Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1275
บทที่ 1275 – หนอนไหมหิมะ เส้นไหมของหนอนไหมหิมะ พบประมุขนิกายแห่งนิกายบงกชเทวะ
ชิงสุ่ยนั้นอยากจะรู้จริงๆ เขาดูแลยาเม็ดเสริมอสูรสีชาดจากแก่นแท้ของหมาป่าจันทรา 9เศียรราวกับสมบัติอันล้ำค่าของตนเอง นั่นคือแก่นแท้แต่ที่เขาได้รับมานั้นโลหิต ชิงสุ่ยจ้องไปยังหยาดโลหิตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งและเห็นว่าเขายังไม่ได้ตั้งใจมองมันจริงๆจนกระทั่งตอนนี้
นี่คือโลหิตแก่นแท้ของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์!
ชิงสุ่ยยิ้ม ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดก่อนหน้านี้เขาจึงพลาดความสําคัญอย่างคำว่า ‘แก่นแท้’ ไป การที่เขาอ่านผิดนี้ทำให้คุณค่าของมันลดลงไปอย่างมาก เทียบกับมนุษย์ก็ได้ ในร่างกายของมนุษย์ทุกๆคนต่างมีโลหิตอยู่มากมาย แต่ในทางกลับกันโลหิตแก่นแท้นั้นมีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น การสูญเสียมันไปแม้เพียงน้อยนิดก็เหมือนกับต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไป จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงล้ำค่าอย่างยิ่ง
ชิงสุ่ยยังไม่ได้ป้อนมันให้แก่สัตว์อสูรของเขาในทันที เขาเก็บมันเอาไว้ก่อน และจากนั้นเขาก็นำขวดกระเบื้องเคลือบขวดสุดท้ายออกมา ภายในนั้นมีไข่ของหนอนไหมหิมะอยู่ 2 ฟอง
หนอนไหมหิมะนั้นเป็นสิ่งที่พิเศษยิ่งนัก มันจัดเป็นสัตว์อสูร นอกจากนั้นมันยังสามารถพ่นไหมหิมะออกมาได้ นี่เป็นวัตถุดิบที่ดียิ่งนักในการสร้างเกราะอ่อน เกราะภายใน รวมไปถึงเครื่องแต่งกายอื่นๆ มันสามารถป้องกันคมดาบได้และยังทนทานต่อไฟและน้ำ นอกจากนี้มันยังรู้สึกสบายเมื่อสวมใส่ แต่เส้นใหม่หิมะนี้หายากยิ่งนัก
แต่หนอนไหมหิมะนั้นนก็ยังถือว่าเป็นสัตว์อสูรตัวหนึ่ง นอกจากนี้มันยังทรงพลังเช่นกัน แน่นอนว่าชิงสุ่ยไม่เคยเห็นตัวจริงของมัน เขาได้ยินเรื่องนี้จากปากของคนอื่นๆและจากตำราบางเล่ม อย่าดูถูกเพียงเพราะดูจากขนาดไข่ของหนอนไหมหิมะที่มีขนาดเท่ากับนิ้วโป้ง เจ้าตัวเล็กนี้สามารถเติบโตได้ถึง 100 เมตรหรือมากกว่านั้นเมื่อมันอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม
หากหนอนไหมหิมะเติบโตจนมีขนาด 100 เมตรมันจะมีพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่ง หนอนไหมหิมะยังถือเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลวิวัฒนาการ น่าเสียดายที่เงื่อนไขในการวิวัฒนาการของมันนั้นยากยิ่งนัก เขาไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดสามารถทำให้หนอนไหมหิมะนี้เติบโตจนมีขนาดใหญ่ได้ ปกติแล้วมีเพียงผู้พบเห็นมันในธรรมชาติเท่านั้น อย่างไรก็ตามโอกาสที่มันจะสามารถเติบโตเต็มที่นั้นก็มีน้อยยิ่งนัก
ชิงสุ่ยนำไข่ของหนอนไหมหิมะทั้ง 2 ฟองออกมา มันทำให้มือของเขารู้สึกเย็นเล็กน้อย แต่ก็เป็นความรู้สึกที่อ่อนโยนไม่รุนแรง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างระหว่างเขากับไข่ฟองนี้ มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าสระโลหิตแก่นแท้ภายในร่างกายของเขานั้นเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงกับมัน
ชิงสุ่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แสงสีทองเปล่งประกายบนมือทั้งสองข้างของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นถัดจากนั้นคือไข่ของหนอนไหมหิมะทั้ง 2 ฟองได้หายไป เขารีบตรวจสอบสระโลหิตแก่นแท้ภายในร่างกายของเขาทันที ในขณะที่เขาตรวจสอบมันนั้นเขาก็ต้องตกตะลึงไปในทันที เขาเห็นว่ามีวัตถุสีฟ้าขนาดเล็กๆอาศัยอยู่ในสระโลหิตนั่น
นี่ย่อมเป็นหนอนไหมหิมะ หนอนไหมหิมะที่ถือกำเนิดใหม่!
