Almighty Game Designer ใครจะออกแบบเกมได้เทพเท่าผม! - บทที่ 248 แบ่งงานกันในกลุ่ม
บทที่ 248 แบ่งงานกันในกลุ่ม
อาคารที่สร้างขึ้นอย่างแข็งขันใน ‘Minecraft’ ถูกทำลายได้ง่าย ดังนั้นเฉินโม่จึงกำหนดข้อจำกัดในกฎที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มสามารถเลือกพื้นที่หนึ่งหรือหลายพื้นที่เป็นอาณาเขตของตนและสามารถควบคุมตัวต่อในอาณาเขตได้อย่างสมบูรณ์ หัวหน้ากลุ่มสามารถมอบหรือเพิกถอนอำนาจของสมาชิกได้อย่างอิสระ เฉพาะผู้เล่นที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สร้างหรือรื้อตัวต่อในอาณาเขตของกลุ่มได้
‘อาณาเขตกลุ่ม’ เทียบเท่ากับพื้นที่ที่กำหนดให้กับผู้เล่น ซึ่งจะทำให้พวกเขามีความรู้สึกเป็นเจ้าของ เหมือนกับบ้านของพวกเขาเอง ไม่มีใครจะทำลายบ้านของพวกเขาโดยไม่มีเหตุผล
เมื่อกลุ่มมีการขยาย(พิจารณาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น จำนวนคน เวลา และขอบเขตการก่อสร้าง) อาณาเขตกลุ่มทั้งหมดจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มสองกลุ่มไม่สามารถยึดครองพื้นที่เดียวกันได้ และหากเป็นเช่นนั้น พวกเขาจะต้องรวมก็ทำได้เพียงรวมกลุ่มหรือไม่ก็ประกาศสงคราม
แน่นอนว่าผู้เล่นสามารถทำลายสิ่งก่อสร้างของกลุ่มคู่แข่งได้ แต่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษและใช้เวลานานในการทำลายพวกมัน
ในเวลาเดียวกัน หัวหน้ากลุ่มมีความสามารถพิเศษ สามารถคงสถานะของอาณาเขตกลุ่มในช่วงเวลาหนึ่งและเปิดใช้งานทักษะเพื่อฟื้นฟู (มีคูลดาวน์)
รูปแบบการเล่นนี้ไม่มีอยู่ในชีวิตก่อนของเฉินโม่ ดังนั้นการทำเวอร์ชันออนไลน์จึงยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งก่อสร้างใน ‘Minecraft’ นั้นเปราะบางเกินไป และตัวต่อต่างๆ สามารถถูกขุดได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม เฉินโม่ประเมินว่าหลังจากตั้งกฎและข้อจำกัดเหล่านี้แล้ว สามารถลดปรากฏการณ์ที่คล้ายคลึงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ กุญแจสำคัญของเกมเวอร์ชันออนไลน์อยู่ที่ระดับความอิสระ หมายความว่าสถานะของโลกนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้เล่นต้องการ หากผู้เล่นส่วนใหญ่มีความตั้งใจที่จะทำลายล้างโลกที่พวกเขาเล่นอยู่ก็ปล่อยให้พวกเขาทำลายโลกให้แตกเป็นเสี่ยงๆ
หากคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ต้องการสร้างเมืองที่ยอดเยี่ยม แน่นอนว่าพวกเขาสามารถรวมตัวกันและขับไล่ผู้ที่พยายามสร้างความโกลาหลได้
และเฉินโม่เพียงแค่ต้องสร้างความสมดุลในกฎเท่านั้น
………………
ผู้เล่นไปได้ค่อนข้างดีจนถึงตอนนี้
ในเวอร์ชันออนไลน์ กลุ่มใหญ่ๆ กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างอย่างเต็มกำลัง ภายในกลุ่มคนที่มีความสามารถด้านสถาปัตยกรรมโดยเฉพาะสถาปนิกมืออาชีพได้รับความนิยมมาก
