Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1238
บทที่ 1238 – ความเข้าใจผิด, ผสานจิตไอยรา, ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
องค์หญิงใหญ่ไม่เคยรู้สึกตกใจแบบนี้มาก่อน นางสวมกอดชายหนุ่มไว้อย่างสงบเป็นเวลานาน อีกทั้งยังไม่รับรู้ถึงเรื่องการเข้ามาใกล้ของบุคคลที่มีพลังอันน้อยนิด
แต่ในเวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่นางจะมาคิดถึงเรื่องเช่นนั้น นางกำลังครุ่นคิดว่าจะอธิบายถึงสถานการณ์เช่นนี้อย่างไรดี เหตุผลก็เพราะน้องสาวของนาง ซูซิงมีความรู้สึกที่ซ่อนเอาไว้ต่อชิงสุ่ยมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเคยให้คำปรึกษากับน้องสาวเรื่องชิงสุ่ยในก่อนหน้านี้ แต่กลับกลายเป็นนางมาสวมกอดชิงสุ่ยอยู่แทน ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้คิดอะไรแต่น้องสาวของนางต้องไม่คิดเช่นนั้นเป็นแน่
นางคงจะคิดว่าพี่สาวของนาง องค์หญิงใหญ่ชอบพอชิงสุ่ยอยู่เช่นกัน… หรือนางกำลังจะคิดว่าพี่สาวกำลังแย่งตัวชายหนุ่มผู้ที่ทางมีใจให้ไป?
องค์หญิงใหญ่รีบผละตัวออกจากชิงสุ่ยในทันที และดูเหมือนว่าชิงสุ่ยจะรับรู้การมาถึงของบุคคลทั้งสอง ผ่านไปสักครู่เขาพูดขึ้นมาด้วยเสียงอึดอัดเล็กน้อยว่า “พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครตอบกลับมา เหยียนจินยวี้มองชิงสุ่ยอยากแปลกใจ ดวงตาของนางดูสับสน นางไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ในอีกมุมหนึ่ง องค์หญิงเจ็ดดูผิดปกติไป นางจ้องมองไปยังองค์หญิงใหญ่พร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน องค์หญิงใหญ่รับรู้ได้ทันทีว่าน้องสาวของนางกำลังคิดไปไกล นางถอนหายใจพร้อมกับพูดว่า “ซู่ซิง มีสิ่งหนึ่งที่ข้าบอกเจ้าได้ก็คือ สิ่งที่เจ้าเห็นก่อนหน้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้ากำลังคิด”
“ข้าคิดอะไร ท่านรู้งั้นหรือว่าข้ากำลังคิดอะไร?” องค์หญิงเจ็ดมองไปยังชิงสุ่ยและพูดออกมา การแสดงออกของนางดูค่อนข้างสับสน
“เจ้าเด็กน้อย เดี๋ยวนี้เจ้าไม่เชื่อสิ่งที่พี่สาวของเจ้าเองเป็นคนพูดแล้วงั้นหรือ?” องค์หญิงใหญ่รู้สึกได้ว่านางคงไม่ฟังอะไรที่ตนพูดออกไปในตอนนี้
“ข้าเชื่อในสิ่งที่เข้าเห็นอยู่เท่านั้น จริงๆแล้วพี่ไม่ต้องอธิบายอะไรกับข้าทั้งสิ้น ทำไมท่านไม่บอกข้าในก่อนหน้านี้? ท่านพี่ปกติท่านรักข้าและมอบทุกสิ่งให้ข้ามาตลอด… ”
“พวกเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน?” เมื่อมองไปยังองค์หญิงเจ็ด ชิงสุ่ยบอกได้ทันทีว่าองค์หญิงเจ็ดกำลังมององค์หญิงใหญ่ต่างไปจากเดิม เมื่อเขาลองนึกถึงสิ่งที่องค์หญิงใหญ่เคยบอกไว้เกี่ยวกับองค์หญิงเจ็ด เขาก็เข้าใจเรื่องราวขึ้นมาทันที
“เจ้าชอบพี่ใหญ่ใช่ไหม?” องค์หญิงเจ็ดยิ้มให้ชิงสุ่ย
“ทำไมเจ้าถึงถามเช่นนี้?” ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย องค์หญิงใหญ่เป็นคนแบบใดกัน? เมื่อนางสวมกอดเข้ากับใครสักคน…แล้วมีคนมาพูดว่าพวกเขาทั้งสองไม่ได้คิดอะไรกัน แม้แต่ตัวเหยียนจินยวี้หรือแม้กระทั่งตัวเขาเองก็คงจะเชื่อได้ยาก ถึงแม้ในความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ แต่ในบางครั้งเรื่องตลกเช่นนี้ก็มักจะเกิดขึ้น