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่าหนอนไหมมังกรทองดูเหมือนจะร่าเริงอย่างยิ่ง เขารีบสื่อสารกับมันทางโทรจิตว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่มันจะสามารถกินได้ เขากลัวว่าพวกมันจะถูกหนอนไหมมังกรทองกินไปซะก่อน
ในตอนนี้หนอนไหมมังกรทองก็ยังคงมีขนาดเล็กยิ่งนัก มันมีความยาวไม่ถึง 1 นิ้วและทั่วทั้งตัวของมันปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง เขามังกรเล็กๆ 2 อันบนศีรษะของมันนั้นช่างดูงดงามอย่างยิ่งและดวงตาของมันก็เปล่งแสงสีทองออกมา แม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กแต่พลังที่มันปลดปล่อยออกมานั้นก็ถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง
เขามังกรของมันก็ได้งอกออกมาแล้ว ชิงสุ่ยรู้สึกว่าในตอนนี้หนอนไหมมังกรทองมันน่ากลัวมากยิ่งขึ้น มันเหมือนกับมังกรทองตัวเล็กๆที่เต็มไปด้วยพลังธรรมชาติภายในร่างกายของมัน
เมื่อได้ยินคำสั่งของชิงสุ่ย หนอนไหมมังกรทองก็ดำดิ่งลงไปในสระโลหิตแก่นแท้ทันที สำหรับในตอนนี้ชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่าหนอนไหมมังกรทองนั้นมีพลังมากเพียงใดกัน ไม่ว่ายังไงเขาก็รู้สึกว่ามันทรงพลังอย่างยิ่ง สำหรับในตอนนี้มันได้กลายเป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขาไปแล้ว
ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็นึกถึงโลหิตแก่นแท้ของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ เขาเริ่มกลัวความคิดของตนเองมากขึ้นทุกที เขาอยากจะใส่โลหิตแก่นแท้ของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์นี้ลงไปยังสระโลหิตแก่นแท้ภายในร่างกายของเขานี้ แต่ทันใดนั้นเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป
เขารู้สึกว่าความคิดนี้นั้นมันน่ากลัวเกินไป นั่นก็เพราะว่านี่คือโลหิตแก่นแท้ของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ เขากลัวว่าเขาอาจจะทนรับมันเอาไว้ไม่ได้ เขายังคงรู้สึกว่าความคิดมีอันตรายอย่างที่ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่อาจเพิ่มโลหิตแก่นแท้ของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ลงไปแต่ชิงสุ่ยอยากเห็นว่าจริงๆแล้วเขายังไม่ได้เพิ่มหยาดโลหิตทองคำอินทนิลจากสายเลือดทองคำอินทนิลของเขาลงไปยังสระโลหิตแก่นแท้
เขาจึงทำมันทันทีแนะนำหยาดโลหิตทองคำอินทนิล 1 หยดไปลงไปยังสระโลหิตแก่นแท้
โลหิตทองคำอินทนิลได้เข้าไปยังสระโลหิตแก่นแท้ มันทำให้ชิงสุ่ยตระหนักว่าสระโลหิตแก่นแท้นั้นราวกับเริ่มเดือดขึ้นในตอนนี้ นี่คือความแข็งแกร่งของพลังชีวิต มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้
หลังจากสังเกตไปเรื่อยๆและเห็นว่าสถานการณ์เริ่มสงบลงแล้ว ชิงสุ่ยก็ออกมาจากจิตสำนึกของเขา เขาไม่เคยคิดว่าจะสามารถเพิ่มหนอนไหมหิมะนี้เข้าไปยังสระโลหิตแก่นแท้ภายในร่างกายของเขาได้ ตั้งแต่เขาไม่รู้ว่ามันจะสามารถเติบโตขึ้นได้หรือไม่ภายในร่างกายของเขา? หากไม่ได้ชิงสุ่ยก็จะรีบนำมันออกจากสระโลหิตแก่นแท้โดยเร็วที่สุด
หลังจากที่ชิงสุ่ยออกมาไม่นานก็มีคนมาหาเขา
เทียน เจียง!
ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาต้อนรับชายผู้นี้เข้าสู่ห้องรับแขก “พี่ชาย พี่เป็นเช่นไรบ้าง?”
เทียน เจียงยิ้มเจื่อนๆเมื่อเขามองไปยังชิงสุ่ย “น้องชาย เจ้าจะสามารถเมตตาตระกูลเทียนได้หรือไม่?”
“พี่ชาย พี่นี่ช่างใจอ่อนยิ่งนัก หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปสักวันหนึ่งพี่จะต้องเสียใจอย่างแน่นอน ทุกๆคนต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่พวกเขาสร้างขึ้นมา พี่คิดเช่นนี้หรือไม่?”
“ข้าทราบดี เพียงแต่ เจ้าสามารถปล่อยให้พวกเขากลายเป็นคนธรรมดาเหมือนกับตระกูลฟู่ได้หรือไม่? ข้าทราบดีว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก” เทียน เจียงรู้ว่าตระกูลเทียนได้ทำอะไรเอาไว้กับชิงสุ่ยบ้างก่อนหน้านี้ แม้ว่าหากในตอนนี้ชิงสุ่ยจะกวาดล้างตระกูลเทียนจนหมดสิ้นไป หลายๆคนก็คงคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ
แต่เพราะเทียน เจียงมาร้องขอเช่นนี้ ชิงสุ่ยจึงทำได้เพียงทำตามคำขอ แต่ตระกูลเทียนกว่าครึ่งจะต้องถูกทำลายการบ่มเพาะของพวกเขาไป นี่เป็นสิ่งที่เทียน เจียงนั้นเสนอให้กับเขา
……
ในวันถัดมาไม่เพียงแต่ตระกูลเทียน ตระกูลอื่นๆก็ยังมาหาชิงสุ่ยยกเว้นตระกูลเดียวเท่านั้น ในที่สุดชิงสุ่ยก็ตัดสินใจทำการสังหารผู้คนในตระกูลที่ลอบสังหารเขาไปครึ่งหนึ่งของทั้งหมด นี่ถือว่าเป็นการลดหย่อนโทษแล้ว
โลกแห่งการต่อสู้ก็เป็นเช่นนี้ การมีเมตตาต่อคนอื่นมากเกินไปนั้นจะเป็นการทำร้ายตัวเอง เหมือนดังคำพูดที่สืบต่อกันมาเป็นเวลานานในโลกใบนี้นั่นคือ ทุกๆคนจะทำสิ่งใดก็ได้เว้นแต่ประนีประนอมกันในโลกใบนี้
เพียงพริบตาเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปหลายวันแล้ว ชิงสุ่ยนั้นทราบว่าลานประลองสวรรค์เร้นลับสนับสนุนการกระทำของเขา หรือมิฉะนั้นพวกเขาก็คงมาหยุดเรื่องนี้ไปแล้ว ในตอนนี้พาไลหิมะหวนนั้นได้เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งภายในสำนักสวรรค์เร้นลับ
องค์หญิงใหญ่ได้เก็บตัวเงียบในตอนนี้ ครั้งนี้การเก็บตัวฝึกฝนของนางได้รับการช่วยเหลือจากลานประลองสวรรค์เร้นลับ เมื่อตอนที่นางออกมาจากการเก็บตัวพลังของนางจะเพิ่มมากขึ้นอีกครั้งราวกับก้าวกระโดด แต่พลังนั้นจะเพิ่มมากขึ้นเพียงใดมันก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ที่ซ่อนเร้นและความมุ่งมั่นของนาง