ท้ายสุดสำหรับกลุ่มเหล่านี้ บ้านที่กลุ่มสร้างก็คือใบหน้าของพวกเขา ซึ่งหน้าตาพวกนี้มีความสำคัญอย่างมากเพราะมันเกี่ยวข้องกับการรับสมาชิกใหม่ อาจกล่าวได้ว่าเป็นแหล่งที่มาหลักของการแข่งขัน
มีหลายกลุ่มที่เปลี่ยนมาเป็นทีมก่อสร้างมืออาชีพจากชีวิตก่อน คนหลายสิบคนรวมตัวกันเป็นทีมงานมืออาชีพ พยายามสร้างสิ่งก่อสร้างที่ทรงพลังทุกรูปแบบ จากนั้นล็อคให้อยู่ในอาณาเขตกลุ่มเพื่อให้ทุกคนได้ชม
ใน ‘โลกของเฉินโม่’ ลูกหลานคนรวยจำนวนมากได้ใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อพิมพ์เขียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นและงดงาม เช่น Stormwind City หอกระเรียนเหลือง พระราชวังต้องห้ามซึ่งเป็นที่นิยมมาก
แน่นอนว่าอาคารเหล่านี้ก็มีราคาแพงมากเช่นกัน หอไข่มุกตะวันออกมีราคาหนึ่งร้อยแปดสิบหยวน หากเป็น Stormwind City ราคาจะสูงถึงหลายพัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีลูกหลานคนรวยจำนวนมากที่ซื้อมัน
แต่หลังจากซื้อมาแล้วก็ไม่สามารถทำได้เพราะวัสดุไม่เพียงพอ ทายาทเศรษฐีเหล่านี้เพื่อจะดึงกลุ่มอื่นมาเป็นพวก จึงอาศัยการดึงดูดของนักสู้ RMB และพิมพ์เขียว ยิ่งดึงดูดผู้คนได้มากเท่าไรยิ่งดี ทุกคนทำงานหนักเพื่อสะสมวัสดุและต้องการสร้างอาคารเหล่านี้ให้เร็วที่สุด
ท้ายที่สุดสำหรับทายาทเศรษฐีหลายคน มันเป็นประสบการณ์ผู้บริโภคที่แปลกใหม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือหลังจากซื้อมันแล้วสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างในโหมดเครือข่ายได้ อีกทั้งชื่อของตนจะแสดงในตำแหน่งพิเศษของอาคารซึ่งดึงดูดผู้คนหลายร้อยหรือหลายพันคนให้เข้ามาชม ให้ความรู้สึกถึงความสำเร็จอย่างระเบิดระเบ้อ
ในเวลาเดียวกัน ยังมีผู้เล่นที่มุ่งเน้นไปที่สายวิจัย ‘Minecraft’
การทำงานพื้นฐานที่สุด เช่น การใช้ไม้สี่แผ่นเพื่อสร้างโต๊ะ การใช้ไม้และหินเพื่อขวานหินและการใช้เตาเผาเพื่อย่างเนื้อ ผู้เล่นจะเชี่ยวชาญอย่างรวดเร็ว และยิ่งเล่นมากเท่าไร ก็ยิ่งเชี่ยวชาญมากขึ้นเท่านั้น
ในบรรดาผู้เล่นที่กระตือรือร้น โดยเฉพาะกลุ่มใหญ่ที่มีทรัพยากรมากมาย ในไม่ช้าก็ค้นพบเทคโนโลยีเพิ่มเติม
หลังจากฝึกม้าให้เชื่องแล้ว พวกเขาสามารถสร้างรถม้าจากไม้ได้
พวกเขายังสามารถใช้วัสดุและน้ำยาที่ซับซ้อนต่างๆ เพื่อสร้างแกนควบคุม (สิ่งมีชีวิต) จากนั้นใช้คริสตัลพิเศษที่ขุดขึ้นมาจากพื้นดินเพื่อสร้างมังกรคริสตัล
แม้พวกเขาสามารถสร้างรถยนต์ได้ แต่ก็ยังต้องมีวัสดุสำหรับการเตรียมการเพิ่มเติมสำหรับการผลิต เช่น หน่วยควบคุม (กลไก) เชื้อเพลิง วัสดุเสริมแรง โมดูลสวิตช์ ยางรถและส่วนประกอบอื่นๆ อีกมากมาย
สิ่งเหล่านี้จำนวนมากจำเป็นต้องใช้แร่หายาก ซึ่งแร่หายากจะกระจายอยู่ใต้ดินและมีโอกาสสูงที่จะได้พบกับมอนสเตอร์ที่น่ากลัวต่างๆ