“พี่สาวของข้าเกิดมาด้วยความงามระดับที่โค่นล้มทั้งประเทศได้ อีกทั้งนางยังมีบทบาทสำคัญกับพวกราชวงศ์ด้วย ถ้าเจ้าชอบนาง มีสิ่งเดียวที่เจ้าจะทำได้ก็คือแต่งงานกับนางเพื่อให้นางมาเป็นภรรยา เจ้าทำได้ไหม?” องค์หญิงเจ็ดมองไปยังชิงสุ่ย
“เจ้าเด็กน้อย นี่มันเริ่มเกินเลยไปใหญ่แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าในวันนี้?” องค์หญิงใหญ่พูดขึ้น นางยกมือขึ้นเพื่อหยุดชิงสุ่ยที่กำลังจะพูด
“ท่านพี่ ข้าแค่เพียงมีความสุขที่ได้เห็นท่านตกหลุมรักใครสักคน ท่านรู้หรือไม่ว่าตลอดมานี้ ข้ารู้สึกว่าไม่มีใครที่เหมาะสมกับท่านเลย ดังนั้นข้าจึงรู้สึกเป็นสุขจริงๆ” องค์หญิงเจ็ดพูดอย่างจริงจังในขณะที่มองไปยังองค์หญิงใหญ่
“เจ้าช่างไม่รู้วิธีโกหกเอาเสียเลย เป็นไปได้หรือความสัมพันธ์ที่พวกเรามีจะแบกรับเรื่องพวกนี้ไว้ไม่ได้?” องค์หญิงใหญ่เดินเข้าไปหาและถามนางอย่างอ่อนโยน
“ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว!”
“ในไม่เวลาไม่นาน องค์หญิงเจ็ดเดินไปสวมกอดองค์หญิงใหญ่เอาไว้ นางไม่รู้ว่าทำไม แต่ในตอนนี้นางเริ่มร้องไห้ออกมา เหมือนกับเด็กที่ถูกขโมยของเล่นไปโดยคนใกล้ชิด”
“เจ้าไม่ผิดหรอก ให้ข้าได้อธิบายเถอะ อย่างน้อยในตอนนี้ข้าก็ยังไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือยังไม่ได้สัญญาอะไรกับเขา” องค์หญิงใหญ่ลูบหัวขององค์หญิงเจ็ด
ชิงสุ่ยไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องน่าขบขันเช่นนี้กับตน เขารู้สึกตลกจนพูดไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้นพวกนางทั้งสองยังเป็นถึงองค์หญิงเจ็ดและองค์หญิงใหญ่ มันคือเรื่องจริงที่พวกเขาทั้งสามยังไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรที่ลึกซึ้งต่อกัน แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้
“ท่านพี่ ข้าขอโทษ… ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม…”
“เจ้าเด็กน้อย แบบนี้แหละดีแล้ว ข้าจะเสียใจว่านี้ถ้าเจ้าพยายามซ่อนความรู้สึกพวกนี้เอาไว้” องค์หญิงใหญ่ยื่นมือออกไปเพื่อเช็ดน้ำตาให้องค์หญิงเจ็ด
“ท่านพี่ ท่านชอบเขาจริงๆหรือ?” องค์หญิงเจ็ดกระซิบถาม
“ไม่”
“เอาหน่า พวกเจ้าหยุดพูดถึงเรื่องนี้กันได้หรือยัง?” ชิงสุ่ยรู้สึกอึ้งเมื่อได้ยินคำตอบขององค์หญิงใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรนางก็สามารถแก้สถานการณ์ได้ดี
“เอาล่ะ พวกเรานั่งลงกันก่อนเถอะ ในเมื่อชิงสุ่ยก็อยู่ตรงนี้ด้วยแล้ว ข้าไม่อยากให้ใครเกิดความเข้าใจผิดขึ้นอีก พวกเราเป็นเพียงเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มีอะไรให้พูดอีกล่ะ? ข้าก็ไม่ได้ชอบเขาเช่นกัน” องค์หญิงเจ็ดกล่าวด้วยความอายเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้ทุกคนได้เห็นสิ่งที่นางแสดงออกแล้ว
“เจ้าแน่ใจหรือ?” องค์หญิงใหญ่ถามพลางหัวเราะ
“…”
