Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1247
บทที่ 1247- ท่านเชื่อในความรักหรือไม่?
ชิงสุ่ยมองไปยังความสามารถของราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิ ขอตระหนักว่ามันไม่ได้ทรงพลังมากขึ้นเท่าไหร่ แม้ว่าพลังของมันจะเพิ่มขึ้นมากมาย น่าเสียดายที่ความต้องการของเขาคือการผสมเกสรของมันไม่ใช่ทักษะด้านการต่อสู้ ของมันในตอนนี้เมื่อเวลาผ่านไปมันย่อมมีประโยชน์ในการต่อสู้สำหรับเขาน้อยลงไปทุกที
มันสามารถเรียกแมลงที่อยู่รอบตัวมันในระยะหนึ่งร้อยลี้ได้ นี่อาจทำให้มันช่วยเขาตามหาร่องรอยของสิ่งต่างๆได้ ดังนั้นชิงสุ่ยเขารู้สึกว่ามันอาจจะมีประโยชน์มากกว่าที่เขาคิดไว้
เมื่อมองไปยังอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณทั้ง 2 ตัวของเขา ชิงสุ่ยรู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้นในตอนนี้ ดินแดนหยกยุพราชอมตะย่อมทรงพลังมากยิ่งขึ้นเพราะอสูรโอสถตัวน้อยทั้งสองตัวนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่จะมีการเปลี่ยนแปลงไป นี่เป็นเหมือนวัฏจักรของการเปลี่ยนแปลง
เมื่อเขาได้รับยาเสริมอสูรแห่งจิตวิญญาณอีกครั้ง เขาจะมอบให้เต่าทองคำ 5000 ปีกินมันเข้าไป อันที่จริงแล้วมันยังมีอีกหลายทางที่จะกลายเป็นอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณ แต่ดูเหมือนว่าหากไม่ได้ใช้ยาเสริมอสูรแห่งจิตวิญญาณ มันก็จะติดอยู่ในระดับเดิมและไม่อาจยกระดับขึ้นได้ นอกจากนี้มันยังมีประโยชน์เฉพาะสำหรับสัตว์น้ำเท่านั้น
เมล็ดพันธ์ที่เขาได้หว่านเอาไว้ดูเหมือนจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆในเวลาไม่กี่วันภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ นอกจากนี้เพราะจิตแห่งปราณภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เมล็ดพันธ์จึงเติบโตขึ้นภายในไม่กี่วัน ในตอนนี้พวกมันสูงประมาณ 1 ศอกและเป็นสมุนไพรล้ำค่าหลากหลายสี เมื่อชิงสุ่ยได้มองไป เขาก็รู้สึกโล่งใจ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสมบัติของเขา
เมื่อชิงสุ่ยได้ออกมา เวลาของโลกภายนอกก็ผ่านไปได้ไม่นานนัก มันยังไม่ได้ช้าเกินไปที่เขาจะทานอาหารค่ำในตอนนี้ เด็กสาวได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกนางทำพึ่งจะเสร็จสิ้น
“เจ้าออกมาแล้ว พวกเรากำลังจะไปตามพอดีเลย” องค์หญิงเจ็ดยิ้มและเดินเข้ามาเมื่อนางได้เห็นชิงสุ่ย
อาหารบนโต๊ะนั้นส่งกลิ่นหอมออกมา เมื่อตอนที่ชิงสุ่ยออกมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะเขายังไม่ได้ทานอะไรเลย ด้วยกลิ่นของมันทำให้เขารู้สึกหิวอย่างยิ่ง เขานั่งลงและมองไปยังจานอาหารที่น่าอร่อย “ท่านทำได้ดียิ่งนัก”
ชิงสุ่ยกินอาหารบนโต๊ะไปกว่าครึ่ง ตราบใดที่อาหารบนโต๊ะปรุงสุกและไม่เค็มจนทำให้คนรู้สึกอยากจะร้องไห้หรือจะจนเป็นน้ำเปล่า มันย่อมมีรสชาติดียิ่งกว่าพ่อครัวใหญ่มาปรุงเอง เหล่าหญิงสาวยังภูมิใจที่ได้ทานอาหารที่ตนเองนั้นได้ทำเอง แต่การพวกนางก็รู้ว่ามันขึ้นอยู่กับส่วนประกอบและเครื่องปรุงด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดดื่มชากันหลังจากทานอาหารเสร็จสิ้น ดังนั้นพวกเขานั่งที่ลานหน้าบ้านเพื่อดื่มชา ชิงสุ่ยนึกถึงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 และระดับที่ 2 แม้ว่ามันจะช่วยเพิ่มพลังให้แก่เขาได้ไม่มากนัก แต่สำหรับชิงซา เหยียน จินยวี้ รวมไปถึงองค์หญิงเจ็ด มันเป็นเหมือนยาที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิต
แน่นอนว่าทั้งชิงสุ่ยและองค์หญิงใหญ่พวกเขาแม่ใช้มันได้อีกแล้ว ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 สิบเม็ดรวมไปถึงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 สิบเม็ด นั่นคือพลังที่เท่ากับ 30 สุริยาหรือ 300000 เมฆา น่าเสียดายที่ เขาไม่มียาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 มิฉะนั้นมันย่อมดีกว่า เพียงแต่เขาสงสัยว่ายาเม็ดสวรรค์หยางพี่ที่มีระดับสูงกว่านี้จะให้ผลแบบเดียวกับระดับต่ำหรือไม่
