผู้จัดการ รีบลุกขึ้นมาเขียนแบบร่างเถอะค่ะ!”
เฉินโม่พูด “เฮ้อ ปลาทอง คุณอยู่กับผมมานานขนาดนี้ไม่เข้าใจอีกเหรอ ผมถามคุณหน่อยว่าอะไรสำคัญที่สุดในการสร้างเกม”
ซูจิ่นอวี๋ชะงักไปชั่วขณะ “…เอ่อ การปฏิบัติงาน และ แรงบันดาลใจ”
เฉินโม่พยักหน้า “ใช่ ก้าวหน้าแล้วนี่ แล้ว แรงบันดาลใจมาจากไหน”
ซูจิ่นอวี๋สับสน “แรงบันดาลใจ…มาจากไหน จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเรา”
เฉินโม่ส่ายหัว “ไม่ๆๆ แรงบันดาลใจมาจากการผ่อนคลาย แรงบันดาลใจจะมาหาเราได้ยังไงถ้ายังยุ่งในทุกวันแบบนี้ ผมต้องพักผ่อน ปล่อยให้จิตใจโล่ง แล้วแรงบันดาลใจจะมาถึง”
ซูจิ่นอวี๋พูด “เอ่อ ผู้จัดการหมายถึงต้องรอให้แรงบันดาลใจมาถึงก่อนถึงจะเริ่มงานได้งั้นเหรอคะ”
เฉินโม่พยักหน้า “แน่นอน คุณต้องจำไว้ว่าส่วนที่สำคัญที่สุดในการสร้างเกมคือการทำให้แน่ใจว่าเราไปในทิศทางที่ถูกต้อง หากไปไม่ถูกทางก็จะเสียความพยายามโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นที่คุณเร่งผมในตอนนี้จะให้ผลตรงกันข้าม”
ซูจิ่วอวี๋พูด “โอ้ งั้นฉันจะไม่รบกวนคุณอีกต่อไปแล้ว ผู้จัดการใช้เวลาของคุณเพื่อรวบรวมแรงบันดาลใจให้เต็มที่เลยค่ะ”
หลังจากหลอกซูจิ่นอวี๋ได้ เฉินโม่ยังคงนอนอย่างมีความสุขที่ระเบียง
อันที่จริงเขาไม่ได้สะสมแรงบันดาลใจเลย เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาขี้เกียจไม่อยากทำงาน
หลังจากยืนยันยอดคงเหลือของบริษัทแล้ว เฉินโม่ก็ตระหนักว่าเขาร่ำรวยมากกว่าที่เขาเคยคิดไว้มาก
“ฉันควรพิจารณาซื้อ Experience Store ที่ใหญ่กว่านี้ไหม อาจจะซื้อบ้านหลังใหญ่ด้วย”
“อืม เมื่อมีบ้านก็ต้องแต่งภรรยา หลังจากนั้นก็มีลูก ลูกชายหรือลูกสาวดีนะ”
“ค่านมผงของลูกไม่เท่าไร ที่สำคัญคือในอนาคตต้องซื้อบ้านใกล้เขตโรงเรียนดีไหม ที่อยู่อาศัยในเขตโรงเรียนซื้อไหวอยู่แล้ว แต่ทะเบียนบ้านนี่สิเป็นปัญหาใหญ่”
“อ้อ ลืมไป ถ้าไม่มีทะเบียนบ้านก็ส่งไปต่างประเทศได้นี่ แต่ไม่รู้ว่าลูกของฉันจะปรับตัวกับการอยู่ลำพังในต่างประเทศได้ไหม”
โชคดีที่ไม่มีใครได้ยินเรื่องนี้เพราะทั้งหมดนี้อยู่ในหัวของเฉินโม่ ไม่อย่างนั้นเฉินโม่จะถูกเตือนว่าความคิดก่อนหน้านี้ทั้งหมดอย่างแรกเลยเขาต้องมีแฟนก่อน
หากผู้เล่นรู้เรื่องนี้ ผู้เล่นจะต้องพูดว่า “ไม่สำคัญว่าคุณจะแต่งงานหรือไม่ ไม่สำคัญว่าคุณมีลูกหรือไม่ ไม่สำคัญว่าคุณจะโสดมาตลอดชีวิตหรือไม่ ที่สำคัญคือ…กลับไปพัฒนาเกมได้แล้ว!”
