Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1250
บทที่ 1250 – เตรียมตัวที่จะจากไป จดหมายท้าประลองอีกฉบับหนึ่ง
สิ่งที่ทรงพลังที่สุดของชิงสุ่ยยังคงเป็นพลังวิญญาณของเขา แน่นอนว่าพลังของหุบเขา 9 เทวาของเขาก็ถือว่าน่ากลัวยิ่งนัก แต่เมื่อเทียบกันแล้วพลังวิญญาณนั้นถือว่าทรงพลังมากที่สุด
หากโอกาสที่พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเกิดขึ้น การโจมตีด้วยพลังวิญญาณของเขาจะทรงพลังอย่างยิ่ง แต่ชิงสุ่ยนั้นยังมั่นใจเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกี่ยวพันกับพลังวิญญาณของเขาภายใต้ขนของรูปแบบ8ดาราคล้อย 8 สวรรค์ ตัวอย่างเช่น เขารู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นกับฝ่ามือพุทธองค์ทองคำและสะท้านที่ 7 ของเขา นอกจากนี้พลังที่พัวพันของเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดยังถือว่าน่ากลัวยิ่งนักในตอนนี้
ทั้งผนึกคลื่นเมฆาผกผันและตราประทับซวนเทียนก็ได้พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง ตราบใดที่พลังวิญญาณของเขายังสามารถพันธนาการศัตรูเอาไว้ได้ ตัวอย่างเช่น เถาวัลย์อสูรกระหายเลือด มันง่ายยิ่งนักที่จะทำให้ศัตรูถึงแก่ความตาย ตัวอย่างอื่นๆก็เช่น อสูรอัสนีคลั่งที่สามารถทำให้ศัตรูเป็นอัมพาตได้ หรือหมูป่านักล่าสมบัติที่สามารถทะลวงผ่านร่างของศัตรูได้
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าความสามารถในการสังหารของเขาในตอนนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจจริงๆ แม้ว่าเขาจะตระหนักดีว่าผู้ที่ทรงพลังที่สุดในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกนั้นมีพลังประมาณ 8,000 สุริยา แต่จะมีสักกี่คนกันที่จะอยู่ภายในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก? คนที่มีพลังเช่นนั้นน่าจะสามารถนับหัวได้เลย
พลังที่เพิ่มขึ้นของชิงสุ่ยทำให้พลังงานในร่างกายของเขานั้นเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า ร่างกายของเขาในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับเดียวกัน กายาทองคำ 9 หยาง แม้ว่าเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลของเขาจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย นอกจากนี้มีพลังที่เพิ่มขึ้นมาจากโลหิตทองคำอินทนิลของเขา
การยกระดับครั้งใหญ่ในตอนนี้ย่อมหมายความว่าชิงสุ่ยได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารภายในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกแล้ว พลังที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเหมือนจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ มันอาจจะถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งนัก แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการก้าวกระโดดของเขา การยกระดับครั้งนี้ย่อมทำให้เขาได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆอีกมากมาย
ในตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ชิงสุ่ยไม่ต้องเป็นห่วงมันอีกต่อไป เขาสามารถไปที่ไหนก็ได้ที่เขาต้องการในตอนนี้
……
ในวันถัดมาชิงซาก็ยังคงฝึกฝนในตอนเช้าเหมือนเช่นเคย เพราะเวลาภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยจึงไม่ได้ออกมาเช้ามากนัก ดังนั้นชิงซาจึงออกมาเร็วกว่าเขาเสมอ