“ชิงสุ่ยเป็นคนที่เคยแต่งงานมาแล้ว นอกเหนือจากนี้เขายังมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน เจ้าอย่าหวังให้ชิงสุ่ยทิ้งพวกเขาเชียว เจ้าเด็กน้อยข้าจะคิดว่าสิ่งที่เจ้าพูดไว้ก่อนหน้าเป็นสิ่งที่พูดออกมาด้วยโกรธ อย่าพูดเช่นนี้อีกล่ะ ข้าจะหยุดยั้งเจ้าจากการชอบเขา จริงๆแล้วข้าจะช่วยตรวจสอบให้ต่างหาก แต่สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่การตัดสินใจของเจ้าอยู่ดี” องค์หญิงใหญ่พูดอย่างอ่อนโยน
“ข้ารู้แล้ว ข้าขออภัย” นางขอโทษต่อชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยส่ายศีรษะและไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ข้าจะยังมีความสุขของข้าต่อไป ข้าไม่ต้องการใช้ผู้ชายร่วมกับใครคนอื่นหรอก” องค์หญิงเจ็ดยิ้มขณะมองไปยังชิงสุ่ย ดูเหมือนว่าจะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่เลยทีเดียว “ข้าก็เช่นกัน!” เหยียนจินยวี้กล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา
ชิงสุ่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะจบลงเช่นนี้ มันก็ไม่เลวนักหรอกอย่างน้อยก็มีเรื่องรบกวนใจน้อยลง ตลอดเวลามานี้ความรักถือเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ดังนั้นผลออกมาเป็นเช่นนี้ก็ดีสำหรับเขาแล้ว
“ท่านพี่ แล้วท่านล่ะ?” องค์หญิงเจ็ดมองไปยังองค์หญิงใหญ่
มีเพียงองค์หญิงเจ็ดคนเดียวเท่านั้นที่สามารถถามองค์หญิงเจ็ดด้วยคำถามเช่นนี้ นางเท่านั้นที่มี่สิทธิ์
“ข้าไม่ได้วางแผนที่จะแต่งงานเลย” องค์หญิงใหญ่ตอบพลางส่ายศีรษะ เสียงของนางหนักแน่น
คำตอบของนางทำให้ชิงสุ่ยอึ้งไป แม้แต่เหยียนจินยวี้เองก็ตกใจเล็กน้อย แต่ในอีกมุมหนึ่ง องค์หญิงเจ็ดแสดงออกต่างจากสองคนก่อนหน้า เธอหัวเราะออกเบาๆ “ท่านพี่ ท่านก็ยังยืนยันคำนี้สินะ แต่ข้าไม่เชื่อท่านหรอก ข้ามั่นใจว่าท่านจะได้แต่งงานในอนาคตอันใกล้นี้”
องค์หญิงใหญ่ไม่ได้เถียงอะไรกลับถึงแม้จะไม่ได้ยอมรับมันก็ตาม ความจริงแล้วนางมีความรู้สึกปั่นป่วนขึ้นลึกๆในหัวใจ เป็นความรู้สึกที่ช่างแปลกประหลาด เวลาสามารถทำลายได้ทุกสิ่งหรือมันจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้เช่นกัน ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางเคยยึดถือมาตลอดกำลังจะถูกสั่นคลอน
“เอาล่ะ เป็นเรื่องดีแล้วที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี ครั้งหน้าเจ้าต้องบอกข้านะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่” ดูเหมือนว่าองค์หญิงใหญ่จะปล่อยวางภาระอันหนักอึ้งออกไปได้
……
“อะไรนะ? ชิงสุ่ยส่งจดหมายท้าประลองไปยังรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์”
เหยี่ยนจินยวี้และองค์หญิงเจ็ดมองชิงสุ่ยด้วยความเกรงกลัว
“ยังไงข้ากับเขาก็ต้องสู้กันไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ไม่ดีกว่าหรือที่ข้าจะทำมันให้เร็วขึ้น” ชิงสุ่ยพยายามทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายเมื่อเขาพูด
“แต่เขาเป็นถึงรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์”
