Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1267
บทที่ 1267 – จิตใจที่สงบ
ในตอนนี้ถึงแม้ชิงสุ่ยและติ๊เฉินจะไม่ต้องการอยู่ที่นี่ แต่ถึงอย่างไรท่านหญิงติ๊หวู่ก็พยายามรั้งพวกเขาไว้จนถึงเวลาค่ำ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจห้ามชิงสุ่ยไว้ได้ นั้นเพราะชิงสุ่ยต้องการกลับไปที่สำนักสวรรค์เร้นลับก่อนที่ปีใหม่จะมาถึง
เมื่อเห็นชิงสุ่ยที่ไม่เต็มอยู่สักเท่าไร ท่านหญิงจึงทำได้แค่ปล่อยพวกเขาไปและกล่าวเตืนให้ทั้งคู่ระวังตัวให้มาก
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาได้บอกลากัน ชิงสุ่ยได้อุ้มติ๊เฉินและเหาะขึ้นไปบนท้องพร้อมใช้ย่างก้าวเก้าเทวาออกเดินทางในทันที ในขณะนั้นชิงสุ่ยได้พุ่งทะยานผ่านก่อนเมฆอย่างบ้าคลั่ง ในพริบตา ย่างก้าวเก้าเทวาของเขาก็ถูกใช้ออกมาถึง20ครั้ง แม้แต่ติ๊เฉินเองก็อดประหลาดใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิด ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าพวกเขานั้นมาได้ไกลขนาดไหน แต่เธอสามารถคาดเดาได้ว่ามันเป็นระยะทางที่ไกลมาก
“ในอนาคตข้าจะพาเจ้าไปชมให้ทั่วทวีปทั้ง9 ด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้อาจจะไม่เพียงพอแต่อย่างไรซะในอนาคตอีกไม่นาน ข้าจะทำมันให้ได้นอกจากนี้ในโลกใบนี้ยังมีสถานที่งดงามแอบซ่อนอยู่มากมาย สักวันหนึ่งข้าจะพาเจ้าไป” ชิงสุ่ยกำลังมองถึงอนาคตหากร้องเท้าเก้าเทวาของเขาสามารถยกระดับขึ้น มันจะทำให้เขาสามารถเดินทางไปในที่ไหนก็ได้ตราบเท่าที่เขาต้องการ
หลังจากใช้ย่างก้าวเก้าเทวาออกมาครบ20ครั้ง ชิงสุ่ยได้เรียกวิหคเพลิงออกมา ขนที่เปลี่ยนเป็นสีเพลิงดำดั่งหยกโบราณของมันสร้างความแปลกใจให้กับติ๊เฉินมากนัก “นี่เจ้าได้รับสัตว์อสูรตัวใหม่มาอีกแล้วรึ?”
“มิใช่เลย นี่วิหคเพลิงของข้า แต่หลังจากที่มันเติบโตขึ้นสีของมันก็ได้เปลี่ยนไป จริงๆเจ้าคิดว่าไงบ้างหากให้มันเป็นครองคู่กับ เจ้าเพลิงนภาของเจ้า?”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาจะเอื้อมมือไปจับก้นของเธอ
“ก็ดีนะ แต่ก็อื่นใด เอามือออกจาก้นของข้าก่อนจะดีมั้ย เจ้าไม่ตั้งมาทำไขสือเช่นนี้?” ถึงอย่างไรเธอก็คุ้นเคยกับท่าทางของชิงสุ่ยเสียแล้ว
“นั้น เจ้าจงจูบข้าก่อน?”ชิงสุ่ยยิ้มและปิดตา
ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมาเธอนั้นไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะทำเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงพยายามที่จะเปลี่ยนประเด็นในตอนนี้ไปทางอื่น
“เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไรต่อ เมื่อออกจากนิกาย?”