ในทางกลับกันชิงสุ่ยนั้นได้เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางไปยังนิกายบงกชเทวะพร้อมกับติ๊เฉิน
ชิงซา เหยียน จินยวี้และองค์หญิงเจ็ดก็ได้อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน แต่ชิงสุ่ยได้ร้องขอให้ผู้อาวุโสช่วยดูแลพวกนาง
ในตอนที่พวกเขาจะต้องแยกจากกัน ชิงซามันรู้สึกลังเลที่จะต้องบอกลาชิงสุ่ยเหมือนเช่นเคย ชิงสุ่ยสัญญากับนางอีกครั้งว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุดและจะพานางไปฝึกฝนเมื่อกลับมา
ในการเดินทางกลับไปยังนิกายบงกชเทวะครั้งนี้ ติ๊เฉินต้องพาชิงสุ่ยไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เดิมทีนางต้องการพูดคุยเรื่องนี้กับท่านประมุขนิกายของนิกายบงกชเทวะด้วยตัวเราเอง แต่ชิงสุ่ยย่อมไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับติ๊เฉิน เขาจะต้องพยายามอย่างหนักอีกครั้งเพื่อนำนางกลับมาให้ได้
ที่ตั้งของนิกายบงกชเทวะนั้นอยู่ใกล้กับดินแดนเทือกเขาสันโดษ ทัศนียภาพของที่แห่งนี้นั้นดูดีอย่างยิ่ง มันตั้งอยู่ในจุดที่เงียบสงบ หากไม่ใช่เพราะว่าติ๊เฉินได้นำทางเขามา เขาคิดว่าเขาคงไม่อาจหาสถานที่แห่งนี้ได้
เมื่อมองไปจากบนท้องฟ้าที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหุบเขาขนาดใหญ่มากมาย มันมีรูปร่างราวกับดอกบัว จิตแห่งปราณแห่งสวรรค์และโลกก็รวมตัวกันหนาแน่นยิ่งนักภายในอากาศ บ้านไม้ไผ่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและพวกมันก็อยู่ติดๆกัน มันเป็นทัศนียภาพที่น่ารื่นรมย์จนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
“รออยู่ที่นี่ก่อน อีกประเดี๋ยวจะมีคนมาที่นี่ เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็จะขอให้พวกนางแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านประมุขนิกายภาพ” ติ๊เฉินหยุดเดินและกล่าวกับชิงสุ่ย
“ตกลง!” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
ทันใดนั้นก็มีเด็กผู้หญิง 2 คนได้พุ่งทะยานมาทางพวกเขา “คารวะ ศิษย์พี่!”