นามของคน เงาของไม้ (ภาษิตจีน) บุคคลที่ทรงพลังและมีชื่อเสียงจะปลูกฝังความกดดันไว้ในจิตใจของคนอื่นๆ ทำให้มีความเข้าใจที่ผิดไป นี่เป็นเรื่องที่รบกวนผู้คนส่วนมากได้เลยทีเดียว
“ต่อให้เขาเป็นถึงรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วจะยังไง อย่าไปกลัวเพียงเพราะได้ยินแค่ชื่อนั่น อย่ายอมแพ้เพียงเพราะว่าเขาไม่ใช่คนที่เรารู้จัก สิงโตยังใส่ความพยายามลงไปเต็มที่แม้ว่ามันจะล่ากระต่ายเพียงตัวเดียว ดังนั้นเราควรใช้ความสามารถอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น มิฉะนั้นแล้วเราจะตายไปโดยไม่รู้ถึงสาเหตุเลยด้วยซ้ำ” ชิงสุ่ยยิ้มพร้อมมองไปยังพวกผู้หญิง
องค์หญิงใหญ่นั่งฟังอย่างเงียบๆพลางจิบชาของนางไป
“รุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงมากมาย เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถล้มเขาได้” เหยียนจินยวี้ถามอย่างสงสัย
“เมื่อพิจารณาถึงศัตรูแล้วนั้น มันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะมีชื่อเสียงเพียงใด เขามีความรู้ และเกียรติแค่ไหน เขาก็ยังเป็นศัตรูของเราอยู่ดี ต่อหน้าศัตรูสิ่งสุดท้ายที่พวกเราจะทำคือถอยหนี สิ่งที่ต้องทำจริงๆคือล้มเขาให้ได้ แน่นอนว่าเจ้าจะเอาไข่ไปกระทบกับหินไม่ได้หรอกนะ มีแต่พวกโง่เท่านั้นที่จะไปตายโดยไร้เหตุผล” ชิงสุ่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นแล้วเจ้ามั่นใจหรือว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะเขาได้” เหยียนจินยวี้ถามด้วยความแปลกใจ
“ไม่หรอก!” ชิงสุ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา
เหยียนจินยวี้อารมณ์เสียและมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความโกรธ
ชิงสุ่ยยิ้มออก “แต่ข้าย่อมปกป้องตัวเองได้”
“จริงหรือ?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้น”
เหยียนจินยวี้หยุดถามต่อ นางรู้สึกว่ายิ่งนางถามมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้นางเองรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก
“แม่นางเหยียน ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ใช่คนใจร้อนมุทะลุหรอก”
……
เมื่อทั้งสามจากไป ชิงสุ่ยนั่งอยู่ที่นั่นคนเดียว เขารู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อยและรู้สึกว่าการต่อสู้กับรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยังรู้สึกดีว่าการต่อสู้กับปัญหารัก จากนั้นเขาสงบสติลงและคิดถึงเรื่องวิธีการต่อสู้กับรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ต่อไปในอนาคต
ในคืนนั้น เขาใช้เวลาอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาไม่ได้วางแผนที่จะดึงพลังของมังกรไอยราเกล็ดทองคำให้มากขึ้น เขาไม่ต้องการเสี่ยงเช่นนี้ ดังนั้นสิ่งที่เขาพอจะทำได้ก็คือรอจนกระทั่งพลังของตนเองคงที่
แต่เมื่อเขามองไปยังมังกรไอยราเกล็ดทองคำ มีแสงสว่างสาดส่องเขามาในดวงตาของเขา
ผสานจิตไอยรา!
ทำไมเขาถึงลืมเรื่องนี้ไปได้นะ?