“ถ้าเจ้าสามารถออกจากนิกายบงกชเทวะได้จริงๆ ข้าอยากให้เจ้าไปอยู่กับสำนักสวรรค์เร้นลับ และรวบรวมอำนาจทั้งหมดให้อยู่ในมือของเจ้า”
“ทำไมต้องทำอย่างนั้นรึ?”เธอมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความงงงวย
“เดิมทีข้าจะให้องค์หญิงใหญ่แห่งจักรวรรดิอวี้ผู้มีพระคุณของข้า ขึ้นเป็นผู้นำ แต่นางนั้นยังขาดขุมอำนาจที่คอยสนับสนุน นอกจากนี้ มันจะเป็นการดีหากเจ้าคอยสนับสนุนนางอีกแรง หากเจ้าอยู่นั้นข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าทั้งสองสามารถขึ้นเป็นผู้นำของที่นั้นได้อย่างแน่นอน”
“โอ้ ดูเหมือนชิงสุ่ยของข้า ยังไม่เลิกนิสัยเก่าๆสินะ”ติ๊เฉินยิ้มและพูด
“ไม่ๆ ข้ากับนางไม่ได้มีอะไรกัน”ชิงสุ่ยรีบกล่าวออกมาอย่างร้อนรน
“ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน แต่เจ้าก็ยังเป็นคนที่โกหกไม่เก่งรู้มั้ย?”ติ๊เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าพูดจริงๆนะไม่มีอะไรระหว่างเราจริงๆ นี่เจ้าโกรธข้ารึ?”ชิงุส่ยกล่าวด้วยความร้อนรน
“มิใช่หรอก แต่ถึงอย่างไร ตั้งแต่ข้ามาที่นี่ข้าก็สามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนไปได้หลายอย่างของเจ้า นอกจากนางแล้วข้าก็สามารถคาดเดาได้อีกว่าเจ้านั้นยังมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นๆอีกหลายๆคนใช่หรือไม่?”เธอกล่าวด้วยร้อยยิ้มที่เจ้าเล่ห์
ชิงสุ่ยไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ความคิดของเธอนั้นก็ทำให้เขาเสียวสันหลังวาบๆในตอนนี้ “ไม่ เชื่อข้าสินะ เพียงแค่เจ้าเท่านั้นที่ข้าต้องการ เพียงแค่เจ้าข้าก็ไม่ต้องการใครอื่นแล้ว”ชิงสุ่ยรีบกล่าวออกมา
“เอาเถอะถึงอย่างไรซะข้าก็ยังรักเจ้าเหมือนเดิม ข้านั้นยอมรับเรื่องนี้ได้นานแล้ว จึงได้รับรักของเจ้าในวันนั้น”เธอยื่นมืออกมาและจับไปที่หน้าของเขา พร้อมกระพิบดวงตาที่สวบงามของเธอ
“เชื่อข้าเถอะ ข้ามีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นในตอนนี้ ข้าไม่ต้องการใครอีกแล้ว ตั้งแต่ในอดีต ความฝันของข้านั้นก็ต้องการมีเพียงแค่ภรรยาที่รักข้าแค่คนเดียว แต่ตอนนี้ ข้ามีเจ้าและคนอื่นๆ นี่ก็ดีมากพอในชีวิตของแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องมอหาใครอื่นอีก….”
ชิงสุ่ยมองไปที่เธอ และกระซิบเบาๆข้างหูของเธอ
ในตอนนี้ ชิงสุ่ยคิดจะบอกเรื่องดินแดนหยกให้กับเธอ แต่แล้วก็ตัดสินใจที่จะไม่บอก เนื่องจากเขาไม่สามารถพาใครเข้าไปในที่นั้นได้ในตอนนี้ ดังนั้นมันเป็นการดีที่จะเก็บมันไว้เป็นความลับต่อไป นั้นเพื่อตัวเขาและตัวคนที่เขารัก
ในโลกนี้หากใครรู้เรื่องดินแดนหยกเขา พวกเขาคงจะออกตามล่าตัวของเขาคนที่เขารักอย่างแน่นอน ดินแดนหยกถือว่าเป็นสมบัติที่สวรรค์นั้นประทานลงมา มันนั้นเป็นสมบัติล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใดทั้งปวง และมีรึที่จะไม่มีใครต้องการมัน
“จากนี้ไปเจ้าจะเป็นของข้าแค่คนเดียว และตลอดไป นอกจากนี้เจ้าจะเป็นแม่ของลูกข้าอีกด้วย”ชิ่งสุ่ยยิ้มและกล่าว
“นี่ เจ้าคนโง่”เธอเคาะลงไปที่หัวของเขา
“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่า พี่ลู่หยานอยู่ที่ภูเขาปู่โถว ทำไมเจ้าถึงไม่พานางไปที่สำนักสวรรค์เร้นลับละ?”