ภายในนิกายบงกชเทวะนี้ หญิงสาวศักดิ์สิทธิ์นั้นยังถือว่าเป็นหัวหน้าสาวกนิกาย ดังนั้นผู้คนที่อยู่ในนิกายเดียวกับนางจะเรียกนางว่าศิษย์พี่
“ช่วยส่งสาสน์จากข้าไปยังท่านประมุขนิกายหน่อย เพียงบอกนางว่าในตอนนี้ข้ามีบางอย่างที่จะต้องแจ้งให้นางทราบ แต่ในตอนนี้ข้าไม่สะดวกที่จะไปพบนาง” ติ๊เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ตกลง ข้าจะทำให้!” เด็กผู้หญิงทั้ง 2 คนนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้ารู้สึกกังวลหรือไม่?” ชิงสุ่ยมองไปยังติ๊เฉินและยิ้ม
“เล็กน้อยน่ะ นางดูแลข้าดียิ่งนัก ข้ารู้สึกไม่ดีเลยที่จะต้องทำให้นางเสียใจ” ติ๊เฉินกล่าวขึ้น
“ที่แห่งนี้คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของหญิงสาว เจ้ายังไม่อาจตัดใจจากเรื่องโลกีย์และของโลกได้ เจ้ายังไม่สามารถออกจากโลกของมนุษย์ได้”
“อาจารย์ของข้ากำลังมาถึงที่นี่แล้ว” ติ๊เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในระยะไกลๆ นางเป็นหญิงวัยกลางคนที่ดูแก่ชราเล็กน้อย ผมของนางกว่าครึ่งได้เปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว มีริ้วรอยเล็กน้อยบนใบหน้าของนาง แต่เมื่อนางปรากฏตัวขึ้นมา ทุกคนต่างก็เห็นด้วยว่านางนั้นงดงามยิ่งนัก นางไม่ได้มีรอยยิ้มใดๆบนใบหน้าเลย เมื่อได้เห็นชิงสุ่ยและติ๊เฉิน นางก็จ้องมองมายังชิงสุ่ยทันที
“เจ้าคิดจะทำลายการฝึกฝนของเฉินเอ๋องั้นหรือ?”
หญิงชรามองตรงมายังชิงสุ่ยทันทีที่นางมาอยู่ตรงหน้าเขาและถามคำถามนี้
“ถ้าไม่ได้คิดที่จะทำลายการฝึกฝนของนาง นิกายบงกชเทวะแห่งนี้ได้ช่วงชิงหรือเปล่าของข้าไป” ชิงสุ่ยไม่ได้หวาดกลัวหญิงชราผู้นี้เลยแม้แต่น้อย
แสงระยิบระยับจางๆเป็นประกายรอบตัวหญิงชราผู้นี้ หลังจากนั้นนางก็จ้องมองมายังติ๊เฉิน “เจ้าคือหญิงสาวศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายบงกชเทวะ เจ้ารู้ว่าเจ้าควรทำอะไร เจ้าสามารถทำสิ่งใดก็ได้ แต่สิ่งเดียวที่ข้าได้ห้ามเจ้าไว้นั่นก็คือเรื่องความสัมพันธ์ หากเจ้าไม่ทำตามที่ข้าบอก ชีวิตของเจ้าก็เหมือนหมดลมหายใจไปแล้ว”
“ท่านจงอย่าใช้ประสบการณ์ของตนเองมาเกี่ยวข้องกับการฝึกยุทธ อย่าเหมารวมผู้ชายทั้งโลกเพียงเพราะท่านต้องเจ็บปวดกับผู้ชายเพียงคนเดียว หากทุกคนเป็นเหมือนกับท่าน ทั่วทั้งโลกนี้ก็ต้องจบสิ้นแล้ว” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างเย็นชา
ร่างกายของหญิงชราสั่นเล็กน้อย นางจ้องมองไปทางชิงสุ่ยราวกับมีดทิ่มแทงเขา ทันทีที่นั่งขยับตัว กระบี่สีทองในมือของนางก็พุ่งตรงไปยังไหล่ของชิงสุ่ย
ปัง!