เมื่อเวลาผ่านไปชิงซาก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้นางเหนือกว่าองค์หญิงเจ็ดและเหยียน จินยวี้ แม้แต่กลิ่นอายต่างๆของนางก็ทรงพลังยิ่งขึ้น มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไปตราบใดที่จิตใจของนางได้ตื่นขึ้นแล้ว ไม่มีผู้ใดตัดสินเพียงว่าปราณกระบี่สีขาวนั้นแสดงถึงความยุติธรรมและปราณกระบี่สีดำนั้นแสดงถึงความชั่วร้าย สิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดนั้นคือมนุษย์ มนุษย์นั้นยังคงชั่วร้ายแม้ว่าพวกเขาจะใช้ปราณกระบี่สีขาว
ชิงสุ่ยยังคงฝึกฝนเพลงหมัดไทเก๊กของเขาและจิตใจที่สงบของเขาเต็มไปด้วยพลังธรรมชาติ ในตอนที่เขายกมือขึ้นและขยับขา ทั่วทั้งสวรรค์และโลกก็เคลื่อนไหวไปพร้อมกับเขาราวกับว่ามันเป็นท่วงทำนองเดียวกัน
หลังจากนั้นๆฝึกฝนจนเสร็จสิ้น ชิงซาก็สามารถรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของชิงสุ่ย ทั้งตัวและกลิ่นอายของเขาได้เปลี่ยนแปลงไป แต่เขายังคงเป็นท่านพ่อที่นางคุ้นเคย – ผู้ที่ดูแลนางได้ดีที่สุดในโลกใบนี้
ดูเหมือนชิงสุ่ยจะมีความสุขอย่างยิ่งในการฝึกฝนเพลงหมัดไทเก๊กของเขา ปราณทองคำรอบๆตัวเขาดูเปล่งประกายมากขึ้น.. มันทรงพลังยิ่งกว่าปราณทองคำไทเก๊ก ในอดีต ชิงซาก็ได้รับประโยชน์มากมายเพียงได้มองชิงสุ่ยฝึกฝนเพลงหมัดไทเก๊กของเขา ด้วยระดับของนางในตอนนี้ ประโยชน์ที่นางได้รับจากการเฝ้าดูเพลงหมัดไทเก๊กของชิงสุ่ยนั้นไม่อาจประเมินค่าได้เลย
นี่ถือว่าเป็นการสัมผัสกับประตูสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง เมื่อชิงสุ่ยเคลื่อนไหวมือของเขา ร่างกายของเขาก็เหมือนเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของสวรรค์และโลก แม้ตอนที่เขาสะบัดแขน ลมปราณที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นก็มากพอที่จะฆ่าคนตายได้เลย
“ท่านพ่อ ท่านยกระดับขึ้นอีกครั้งแล้ว!”
เมื่อชิงสุ่ยหยุดฝึกฝน ชิงซาก็พุ่งตรงมาหาเขาด้วยความยินดีและกอดแขนของเขาเอาไว้
“ใช่แล้ว มันถือว่าเป็นการยกระดับขึ้น โอ้ เด็กน้อย ข้าจะบอกอะไรบางอย่างกับเจ้า” เพราะชิงสุ่ยนั้นได้ยกระดับขึ้นเวลาที่เขาจะจากที่แห่งนี้ไปนั้นก็รวดเร็วยิ่งขึ้น
“ท่านพ่อจะจากไปแล้ว พาข้าไปด้วย!” ชิงซายิ้มและมองไปยังชิงสุ่ย
“เด็กน้อย บางทีหลังจากนี้ ถ้าข้าต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลาและด้วยระดับของเจ้านั้นยังไม่เหมาะสมที่จะเดินทางไปกับข้า การฝึกฝนสำคัญกับเจ้าที่สุดในตอนนี้ เจ้าไม่ต้องการเพิ่มพลังของตนเองต่อไปหรือ?” ชิงสุ่ยถามชิงซาขณะที่เขาเดินไป
“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องการข้าแล้วนั้นหรือ?” ทันใดนั้นใบหน้าของชิงซาก็ซีดลงทันที นางมองไปยังชิงสุ่ยอย่างจริงจัง
“จะเป็นเช่นนั้นได้ยังไงกัน? เด็กน้อย เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนี้?” ชิงสุ่ยลูกศีรษะของนางเมื่อเขาได้เห็นสีหน้าของนาง
“ข้ากลัวว่าท่านพ่อจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วเมื่อท่านจากไป” ชิงซากล่าวด้วยความโศกเศร้า
“เด็กน้อย เจ้ายังมีคนอื่นที่อยู่ที่นี่ เหตุใดข้าจะไม่จะกลับมากัน? ถ้ายังหวังว่าพี่สาวซูจะได้เป็นอาจารย์ใหญ่ของที่แห่งนี้ สิ่งที่เจ้าต้องทำในตอนนี้คือ จงฝึกฝนให้หนัก” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างใจเย็น
ชิงซากลอกตาของนาง “ท่านพ่อ ท่านชอบนางใช่ไหม?”