“ลู่หยานได้รับเลือกเป็นศิษย์ของเทือกภูเขาปู่โถวตั้งแต่ก่อนที่ข้าจะเข้าไปยังสำนักสวรรค์เร้นลับ มันจึงเป็นการดีที่จะให้นางอยู่ที่นั้นก่อนในตอนแรก นอกจากนี้ข้ายังรู้สึกได้ว่าหากอยู่ที่นั้นถานท่าย หยวนจะสามารถปกป้องนางได้ ”
แสงตะวันได้ลับขอบฟ้าไปในตอนนี้
“ลงไปหาที่พักเถอะ แล้วค่อยเดนิทางต่อกัน”
ขณะที่ได้ยินคำพูดของเขา ติ๊เฉินเองแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าให้กับเขา
ที่แห่งนี่เป็นพื้นที่ที่รกร้างว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งเป็นพื้นที่ว่างระหว่างเขตแดงจักรวรรดิ ที่กว้างใหญ่ไพรศาลอย่างมาก แต่ก็น่าเสียดายที่ดินแดนแห่งนี้นั้นแห้งแล้งกันดารอย่างมาก ไม่มีต้นหญ้าสักตันขึ้นในบริเวณแห่งนี้
…….
“หือ? ทำไมหน้าของเจ้าแดงแบบนั้น เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าอย่างนั้นรึ?”มือชิงสุ่ยเอิ้อมจับลงไปที่ชายเสื้อของเธอ
“เจ้าเด็กโง่ เจ้านี่เก่งจริงในการกวนประสาทข้า !”ถึงแม้ปากจะกล่าวว่าเขา แต่เธอเองก็ไม่ได้ห้ามเขาเลย ในขณะที่ปล่อยให้มือของเขาสอดใสเข้าไปในชายเสื้อของเธอ ในตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่ามือของเขานั้นไม่ต่างอะไรเลยกับปิศาจร้ายที่กำลังหื่นกระหาย
“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่ามนุษย์นั้นเป็นปิศาจร้าย นั้นเพราะพวกเขานั้นมีความรู้สึกนึกคิดและต้องการเป็นของตัวเอง ดังนั้นจึงไม้แปลกที่ข้านั้นจะเป็นเช่นนี้ หากปราศจากอารมณ์ข้าคงไม่ต่างอะไรกับขอนไม้ นอกจากนี้แม้การบ่มเพาะนั้นก็ไม่สามารถจำกัดความนึกคิดพวกนี้ได้ มีเพียงจิตใจของข้าเท่านั้นที่สามารถควบคุมมัน แต่ตอนนี้ข้าไม่สามารถควบคุมมันได้แล้ว ”
“ข้ารู้แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ข้าก็ไม่สามารถให้เจ้าสอดมือเข้าไปต่ำกว่าสะโพกของข้าได้จริงๆ” ติ๊เฉินกล่าวขณะร้องเสียงหลองออกมา
“เพียงแค่ให้ข้าสัมผัสมันก็พอข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรมากกว่านั้น”ชิงสุ่ยกล่าวเบาๆขณะกระซิบข้างๆหูของเธอ
“พอแล้วไม่ต้องพูดอะไรอีก ถ้าเจ้ายังพูดมากอีกข้าจะตัดลิ้นเจ้า”ติ๊เฉินกล่าวมาขณะที่ เห็นท่าทางของชิงสุ่ย
“ถ้าเจ้าตัดลิ้นของข้าจริงๆ เจ้าจะต้องรู้สึกเสียดายไปไปตลอดชีวิตแน่ๆ ลิ้นของข้านั้นสามารถทำ…..”
“ไปตายซะ!”
ติ๊เฉินผลักชิงสุ่ยออกมาด้วยความอับอาย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ในวันนั้นชิงสุ่ยได้จูบลงไปทุกๆส่วนบนร่างกายของเธอแต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้จูบลงไปที่จุดสงวนของเธอ
……….
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นได้ขวนเธอให้พักกับเขา แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธไว้ มันทำให้เขาโมโหเล็กน้อยจึงได้กัดไปที่ต้นคอของเธอเบาๆและกลับไปที่พักของเขา
ในตอนนี้ ข้างในดินแดนหยก พืชในดินแดนแห่งนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างมาก พวกมันเป็นสิ่งของสำคัญที่จะใช้ในการปรุงยาของเขา ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจจำนวนปีของมันอีกต่อไป
ในตอนนี้เขานั้นก็สามารถสะสมน้ำทิพย์ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตไว้เป็นจำนวนมาก จนเป็นบ่อเล็กๆที่ลึกเท่ากับฝ่ามือของคนเรา แต่ถึงอย่างไรบ่อนั้นก็มีรูปทรงที่เป็นทรงกรวย จึงสามารถบอกได้ว่าจำนวนข้างในนั้นไม่มากและไม่น้อยเกินไป
จากนั้นชิงสุ่ยช่วยยกระดับอาวุธกับติ๊เฉิน ถึงแม้มันจะไม่สามารถก้าวไปสู่ระดับตำนานแต่มันนั้นก็ยังแข็งแกร่งอยู่ดี
……….