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจจนหาคำพูดมาอธิบายไม่ได้ ถ้าเขาใช้ผสานจิตไอยราได้เป็นอย่างดี โอกาสของเขาจะมีมากยิ่งขึ้น
ชิงสุ่ยเรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมาพร้อมกระโดดเขาหามันในทันที ทั้งสองลอยอยู่กลางอากาศในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยนึกถึงภาพในอดีตตอนที่เคยใช้ผสานจิตไอยราก่อนที่จะเริ่มลงมือฝึกอย่างช้าๆ หลังจากนั้นเขาเริ่มควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนเองและมังกรไอยราเกล็ดทองคำเพื่อให้พลังทั้งสองผสานกันได้
ผสานจิตไอยราระดับต่ำสามารถดึงพลังออกมาจากผู้ใช้และมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น มีการกล่าวเอาไว้ว่าพลังจะเพิ่มสูงขึ้นตามความเข้าใจกันระหว่างผู้ใช้และมังกรไอยราเกล็ดทองคำ ทักษะนี้ถูกดำเนินภายใต้กฎที่ว่าหนึ่งบวกหนึ่งมากกว่าสองซึ่งเป็นสิ่งที่ชิงสุ่ยกำลังมองหา เขาไม่เพียงต้องการผลหนึ่งบวกหนึ่งมากกว่าสองหรือหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองเพียงแค่นั้น แต่เขามองไปถึงการผสานให้เป็นหนึ่งเดียวกับมันเลยต่างหาก
โจมตี!
วชิระลี้ภัย
การจู่โจมมังกรไอยราคุ้มคลั่ง
…….
ชิงสุ่ยผสานการโจมตีไปพร้อมกลับมังกรไอยราเกล็ดทองคำขณะที่อยู่บนหลังของมัน การทำเช่นนี้ทำให้พลังโจมตีของมังกรไอยราเกล็ดทองคำถูกเพิ่มมากขึ้น ในก่อนหน้านี้ที่พลังผสานจิตไอยรายังไม่สามารถถูกใช้ออกได้อย่างดีคงเป็นเพราะระดับพลังที่ต่างกัน แต่ในตอนนี้เมื่อเขาฝึกฝนมันอีกครั้งก็พบว่าเริ่มใช้ความสามารถนี้ได้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นความก้าวหน้าก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นๆอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้าแล้ว ระดับการฝึกยุทธิ์ของชิงสุ่ยในตอนนี้จัดได้ว่าอยู่คนละระดับเลยทีเดียว
เหตุการณ์ดำเนินไปเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยจะลืมเรื่องเวลาไปเลย เขากินเมื่อหิว หลับเมื่อเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย จนในที่สุดเวลาในดินแดนหยกยุพราชอมตะก็หมดลง
ชิงสุ่ยรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นผลของวิชาผสานจิตไอยราระหว่างตัวเขาและมังกรไอยราเกล็ดทองคำ ถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะยังไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม เป็นเพราะเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าว่าพลังของมังกรไอยราเกล็ดทองคำจะก้าวไปถึงสิบเอ็ดล้านเมฆาเมื่อใช้ผสานจิตไอยรา
ก่อนหน้านี้พลังของมังกรไอยราเกล็ดทองคำอยู่ที่ราวๆสิบล้านเมฆา ถึงจะพยายามแค่ไหนแล้วก็ตามพลังของมันก็ถูกเพิ่มขึ้นมาได้เพียงหนึ่งแสนเมฆาเท่านั้น และแม้ว่าผสานจิตไอยราถูกกล่าวว่าจะไม่สามารถแยกตัวตนระหว่างสัตว์อสูรและตัวผู้ใช้ออกมาได้ แต่โชคร้ายที่กว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้ต้องใช้ผสานจิตขั้นสูงเท่านั้น แต่ในตอนนี้วิชาผสานจิตไอยราของเขาก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ เมื่อมังกรไอยราเกล็ดทองคำเป็นฝ่ายที่มีพลังโจมตีมากกว่า ชิงสุ่ยสามารถทำได้แค่ประสานกับพลังโจมตีของมันเพียงเท่านั้น
“ในเมื่อยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวัน หวังว่าจะพัฒนาได้อีกสักหน่อยนะ ข้าจะได้มีโอกาสชนะเพิ่มมากขึ้น” ชิงสุ่ยถอนหายใจก่อนออกจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ
สำหรับเรื่องการฟื้นฟูพลังนั้น ชิงสุ่ยยังต้องการเวลาอีกซักระยะ เขาไม่ต้องการเพิ่มโอกาสเสี่ยงให้มากขึ้นจึงวางแผนเอาไว้ว่าจะเริ่มฟื้นฟูพลังก็ต่อเมื่อพลังของตนเริ่มคงที่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ความเสี่ยงจะลดลงหลายเท่าเลยทีเดียว แต่เมื่อมาลองคิดในอีกมุมหนึ่ง หรือตอนนี้จะเป็นเวลาที่ดีที่เขาควรจะฟื้นฟูพลังกันนะ