“เหตุใดจึงถามเช่นนี้?” ชิงสุ่ยรู้ว่าชิงซานั้นกำลังพูดถึงองค์หญิงใหญ่
“เหตุใดข้าจึงถามเช่นนี้ไม่ได้? ข้ารู้สึกว่าท่านพ่อดูแลนางต่างจากคนอื่น ท่านมักจะจับมือของนางบ่อยๆและบางครั้งก็กอดนาน” ชิงซาบุ้ยปาก
“เอ๋ แค่นี้ก็หมายความว่าข้าชอบนางแล้วงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยตกตะลึงในทันทีและถามด้วยรอยยิ้ม
“อย่ามาทำเหมือนข้าเป็นเด็กนะ ท่านทำเช่นนี้ ยังนับว่าเป็นสหายปกติได้อีกนั้นหรือ?” ชิงซากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“เช่นนั้นก็ดี เด็กน้อย เจ้าต้องการให้ข้าชอบนางหรือไม่?” ชิงสุ่ยไม่เคยคาดคิดว่าชิงซาจะคิดเช่นนี้ เมื่อนางคิดเช่นนี้ แสดงว่าเหยียน จินยวี้องค์หญิงเจ็ดก็ต้องมีความคิดแบบนี้เช่นกัน
“มันไม่มีประโยชน์หรอกไม่ว่าข้าจะเห็นด้วยหรือไม่ ท่านต้องถามภรรยาของท่าน” ชิงซาหัวเราะ
ชิงสุ่ยเขกหัวของนางเบาๆและยิ้ม “สัญญากับข้าว่าเจ้าจะฝึกฝนอยู่ที่นี่เท่านั้น เจ้าอยากเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์เร้นลับหรือไม่? นี่เป็นทางเลือกของเจ้า อีกเรื่องหนึ่งคือ เมื่อเจ้าต้องการความช่วยเหลือจงไปหาพวกนาง ตกลงไหม?”
ชิงซาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ก็จะเชื่อฟังท่านพ่อ ตราบใดที่ท่านหาเวลาว่างมาเยี่ยมข้าบ้าง”
“ข้าจะสัญญากับเจ้าในเรื่องนี้ อย่ากังวลไปเลย มันง่ายยิ่งนักสำหรับข้าที่จะกลับมาที่นี่” ชิงสุ่ยนั้นมีรองเท้า 9เทวา เขาย่อมใช้เวลาไม่มากนักในการเดินทางกลับมาที่นี่ด้วยผลของทักษะย่างก้าว 9เทวา แม้ว่าจักรวรรดิเดชสวรรค์อาจจะอยู่ห่างไกลจากสำนักสวรรค์เร้นลับ มันก็ยังคงอยู่ในระยะที่ชิงสุ่ยนั้นรับได้
ในยามเช้าชิงสุ่ยตรงไปยังลานประลองสวรรค์เร้นลับ ชายชรา 2 คนจากก่อนหน้านี้ก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ในตอนนี้การรับรู้ทางจิตวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวของชิงสุ่ย นั้นสามารถรับรู้ได้ถึงพลังของอาจารย์ใหญ่เฉาได้รางๆ มันคือพลังประมาณ 5,000 สุริยาหรือใกล้เคียง
อาจารย์ใหญ่เฉานั้นถือเป็นอาจารย์ใหญ่ไม่กี่คนของสำนักสวรรค์เร้นลับ สำหรับพลังของผู้อาวุโสคนอื่นๆ ชิงสุ่ยก็สัมผัสมันได้อย่างไม่ชัดเจนเช่นกัน เขาไม่อาจรับรู้ได้ถึงพลังที่แท้จริงของคนพวกนี้ได้ แต่สิ่งที่เขาสัมผัสได้นั้นคือคนพวกนี้นั้นทรงพลังยิ่งกว่าอาจารย์ใหญ่เฉา
เมื่อได้เห็นชิงสุ่ย ผู้อาวุโสทั้ง 2 คนก็ได้ตกตะลึงไป ชายชราในชุดมังกรทองยิ้มอย่างมีความสุข “ชิงสุ่ย ดูเหมือนข้าจะคิดถูก ข้าสงสัยจริงๆว่าเจ้ามีพลังมากเพียงใดในตอนนี้?”
อันที่จริงแล้วชายชรานั้นอยากรู้อย่างยิ่ง เพราะว่าในตอนนั้นชิงสุ่ยสามารถประลองกับรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังมากกว่า 2,100 สุริยาได้อย่างสูสี ด้วยพลังเพียง 500 สุริยาของเขาและพลัง 1,000 สุริยาของมังกรไอยราเกล็ดทองคำ
“ข้าสามารถสังหารผู้ฝึกยุทธที่มีพลัง 4,000 สุริยาได้อย่างง่ายดาย สำหรับ 5,000 สุริยา ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ข้าย่อมป้องกันตัวเองได้แน่นอน!” ชิงสุ่ยรู้ว่าในตอนนี้ เขาต้องพูดเรื่องนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังของเขา
ชายชราดูไม่ได้ประหลาดใจเท่าไหร่และพยักหน้า “สำนักสวรรค์เร้นลับจะเป็นโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า อย่างน้อยก็ในตอนนี้มันยังคงสามารถเป็นเช่นนั้นได้ ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะทำให้หญิงสาวของพาไลหิมะหวนนั้นแข็งแกร่งขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นถ้าจะมอบสำนักสวรรค์เร้นลับให้แก่นาง”
ชิงสุ่ยมองไปยังชายชราด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด “ท่านผู้อาวุโส ท่านเชื่อมั่นในข้าเพียงนั้นเชียวหรือ? ท่านไม่กลัวงั้นหรือว่าข้าจะช่วงชิงสำนักสวรรค์เร้นลับของท่านไป? ท่านไม่กลัวว่าข้าอาจจะเป็นสายลับที่มาจากจักรวรรดิอื่นๆหรือ?”
“ฮ่าฮ่า เจ้าประเมินสายตาของข้าต่ำไป หลังจากผ่านไป 10 ปีหรืออาจไม่นานถึงเพียงนั้น สำนักสวรรค์เร้นลับย่อมไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสนใจอีกต่อไป นอกจากนี้ข้ายังมั่นใจว่าข้ามองคนไม่ผิด หรือมิฉะนั้นข้าจะกำจัดเจ้าให้เร็วที่สุด ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สำนักสวรรค์เร้นลับจะตกอยู่ในมือของเจ้า”
ชายชรากล่าวขึ้นอย่างสงบนิ่ง
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินคำพูดของชายชรา ไม่ใช่แค่เขาไม่โกรธ แต่ตรงกันข้ามเลยชายชราผู้นี้เป็นคนที่จริงใจยิ่งนัก นี่คือชายชราผู้ที่ทุ่มเทหัวใจทั้งหมดของเขาให้กับสำนักสวรรค์เร้นลับ เขาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะช่วยดูแลสำนักสวรรค์เร้นลับให้ดีที่สุด”
ทั้ง 3 คนเริ่มดื่มชากันและพูดคุยถึงเรื่องตัดต่อ ในทางกลับกันชิงสุ่ยก็มีเรื่องที่อยากจะถามมากมาย ดังนั้นเขาจึงถามคำถามที่เขาได้คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมา
“ผู้คนของมหาทวีปอู่เซียตะวันตกจะเดินทางไปยังอีก 3 มหาทวีปได้เช่นไร?”