อีกสองวันๆปีใหม่ก็จะมาถึง ชิงสุ่ยและติ๊เฉินได้เดินทางมาถึงสำนับสวรรค์เร้นลับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สายตาของจับจ้องไปที่อาคารที่สูงที่สุดที่แสนคุ้นเคย นั้นเพราะที่แห่งนั้นเป็นที่พักของสหายที่เขาคุ้นเคย
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้พาติ๊เฉินกลับไปที่พักของเข้า ขณะที่เปิดประตูเข้าไป ชิงสุ่ยก็พบองค์หญิงใหญ่ที่อยู่ข้าในนั้น นอกจากนี้ยังผู้หญิงคนอื่นที่เขาคุ้นเคยอีกข้างๆเธอ
“ข้าดีใจด้วยในที่สุดเจ้าก็สามารถ ตามหาเธอจนเธอ”องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“สวัสดี ข้าอวี้ซูหนี่ พอดีข้าได้ยินข่าวว่า พวกเจ้าจะกลับมา ข้าเลยได้ออกมารอพวกเจ้าทั้งสองที่นี่ เจ้าช่างงามดังที่ชิงสุ่ยกล่าวไว้จริงๆ เจ้าช่างงดงามกว่าผู้หญิงคนใดที่ข้าเคยพบมาทั้งสิ้น”องค์หญิงใหญ่กล่าวขณะมองไปที่ติ๊เฉิน
“สวัสดี ข้าติ๊เฉิน พวกเรานั้นก็ไม่ต่างกับสหายกัน ไม่ต้องยกยอข้าขนาดนั้นก็ได้ นอกจากนี้เจ้าเองก็มีความงามไม่ด้อยไปกว่าข้าเลยด้วยซ้ำ เจ้าเองก็งดงามมากๆเหมือนกัน”ติ๊เฉินกล่าวออกมาขณะมองไปที่เธอ
“จริงๆแล้ว เราเคยพบกับครั้งหนึ่งที่จักรวรรดิเดชสวรรค์ เมื่อสามปีก่อน ที่จริงตอนนั้นก็อยากทำความรู้จักท่านเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่มีโอกาส”
“ข้าเองก็จำได้ ในเมื่อครั้งนี้มีโอกาส ทำไมเราไม่มาเป็นพี่น้องกันละ?”ติ๊เฉินกล่าวออกมา เธอนั้นรู้ดีว่าสักหนึ่งผุ้หญิงคนนี้ต้องกลายมาเป็นคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายชิงสุ่ย ดังนั้นเธอจึงไปไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
“ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ก็ดีมาก พี่ติ๊เฉิน!”
ชิงสุ่ยเองก็มีความสุขอย่างมาก ถึงไม่รู้ว่าติ๊เฉินกำลังวางแผนอะไรอยู่ ก็ตาม
ในตอนนั้นเองชิงซาก็ได้เดินเข้ามาใกล้ๆเขาพร้อมกับองค์หญิงเจ็ด
“ท่านพ่อ”
เธอไม่สามารถทนรอได้อีก พร้อมกระโจนเข้าหาชิงสุ่ยและกอดเขาอย่างมความสุข
เมื่อเห็นภาพดังกล่าวติ๊เฉินก็งงงวยขึ้นมา “เมื่อไหร่กันที่เขามีลูกที่โตขนาดนี้แล้ว? ไม่ใช่ชิงหยินหรอกรึ ที่เป็นลูกคนแรกของเขา”
ในตอนนั้นเอง เหยียน จินอวี้และองค์หญิงเจ็ดได้มองไปที่สาวงามที่ไม่สามารถเทียบได้ เธอนั้นงดงามอย่างมาก แม้แต่องค์หญิงใหญ่นั้นยังดูด้อยไปเลยเมื่อเทียบกับเธอ ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมชิงสุ่ยนั้นถึงรักเธอเป็นอย่างมาก