ช่วยไม่ได้ ในโลกแล้งน้ำใจต่อกันนี้ผู้คนมีทั้งความอบอุ่นและเย็นชา
ในความเป็นจริงแล้ว เฉินโม่ไม่ใช่คนที่ไม่ต้องการอะไร แต่สำหรับเขาแล้ว ความสุขในการสร้างเกมนั้นไม่มีสิ่งใดเทียบได้ และนี่คือบุคลิกของเขา
จากมุมมองของการสร้างเกม เฉินโม่ควรถูกมองว่าเป็นคนบ้างาน และสภาพอู้งานแบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้น
นอกจากนี้ การสร้างเกมยังแตกต่างจากงานอื่นๆ คือเป็นงานที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้เล่นอย่างทันท่วงที ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด และทำการปรับเปลี่ยนเกมให้ทันท่วงที ดังนั้นการเริ่มต้นทำงานและหยุดกลางคันเป็นเรื่องยาก มีเพียงหลังจากเกมได้พัฒนาและทำงานได้เสถียรเท่านั้น เขาจึงจะใช้เวลาว่างจากวันเพื่อผ่อนคลายได้
หมายความว่าเฉินโม่ยุ่งอยู่ตลอดเวลา
หลังจากใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากข้อผิดพลาดบางประการทำให้แผนการพัฒนาของเขาไม่ตรงตามที่เขาต้องการ
ก่อนหน้านี้เขาบอกกับจัวเหยาว่าภายในสองปีนี้จะสร้างเกมที่ได้รับความนิยมอย่างเหลือเชื่อบนแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์อีกครั้ง แต่นี่เกือบสามปีแล้ว เขายังไม่มีกำหนดการพัฒนาเลย
ตรงกันข้าม ความก้าวหน้าของเกม VR ก้าวหน้าไปมาก เดิมทีเฉินโม่คิดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าปีในการพัฒนาเกม VR แต่ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะเข้าถึงเกม VR ได้เร็วขนาดนี้
แน่นอนว่าการคลาดเคลื่อนเล็กน้อยเหล่านี้ไม่ได้สำคัญมาก และทุกอย่างยังอยู่ในแผนของเฉินโม่
ในปัจจุบัน เมื่อพิจารณาจากชื่อเสียงและเงินทุนของเฉินโม่ Experience Store นี้มีขนาดเล็กเกินไป ตอนนี้เขามีเงินทุนมากพอที่จะเปลี่ยนเป็นหน้าร้านที่ใหญ่ขึ้นและสร้างภาพลักษณ์ของตนเอง
แต่เมื่อพิจารณาว่าตารางการพัฒนาเกมที่กำลังจะมาถึงนั้นค่อนข้างรัดกุม ทำให้การย้ายที่ทำงานค่อนข้างลำบาก ดังนั้นเฉินโม่จึงยังคงกำหนดเวลาการย้ายสถานที่ในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนปีหน้า
ก่อนหน้านั้นเฉินโม่ได้ขอให้หลินเสี่ยวผู้ช่วยของเขาปรึกษาเรื่องการเลือกสถานที่ตั้งของ Experience Store ใหม่ โดยให้พิจารณาในทุกด้านและส่งเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรฉบับสมบูรณ์มาให้
การย้าย Experience Store ถือเป็นเรื่องใหญ่ เฉินโม่วางแผนไว้ว่าจะไม่ย้ายสถานที่อีกในอีกห้าถึงสิบปี ดังนั้นเขาต้องจัดการให้เสร็จในทีเดียวเพราะไม่คิดจะย้ายไปไหนอีกนาน
ต่อไปคือการใช้เงินเพื่อเพิ่มความสามารถของเขาต่อไป
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในฐานะนักเดินทางข้ามเวลา เฉินโม่มักลืมไปว่าตนเองยังมีระบบอยู่
เหตุผลหลักคือระบบนี้มีราคาแพงเกินไป เฉินโม่ซึ่งเป็นคนมัธยัสถ์โดยธรรมชาติมักจะลืมการมีอยู่ของมันไปเสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนาเกมและการซื้อ Experience Store ต้องใช้เงินจำนวนมาก เฉินโม่ยังคงไม่ต้องการผลาญเงินเข้าสู่ระบบมากเกินไป เขายังยึดมั่นในแนวคิดการบริโภคว่า ‘พอใช้ก็ดีแล้ว’ มาโดยตลอด
เขาเปิดหน้าจอเสมือนของสร้อยข้อมือ
ราคาปัจจุบันคือหนึ่งแสนหยวนต่อการจั่วหนึ่งครั้ง มีโอกาสที่จะจับได้รางวัลมากมายเช่น การออกแบบ (มูลค่า โครงเรื่อง ความรู้ทางวิชาชีพ) การนำเสนอ (ศิลปะ ดนตรี CG) และอุปกรณ์ (In-app purchase[1]ถาวร)
เฉินโม่เพิ่งเข้าสู่ขั้นที่สอง พูดตามตรง เขาต้องการทุกอย่างในนั้น
เฉินโม่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและตัดสินใจใช้เงินสิบล้านหยวนเพื่อเริ่มต้น
เมื่อพิจารณาจากโชคที่ได้บ่อยครั้ง เป็นการดีกว่าที่จะยับยั้งการเติมเงินของตัวเองสักหน่อย ท้ายที่สุดแล้ว นี่ควรเป็นระบบเติมเงินที่แพงที่สุดในโลกซึ่งไม่มีใครเทียบได้เลย
…………………
[1] In-app purchase : การซื้อภายในแอพ แม้ว่าจะเป็นแอปฟรี แต่ก็จะมีคุณสมบัติพิเศษบางอย่างที่ต้องซื้อเพิ่มเติมเพื่อปลดล็อก