“ครึ่งหนึ่งของมหาทวีปอู่เซียตะวันตกนั้นเป็นพื้นที่ที่พวกเรากำลังอยู่ในตอนนี้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของมหาทวีปนี้เป็นพื้นที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น หลังจากที่เจ้าได้ผ่านดินแดนเทือกเขาสันโดษไป เจ้าจะต้องไปถึงอีกครึ่งหนึ่งของมหาทวีปนี้ หนทางเดียวที่จะไปยังอีก 3 มหาทวีปนั้นคือต้องผ่านอีกครึ่งหนึ่งของมหาทวีปอู่เซียตะวันตกไป อย่างแรกคือต้องผ่านอีกครึ่งหนึ่งของมหาทวีปอู่เซียตะวันตกไปก่อน มันอาจจะฟังดูง่ายแต่การเดินทางนั้นช่างอันตรายยิ่งนัก” ชายชราในชุดมังกรทองกล่าวอย่างช้าๆหลังจากคิดครู่หนึ่ง
“มีเพียงทางเดียวกันหรือ?” ชิงสุ่ยถามขึ้นด้วยความงุนงง
“อย่างน้อยก็จากความรู้ของข้าก็มีแค่เพียงทางเดียว อันที่จริงแล้วโลก 9 มหาทวีปกว้างใหญ่เกินไป แต่ละมหาทวีปแบ่งแยกตามมหาสมุทรและหุบเขา แต่ก็ยังคงมีรูปแบบผสานบรรพกาลที่เชื่อมต่อทั้ง 5 มหาทวีปเข้ากับมหาทวีปอู่เซียตะวันตก ตำนานได้กล่าวไว้ว่าเมื่อนานมาแล้วมหาทวีปอู่เซียตะวันตกงั้นก็เคยมีรูปแบบผสานบรรพกาลที่เชื่อมต่อกับอีก 3 มหาทวีปด้วยเช่นกัน แต่ตำนานก็ได้กล่าวอีกว่าอีก 3 มหาทวีปได้ทำลายรูปแบบนั้นไป พวกเขาได้ทำลายการเชื่อมต่อกลับมหาทวีปอู่เซียตะวันตกไปอย่างสมบูรณ์”
“มีผู้ใดเคยไปอีก 3 มหาทวีปในปีนี้หรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากที่เขาคิดครู่หนึ่ง
“อื้ม อันที่จริงแล้วก็ควรมีคนที่มาจากอีก 3 มหาทวีปในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก เป็นเรื่องง่ายยิ่งนักสำหรับนักรบในตำนานที่เดินทางไปมาระหว่างมหาทวีปต่างๆ แต่มีน้อยยิ่งนักที่คนของมหาทวีปอู่เซียตะวันตกจะสามารถเดินทางไปที่นั่นได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงเรื่องในตำนานเท่านั้น”
“หากข้าต้องการเดินทางไปยังอีก 3 มหาทวีปได้อย่างราบรื่นนั้นต้องมีพลังมากเพียงใดกัน?” ชิงสุ่ยมีความรู้สึกว่าเขาจะต้องไปที่นั่นในอนาคต ดังนั้นเขาจะรู้สึกว่ามันจะเป็นการดีที่สุดที่จะหาความรู้ในเรื่องนี้
“พลังที่มากกว่า 3,000 สุริยานั้นจะสามารถเริ่มเดินทางได้ แต่เจ้ายังคงต้องการความเร็ว ตัวอย่างเช่น สัตว์อสูรเวหาที่ทรงพลัง มิฉะนั้นจำนวนเวลาที่เจ้าจะต้องใช้ไปกับการเดินทางนั้นจะยาวนานยิ่งกว่าช่วงชีวิตของคนธรรมดา” ชายชราในชุดมังกรทองยิ้มขณะที่เขามองไปยังชิงสุ่ย
“การเดินทางนี้ดูเหมือนจะไกลยิ่งนัก” ชิงสุ่ยหัวเราะ
“มันไกลมาก เจ้าจะต้องใช้เวลา 20 ปีในการเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด แม้ว่าเจ้าอาจจะมีเวลาชีวิตที่ยืนยาว แต่เจ้าคงไม่อาจทนต่อความเหนื่อยล้าตลอดการเดินทางครั้งนี้ได้”
20 ปี?