ครั้งนี้พวกนางไม่ได้ถามอะไรมากนักเมื่อชิงสุ่ยมอบยานี้ให้แก่พวกนาง องค์หญิงใหญ่มองไปยังชิงสุ่ยด้วยความงุนงง อย่างไรก็ตามนางยังคงไม่พูดอะไร
ชิงซารวมไปถึงองค์หญิงเจ็ดและเหยียน จินยวี้กินยานี้ลงไปทันที ทันทีที่พวกนางกินเข้าไปพลังของผู้นั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวทั้ง 3 ต้องการฝึกฝนพลังที่ได้รับมาใหม่ให้ชำนาญจึงออกไปฝึกฝนทันที เหลือไว้เพียงชิงสุ่ยและองค์หญิงใหญ่ที่กำลังดื่มชาด้วยกัน
“สำนักสวรรค์เร้นลับมอบสิ่งดีๆให้ท่านงั้นหรือ?” องค์หญิงใหญ่มองไปยังชิงสุ่ยและยิ้ม
ชิงสุ่ยนำกุญแจออกมา “อื้ม พวกเขามอบห้องสมบัติลับให้กับข้า”
องค์หญิงใหญ่มีสีหน้าที่บัลลาดใจทันที นางกล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง “สำนักสวรรค์เร้นลับมอบห้องสมบัติลับให้แก่เจ้า ปกติแล้วมีเพียงคนที่มีตำแหน่งแบบเดียวกับอาจารย์ของข้าเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้”
“อันที่จริงแล้วข้างในนั้นไม่ได้มีอะไรมากนักหรอก มีเพียงยาอย่างยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 และยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 2 โอ้ และก็ยังมีหินสุริยาไม่มากนักภายในนั้น” ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากคิดครู่หนึ่ง
“ความจริงแล้วมนุษย์ที่ไม่มีความพอใจก็เหมือนกับอสรพิษที่พยายามกินช้างเข้าไป ยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 และระดับที่ 2 นั้นก็ถือว่าล้ำค่ายิ่งนัก นี่ยังเป็นเหตุผลที่ทำไมสำนักสวรรค์เร้นลับจึงมีสาวกที่ทรงพลังมากมาย ตราบใดที่พวกเขาได้มาถึงขั้นที่ 1 ผู้พิทักษ์เทวะธรรม พวกเขาย่อมคิดร้อยพันวิธีที่จะได้รับยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 นั่นสามารถทำให้พวกเขายกระดับขึ้นสู่ขั้นที่ 3 ผู้พิทักษ์เทวะธรรมได้ในทันที เจ้าทำราวกับว่ายาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 เป็นสิ่งที่สามารถหาได้ง่าย” องค์หญิงใหญ่ส่ายศีรษะและมองไปยังชิงสุ่ยพร้อมรอยยิ้ม
นั่นก็จริง ชิงสุ่ยเคยคิดเช่นนี้มาก่อน บางทีมันดูเหมือนว่าเขาอาจจะได้รับยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 และระดับที่ 2 มาอย่างง่ายดายเกินไปจึงทำให้เขาคิดเช่นนี้ หากเป็นคนอื่นๆย่อมยากยิ่งนักที่พวกเขาจะทำเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะคนสำหรับที่ต้องการมัน อย่างเช่นเหยียน จินยวี้มันยากยิ่งนักสำหรับนางที่จะได้รับยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 สักเม็ดหนึ่ง
“เมื่อข้าปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 หรือระดับที่ 4 ได้ ข้าก็จะมอบมันให้แก่ท่านเช่นกัน” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้น
“มันย่อมดีหากเจ้าจะมีความตั้งใจเช่นนี้ แต่เจ้ารู้หรือไม่ขณะที่เจ้าพยายามก้าวหน้าไปเรื่อยๆ การปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางนั้นก็จะยิ่งยากขึ้นไปเรื่อยๆ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 3 ขึ้นไปยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 4 จะเป็นเหมือนจุดสิ้นสุด มันเป็นสิ่งที่ยากยิ่งที่จะปรุงขึ้นมาได้” องค์หญิงใหญ่ยิ้มและมองไปยังชิงสุ่ย
“เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อมั่นในตัวข้า? ถ้าไม่เคยโกหก” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
“หากนี่ออกมาจากปากของคนอื่นๆ ข้าคงไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน แต่มันออกมาจากปากเจ้าแม้แต่ความคิดของข้าก็เริ่มสั่นคลอน” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างจริงจัง
“โอ้ ดูเหมือนนี่จะเป็นพรสวรรค์ของข้าใช่หรือไม่ พี่สาวซู หากข้าจะบอกว่าในภายภาคหน้าท่านจะร้องไห้และกรีดร้องจากการเป็นภรรยาของข้า ท่านจะเชื่อหรือไม่?”