ร่างกายของชิงสุ่ยกระเด็นไปทันทีพร้อมกับกระอักเลือดออกมา
“ชิงสุ่ย!” ติ๊เฉินที่วิ่งไปทางชิงสุ่ยและกอดเขาเอาไว้
“เหตุใดเจ้าจึงไม่หลบมัน?” ติ๊เฉินถามขึ้น
ทันทีที่หญิงชราได้เห็นสีหน้าของติ๊เฉิน จิตสังหารภายในดวงตาของนางก็รุนแรงยิ่งขึ้น
“นางเป็นอาจารย์ของเจ้า ไม่ว่ายังไงนางก็คือผู้ที่ช่วยเหลือเจ้าตลอดมาเมื่อตอนที่เจ้ามาที่นี่ ข้าต้องการที่จะรับการโจมตีนี้ ด้วยวิธีนี้ ข้าจะรู้สึกสบายใจยิ่งกว่าเมื่อได้พาเจ้าไปจากที่นี่” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างนุ่มนวล
ในตอนนี้ร่างกายของเขานั้นโดดเป็นอย่างยิ่ง คนอื่นๆคงคิดว่ากระดูกของเขาคงป่นปี้ได้จากการโจมตีเมื่อครู่แล้ว แต่มีเพียงชิงสุ่ยที่รู้ว่ามันจะหักเท่านั้น นอกจากนี้มันยังสามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
“อย่าเปรียบเทียบลูกศิษย์ของนิกายบงกชเทวะกับหญิงแพศยาในโลกของมนุษย์ พวกนางไม่อาจเทียบกันได้เลย” น้ำเสียงที่เย็นชาของหญิงชราดังออกมา สิ่งที่ชิงสุ่ยได้กล่าวไปก่อนหน้านี้นั้นได้รบกวนจิตใจของนางอย่างยิ่ง
“เช่นนั้นแล้วท่านล่ะ? ท่านก็เป็นหญิงแพศยาหรือไม่?” ชิงสุ่ยถามขณะที่เขากำลังเช็ดเลือดที่ปากของตนเอง
“เจ้าเด็กอวดดี!”
“ฮ่าฮ่า ท่านคิดว่ามันถูกต้องแล้วหรือที่ท่านจะกีดกันเหล่าลูกศิษย์ของท่านจากความรักระหว่างชายหญิง หรือท่านคิดว่าท่านนั้นทำได้เพียงเพราะท่านทรงพลัง? ท่านไม่คิดหรือว่าสิ่งที่ท่านทำอยู่นั้นมันทารุณเกินไป?” ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขามองไปยังหญิงชรา
“เจ้าหลอกลวงผู้คนด้วยการโกหก ข้าไม่อาจทนรับคำพูดของเจ้าให้เข้ามาในหูข้าได้”
“เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงต้องโกหกพวกนางด้วยล่ะ……”
“เจ้า หุบปากแล้วไปลงนรกซะ!”
หญิงชราตะโกนออกมาเสียงดัง หลังจากนั้นนางก็พุ่งตรงไปยังชิงสุ่ย ชิงสุ่ยผลักติ๊เฉินให้มาอยู่ด้านหลังของเขาด้วยฝ่ามือและใช้ทักษะย่างก้าว 9เทวา
ปราณจักรพรรดิ !
เกราะอสูรสำแดง!
เดิมทีเมื่อใดก็ตามที่ชิงสุ่ยใช้ทักษะย่างก้าว 9เทวาของเขา พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในตอนนี้ด้วยการเพิ่มขึ้นจากรูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์ ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับเขาเป็นพยัคฆ์ที่ได้รับการติดปีก สำหรับความเสียหายที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยหลบเลี่ยงไม่ให้มันโดนจุดสำคัญด้วยนาทีวิจิตร ทำให้ความเสียหายที่เขาได้รับมานั้นถือว่าน้อยยิ่งนัก
ชิงสุ่ยนั้นสามารถหลบการโจมตีของหญิงชราได้อย่างง่ายดาย
ที่ทำให้หญิงชรารู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้พลังของนางที่ได้ลดลงไปก็ทำให้นางต้องประหลาดใจ เมื่อคิดว่าเขาสามารถทำให้พลังของศัตรูในรถลงไปได้ เขาก็ควรจะมีระดับฝีมือที่ดีพอสมควร แต่เขายังดูอายุน้อยยิ่งนัก……
“เช่นนี้เป็นไร เรามาตกลงกับกันและกัน”
“จงอย่าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้!”
ด้วยเหตุนี้ชิงสุ่ยจึงเปลี่ยนการโจมตีไปเรื่อยๆทั้ง เพลงหมัดไทเก๊ก หมัดวานรปฤษฎางค์ รูปแบบพยัคฆ์ รูปแบบกระเรียน รูปแบบหมีในขณะที่ประลองกับหญิงชรา เขาไม่อาจคาดเดาได้แต่การต่อสู้ครั้งนี้ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