ชิงสุ่ยตกตะลึงไปในทันที เขาอาจจะมีระดับพลังที่สูงและมีชีวิตที่ยืนยาวแต่เวลา 20 ปีนั้นไม่ถือว่าสั้นเลย หากพูดถึงการเดินทางเพียงอย่างเดียว ความโดดเดี่ยว รวมไปถึงอันตรายที่ต้องเผชิญ มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถทนรับได้ เมื่อมันเป็นการเดินทางที่ยาวนานเช่นนี้นั่นหมายความว่าต้องเผชิญกับอันตรายอย่างยาวนานเช่นกัน สิ่งที่เขาต้องข้ามผ่านไปนั้นรวมไปถึงมหาสมุทรขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน มันคือสิ่งที่อันตรายที่สุด หากเขาไม่ได้พบเกาะร้างใดๆ เช่นนั้นเขาก็ต้องใช้สัตว์อสูรเวหาจำนวนมากเพื่อเปลี่ยนสลับในการเดินทาง
“ชิงสุ่ย หากเจ้าคิดจะไปยังอีก 3 มหาทวีปที่เหลือ ข้าอยากเสนอให้เจ้าค่อยคิดเรื่องนี้หลังจากผ่านช่วงนี้ไป” ชายชราแนะนำชิงสุ่ยด้วยเจตนาดี เขาไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนั้น
“ขอรับ ถ้าทราบดี ข้ายังคิดที่จะอยู่ที่นี่อีกสัก 2-3 ปี”
……
ชิงสุ่ยกลับออกมาหลังจากที่เขาถามทุกๆสิ่งเกี่ยวกับจักรวรรดิเดชสวรรค์ เหตุผลหลักที่เขาแสดงให้ชายชราได้เห็นศักยภาพที่ซ่อนเร้นของเขานั่นก็เพื่อเพราะอิทธิพลภายในสำนักสวรรค์เร้นลับ นอกเหนือจากนั้นเขายังได้ถามเรื่องที่เขาอยากรู้เพื่อตนเองด้วยเช่นกัน
แต่ไม่นานหลังจากชิงสุ่ยกลับมาถึงบ้าน เขาก็ได้รับจดหมายท้าประลอง นี่เป็นจดหมายท้าประลองที่ส่งมาโดยกลุ่มคนที่รวมตัวกัน รายชื่อภายในนั้นประกอบไปด้วย ฟู่ เหยียนเทียน เทียน เจียนเซียน โจว ไป่ตง หยา เฟิงสุ่ย และอวี้ หูหวี่
คนเหล่าเทียบได้กับ 5 อันดับที่ทรงพลังที่สุดในสำนักสวรรค์เร้นลับ เหล่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ นิกายโลกานฤเบศ โถงแห่งโจวเยว่… นอกจากนี้ยังเป็นไปได้มากว่าคนเหล่านี้ย่อมมีผู้นำที่ทรงพลังด้วยเช่นกัน