“เชื่อก็โง่แล้ว” องค์หญิงใหญ่ลังเลเพียงครู่เดียวและยื่นมือออกไปเขกศีรษะของชิงสุ่ยแต่นางยังคงยิ้มขณะที่ทำเช่นนั้น
แน่นอนว่าชิงสุ่ยก็เจตนาที่จะให้นางทำร้ายเขา มิฉะนั้นเขาก็คงจะหลบมันไปอย่างง่ายดาย
“ก็แค่ล้อเล่น พี่สาวซู ท่านไม่รู้งั้นหรือว่าตอนนี้ท่านได้งดงามมากขึ้นแล้ว? มีคำกล่าวเสมอว่าหญิงสาวนั้นงดงามที่สุดตอนที่พวกนางยิ้ม เพียงแค่ยิ้มพวกนางก็จะงามยิ่งกว่าหญิงใด ชายหนุ่มทุกๆคนย่อมพร้อมที่จะต่อสู้กันเพื่อจะได้ครอบครองหญิงสาว”
“เจ้าเด็กน้อย ความกล้าของเจ้านับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เจ้ากล้าแม้แต่มาเย้าหยอกข้า” องค์หญิงใหญ่มองไปยังชิงสุ่ย
“แน่นอนว่าข้าไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้น โอ้ ใช่แล้ว พี่สาวซู จงฝึกฝนให้หนัก! ในภายภาคหน้าสำนักสวรรค์เร้นลับย่อมอยู่ในการดูแลของท่าน”
“นี่เจ้าไปสัญญาสิ่งใดกับอาจารย์ใหญ่?” องค์หญิงใหญ่มองเข้าไปในดวงตาของชิงสุ่ย
“ไม่มี สิ่งที่ข้าเชื่อมั่นได้ก็มีเพียงพลังอันน้อยนิดของข้า?” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“เจ้าดูจริงจังยิ่งนักทุกครั้งที่เจ้าโกหก……” องค์หญิงใหญ่มองไปยังชิงสุ่ยและยิ้ม
“จริงหรือ?”
“ใช่!”
“ที่จริงแล้วข้าโกหก ข้าสัญญากับเขาไว้ว่าข้าจะช่วยปกป้องสำนักสวรรค์เร้นลับในยามที่มีภัยพิบัติมาถึงในอนาคต ท่านเชื่อข้าหรือไม่?”
“ข้าเชื่อ!”
ชิงสุ่ย “……”
“ข้ามีเคล็ดการฝังเข็ม 9 หยางและเคล็ดการกดจุด 9 หยาง พวกมันสามารถช่วยยกระดับให้แก่ท่านได้ พี่สาวซูท่านอยากจะลองหรือไม่?