หากผู้เล่นต้องการก้าวหน้าใน Technology tree พวกเขาต้องพัฒนาไปทีละขั้นตามลำดับจากไม้-หิน-โลหะ หลังจากใช้โลหะเป็นจำนวนมาก พวกเขาจะให้อาวุธและชุดเกราะโลหะแก่ทุกคนเพื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์และรวบรวมทรัพยากรให้ดียิ่งขึ้น
ด้วยวิธีนี้ อุปกรณ์ของผู้เล่นจะดีขึ้นเรื่อยๆ กำลังรบก็สูงขึ้นเรื่อยๆ และทรัพยากรก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขาสร้างอุปกรณ์ไฮเทคได้มากขึ้น หรือแม้แต่สร้างเมืองที่ทันสมัยได้ด้วยเช่นกัน
ใช้เวลาไม่นานก็มีการแบ่งงานพิเศษภายในกลุ่ม
มีผู้รับผิดชอบในการประสานงานต่างๆ และกำหนดแผนการพัฒนา
มีสถาปนิกที่เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างสถาปัตยกรรมเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างบ้าน
มีนักวิทยาศาสตร์ที่รับผิดชอบในการค้นคว้าพิมพ์เขียวทางเทคโนโลยีและการเรียนรู้ทรัพยากรที่หายาก
มีนักรบที่รับผิดชอบในการต่อสู้กับมอนสเตอร์และผู้เล่นที่เป็นศัตรู
มีคนงานเหมืองที่มีหน้าที่รวบรวมทรัพยากรต่างๆ
หลังจากแบ่งงานแล้ว ประสิทธิภาพการผลิตของกลุ่มก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีความแตกต่างระหว่างสถานะสูงต่ำในเกม ผู้เล่นทุกคนเพื่อการสร้างที่ดีขึ้นบรรยากาศจึงยังคงเป็นความสามัคคีกันอย่างมาก
กลุ่มเหล่านี้เริ่มโพสต์ประสบการณ์ของพวกเขาบนฟอรัม และในไม่ช้ากลุ่มอื่นๆ ก็ใช้กลยุทธ์เดียวกัน กลุ่มใน ‘Minecraft’ ทั้งหมดก็เคลื่อนไปในทิศทางที่ถูกต้องมากขึ้น
หลายกลุ่มยังโพสต์ในฟอรัม บันทึกกระบวนการบุกเบิกพื้นที่ของตนเองหรือโพสต์สิ่งก่อสร้างที่พวกเขาสร้างขึ้น
แม้ว่าจะมีผู้เล่นไม่มากนักใน ‘Minecraft’ แต่ขอเพียงผู้เล่นที่เหลืออยู่มีความกระตือรือร้น ทำให้ผู้เล่นเหล่านี้กระตือรือร้นในการสร้างและชอบแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขา ดังนั้นฟอรัมทางการของ ‘Minecraft’ จึงมีชีวิตชีวามาก บางทีอาจมากกว่าเกมใหญ่ๆ บางเกมด้วยซ้ำ
ผู้เล่นรู้สึกทึ่งกับเนื้อหาที่เข้มข้นของเกม ในขณะที่พวกเขาค้นหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการเล่นเกม
แน่นอนว่าจะต้องมีทะเลาะกันบ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คนในกลุ่มเดียวกัน มีคนฝ่าฝืนคำสั่งและถูกไล่ออกมาโพสต์ด่า หรือสำหรับกลุ่มต่างๆ ที่มีการกระทบกระทั่งกันนำไปสู่การต่อสู้และการโพสต์ด่าทอ โพสต์แบบนี้มีค่อนข้างน้อยและผู้เล่นก็ทะเลาะกันด้วย
เฉินโม่ไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก ขอเพียงไม่มีข้อบกพร่องในการออกแบบเกม เขาก็จะไม่สนใจมัน ท้ายที่สุดแล้วยังไงก็ต้องมีความขัดแย้งระหว่างผู้คน มันหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความขัดแย้งไม่ได้อยู่แล้ว
เป็นเรื่องปกติที่จะมีความขัดแย้งบ้างเป็นครั้งคราว
……………………