“จริงหรือ?” องค์หญิงใหญ่มองไปยังชิงสุ่ยด้วยความสงสัย
“จริงสิ เพียงแต่มันต้องสัมผัสกับร่างกายของพี่สาวซูโดยตรง”
องค์หญิงใหญ่ยังคงเงียบในตอนนี้
“พี่สาวซู ท่านจะไม่แต่งงานงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยยิ้มและถามขึ้น
มีประกายแสงปรากฏขึ้นในดวงตาขององค์หญิงใหญ่ เมื่อนางมองไปยังชิงสุ่ยราวกับนางต้องการมองทะลุผ่านเขา
ในทางกลับกันชิงสุ่ยก็ยิ้มและมองไปที่นาง เขาไม่ได้ดูประหม่าเลยแม้แต่น้อย
“เอาล่ะ พูดมาเลย ข้าควรทำเช่นไร?” องค์หญิงใหญ่ส่ายศีรษะของนางและพยายามสงบจิตใจ
“มือทั้งสองข้างของข้าต้องสัมผัสกับหลังของท่าน ข้าเพิ่งได้เรียนรู้ทักษะการฝังเข็มเหล่านี้” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความอายเล็กน้อย
“นี่เจ้าจะใช้ข้าลองวิชานั้นหรือ!” องค์หญิงใหญ่ยิ้ม
“ข้ามั่นใจในเรื่องนี้แหละน้า!”
“แล้วพลังของข้าจะเพิ่มขึ้นมากเพียงใดกัน?” องค์หญิงใหญ่ยังคงสงสัย
“มันจะสามารถช่วยดึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นของท่านออกมาและช่วยให้การพัฒนาของท่านเป็นไปได้อย่างรวดเร็วขึ้น แต่นอกจากนี้มันยังสามารถช่วยเพิ่มพลังของท่านได้ประมาณ 5% ทันที” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นหลังจาก คิดครู่หนึ่ง
5% นั้นก็ถือว่ามากยิ่งนัก หากผู้ที่มีพลังประมาณ 300 สุริยา 5% ย่อมหมายถึง 15 สุริยา ที่มันทรงพลังยิ่งกว่าการกินยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 1 เข้าไป 10 เม็ด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันยังสามารถช่วยดึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นออกมาได้
ในตอนนี้องค์หญิงใหญ่กำลังลังเล ชิงสุ่ยมองไปที่นางและยิ้ม “อย่ากังวลไปเลย ท่านไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าออก!”
“อ้า!” องค์หญิงใหญ่หน้าแดงในทันที นางมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความเกรี้ยวกราด
“แต่ท่านอาจไม่สบายใจเล็กน้อยที่มือของข้าต้องสัมผัสแผ่นหลังของท่านผ่านทางเสื้อผ้า” เหตุผลที่ทำไมชิงสุ่ยกล้าที่จะกล่าวเช่นนี้เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยกอดนามาก่อน เขาเคยได้สัมผัสหน้าอกอันอ่อนนุ่มของนางผ่านทางเสื้อผ้ามาก่อน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าครั้งนี้อาจสำเร็จ
เมื่อได้เห็นความคิดของชิงสุ่ย องค์หญิงใหญ่ก็ยังคิดในสิ่งที่คล้ายคลึงกัน นางไม่ได้โกหกเมื่อนางบอกว่านางไม่ได้วางแผนที่จะแต่งงานในอดีต แม้กระทั่งตอนนี้นางก็ยังคงมีความคิดเช่นนั้น พลังยุทธ์เป็นสิ่งเดียวที่นางตามหา เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้นางสามารถรักษาความปลอดภัยของตนเองไปตลอดชีวิตได้ หากนางมีพลังในอดีต ท่านแม่ของนางก็คงไม่ต้องตายไป…..
“ไปเถอะ ไปลองที่ห้องของข้ากัน ท่านก็แค่คิดว่าข้าเป็นเด็กที่อ่อนแอคนหนึ่ง……” ชิงสุ่ยพยายามทำให้นางผ่อนคลาย
สิ่งเดียวที่ชิงสุ่ยเป็นห่วงนั้นคือชิงซา เขาไม่อาจพาชิงซาไปด้วยได้ในตอนที่เขาจากที่นี่ไป เขาอยากจะร้องไห้องค์หญิงใหญ่แข็งแกร่งกว่านี้อีกสักเล็กน้อย นอกจากนั้นเขายังต้องการให้อาจารย์ใหญ่เห็นการพัฒนาของเขาอีกครั้งเพื่อให้พวกเขาสงบจิตใจลงซะ พวกเขาจะต้องดูแลองค์หญิงใหญ่ด้วยความจริงใจ ด้วยวิธีนี้ชิงซาและเหยียน จินยวี้จะปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่
ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่จะเป็นหญิงที่งามสมบูรณ์แบบหรือหญิงสาวที่เย้ายวนจนดึงดูดชายหนุ่ม นางยังพิเศษยิ่งนักเมื่อเทียบกับหญิงสาวด้วยกันเอง มันเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะซ่อนความรู้สึกที่มีต่อนางได้
ไม่ว่ายังไงชิงสุ่ยก็ไม่ได้คิดที่จะไล่ตามนาง อย่างน้อยก็สำหรับในตอนนี้เขาไม่มีความคิดจะทำเช่นนั้น เขาต้องการคิดถึงเรื่องผู้หญิงของตัวเอง นอกจากนี้ดูเหมือนว่าองค์หญิงใหญ่จะไม่ชอบยิ่งนักที่จะต้องแบ่งปันชายหนุ่มของตนเองให้แก่หญิงสาวคนอื่นๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยได้อยู่ในห้องเดียวกันกับองค์หญิงใหญ่ ที่นี่คือห้องของชิงสุ่ย โชคดีที่ทุกอย่างที่นี่ยังดูเหมือนใหม่ ปกติแล้วเขาจะไม่ได้นอนบนเตียง เขาจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับดินแดนหยกยุพราชอมตะ
ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้วหรืออาจจะกล่าวได้ว่ามันดึกมากแล้ว
“ค่อยทำพรุ่งนี้เป็นไร? วันนี้มันดึกมากแล้ว” องค์หญิงใหญ่ดูเหมือนจะยังรู้สึกกังวลเล็กน้อยจนอยากจะถอนตัว
“หรือท่านกลัวว่าท่านอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้จนต้องเป็นฝ่ายจัดการข้าซะเอง?” ชิงสุ่ยมองไปยังองค์หญิงใหญ่อย่างจริงจัง
“ปากสกปรกย่อมไม่อาจพูดคำดีๆได้จริงๆ ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยากเจ็บตัว!” องค์หญิงใหญ่ดึงหูของชิงสุ่ย นางสังเกตว่านางเริ่มจะเคยชินกับคำพูดของชิงสุ่ย ในอดีตนางไม่แม้แต่สนใจคำพูดเช่นนี้ สิ่งที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้นางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ชิงสุ่ยถูกนางดึงเข้ามาใกล้ แต่เขาก็ยื่นมือออกไปและกอดเอวของนาง “พี่สาวซู ท่านรู้สึกเหงาหรือไม่?”
ในตอนแรกองค์หญิงใหญ่อยากจะผลักชิงสุ่ยให้ออกไป แต่นางก็ตระหนักว่าเขาเพียงโอบเอวนางเบาๆเท่านั้น เขาไม่ได้กระทำอะไรที่เสียสติไป นอกจากนี้นางเคยเจอกับพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อนจึงไม่ได้ต่อต้านมากในตอนนี้ นอกจากนี้คำถามที่เขาถามนั้นยังทำให้นางต้องตกตะลึง
“เหงางั้นถือ?” ทันใดนั้นองค์หญิงใหญ่ก็รู้สึกว่านางไม่รู้ว่านางควรจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี นางเองก็ไม่รู้ว่านางรู้สึกเช่นไร เหตุผลนั่นก็เพราะนางรู้สึกคุ้นชินกับมันไปแล้ว นางไม่รู้ว่านานมากเพียงใดแล้วที่นางได้คิดถึงคำถามเช่นนี้
นางวางมือทั้ง 2 ข้างลงบนบ่าของชิงสุ่ยและมองไปยังชิงสุ่ย “ข้าก็ไม่รู้ ข้าเองก็เพิ่งได้คิดเรื่องนี้”
“พี่สาวซู ท่านเคยมีความรู้สึกแบบนี้ไหม… ท่านรู้สึกอะไรบางอย่างในจิตใจของท่านแต่ท่านก็ไม่รู้จะอธิบายมันยังไงดี?” ชิงสุ่ยถามพร้อมกับรอยยิ้ม เขามองไปที่ใบหน้าที่อยู่ใกล้เขายิ่งนัก ภายในดวงตาอันงดงามของนางนั้นได้ปรากฏร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยและความเหงาออกมา มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายด้วยความพูดได้ ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกเสียใจไปกับนางเช่นกัน
“เจ้าอยากจะพูดอะไรกับข้ากัน?” องค์หญิงใหญ่รู้ว่าเหตุผลที่เด็กหนุ่มพูดกับนางเช่นนี้ก็เพราะต้องการให้นางรู้สึกผ่อนคลาย เขาไม่ได้พยายามล่วงเกินนางแต่อย่างใด
“ท่านเชื่อในความรักหรือไม่?” เมื่อชิงสุ่ยถามคำถามนี้ออกไป เขารู้สึกว่าตนเองเป็นเหมือนนักต้มตุ๋นที่พยายามจะหลอกเด็กสาว เว้นแต่เด็กสาวที่เขาพยายามจะหลอกนั้นเป็นหญิงสาวที่โตเต็มวัย