Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1283
บทที่ 1283 – ให้ข้าดูแลเจ้าได้ไหม?
“หลางฉี ข้าไม่เคยชอบเจ้าเลย ไปซะ ข้าไม่อยากพบหน้าเจ้าอีกแล้ว” หญิงสาวมองไปยังหลางฉีพร้อมกล่าวออกมาอย่างไร้หัวใจ
“ถางเอ๋อ เจ้าพูดเรื่องอะไร? เจ้าไม่ได้ชอบข้า? เจ้าเป็นภรรยาข้านะ พวกเราเคยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปจนกว่าความตายจะมาพรากจาก” หลางฉีไม่ยอมแพ้ เขารู้สึกว่าโลกนี้เปลี่ยนเป็นมืดสนิท ช่างมืดมนจริงๆ
“ไปซะ แล้วไม่ต้องกลับมากวนใจข้าอีกในอนาคต” หญิงสาวผลักไสหลางฉี
จากนั้นนางเดินจากไปโดยไม่ให้โอกาสหลางฉีได้พูดอะไรอีก
ขณะนี้สายตาของนายน้อยโจวมิอาจละไปจากถานท่ายหยวนและอวี้ลู่หยานได้เลย เมื่อเทียบกับหญิงสาวคนก่อนหน้าแล้วสองคนนี้ช่างงดงามกว่า บุคคลอย่างนายน้อยโจวผู้ที่มีความเจ้าชู้หลายใจมีหรือจะปล่อยไปง่ายๆ
“หากเจ้ายังไม่หยุดจ้องมา ข้าก็ไม่รู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นายน้อยโจวจ้องไปยังชิงสุ่ยด้วยแววตาอันชั่วร้ายเหมือนมีประกายบางอย่างในดวงตาของเขา น่าเสียดายที่คนโง่เขลาเช่นเขาชอบทำเป็นเหมือนตนเองสำคัญที่สุดบนโลกใบนี้ “จัดการมันซะ! เอามันให้ตาย! แล้วพาตัวหญิงสาวกลับมา!” นายน้อยโจวตะโกนบอกผู้คนรอบตัวเขา
ชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้งสองเพิ่งมาถึงสถานที่แห่งนี้ด้วยทักษะย่างก้าวเก้าเทวา พวกเขาไม่รู้จักกับตระกูลโจว ไม่ว่าอย่างไรชิงสุ่ยไม่ต้องสนอะไรในจักรวรรดิอวี้นี้อยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาอยู่ในเมืองเหยียน ไม่ว่าตระกูลโจวมีอำนาจมากเพียงใด ในบางทีพวกเขาอาจจะมีอำนาจเหนือกว่านั้น?
ชิงสุ่ยไม่เคยเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิอวี้มาก่อน เขาเพียงแต่อยู่ในเมืองเหยียนเท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นกันเขาเพียงแค่ต้องการอยู่ในเมืองเหยียน ไม่ได้ต้องการเดินทางไปทั่วทั้งจักรวรรดิอวี้
สำหรับตระกูลเหยียนแล้ว ชิงสุ่ยกังวลเกี่ยวกับเหยียนจินยวี้คนเดียวเท่านั้น เมื่อได้ทราบถึงเจตนาของผู้นำตระกูลเหยียน ชิงสุ่ยไม่ได้ทำอะไรในนามของเหยียนหยางเจี๋ยและเหยียนจินยวี้อีก อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ชิงสุ่ยจะยังคงเป็นมิตรกับพวกเขา
ในช่วงชีวิตนี้ เขาได้พบกับผู้คนมากมาย บางคนได้เข้ามา บางคนก็เดินจากไป ในขณะที่บางคนจากไปแล้วก็กลับมาอีกครั้ง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะยืนอยู่เคียงข้างเข้าไปตลอด นอกเหนือจากครอบครัวและเพื่อนสนิทก็ยังมีเหล่าหญิงสาวนี่แหละที่นับได้ว่าเป็นอีกครอบครัวที่ดีที่สุด
เมื่อมองไปยังชายฉกรรจ์สิบคนที่พุ่งเข้ามาจากหลายทิศทาง ชิงสุ่ยกวาดมือออกส่งผลให้พวกนั้นกระเด็นออกไป พวกเขาต่างกระอักเลือดออกมาและต่างหมดสติลง จากนั้นชิงสุ่ยมองไปยังนายน้อยโจวด้วยความน่ากลัว “ข้าจะควักดวงตาทั้งสองของเจ้าทิ้งซะ”
กระแสพลังสองสายพุ่งเข้าสู่ดวงตาของนายน้อยโจวโดยตรง เขาเริ่มร้องออกอย่างน่ากลัวและเสียงดังราวกับกำลังจะเป็นลมไป ฝูงชนส่วนใหญ่รอบๆเริ่มสลายตัวออก คนที่หลงเหลืออยู่ก็เริ่มเดินออกไป เป็นเพราะพวกเขากลัวจะต้องเจอกับปัญหา
“พาตัวภรรยาของเจ้าออกไปจากที่นี่ซะ” ชิงสุ่ยยิ้มและพูดกล่าวกับเจ้าหนุ่มคนนั้น
“แต่นางบอกว่า นางไม่ได้ชอบข้าอีกแล้ว”
“เจ้าโง่ นางพูดเช่นนั้นเพราะต้องการรักษาชีวิตเจ้าไว้ต่างหาก เจ้าไม่รู้เลยเชียวหรือ?”อวี้ลู่หยานกระตุ้นเขา เมื่อสถานการณ์ได้คลี่คลายลงทำให้ทุกคนได้ทราบว่าหลางฉีรักภรรยามากเพียงใด
“อ๋าาาา!” หลางฉีอุทานออกมาต่อหน้าหญิงสาว หญิงสาวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ยังมองมายังหลางฉี
เมื่อหลางฉีได้เห็นแววตาที่คุ้นเคย เขาเดินไปคว้ามือนางและเดินตรงไปหาชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้งสอง “ต้องขอขอบคุณพี่ชายและพี่สาวทั้งสองที่ช่วยพวกเราไว้ พวกเราไม่รู้ว่าจะต้องตอบแทนอย่างไรดี”
ชิงสุ่ยยิ้มและส่งเม็ดยาให้กับหลางฉีเพื่อรักษาบาดแผล “พวกเจ้าแค่เพียงเดินผ่านมาแถวนี้ และข้าบังเอิญกวาดมือออกไปเพียงเท่านั้น รับสิ่งนี้ไว้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้า รีบออกไปจากที่นี่ซะ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีเวลาอีก”
หลางฉีและหญิงสาวมองไปยังพวกชิงสุ่ย พวกเขาก้มคำนับและเดินจากไป ไม่มีคำสัญญาว่าจะตอบแทนอะไรทั้งสิ้น นั่นทำให้ชิงสุ่ยดีใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นเพราะหลังจากนี้พวกเขาอาจจะไม่ได้พบเจอกันอีก หากกล่าวอะไรออกมาแล้วไม่สามารถทำได้สู้ไม่กล่าวมันออกมาแต่แรกเสียดีกว่า
สำหรับเหตุผลที่ชิงสุ่ยช่วยเหลือชายหนุ่มผู้นี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรมาก ผู้คนส่วนใหญ่ย่อมมีความเห็นใจให้กับผู้อ่อนแอก็เท่านั้น มนุษย์ทุกคนย่อมมีสิ่งชั่วร้ายและความดีอยู่ในตัวทั้งสิ้น ดังเช่น บางคนเลือกที่จะเป็นโจร แต่เลือกที่จะปล้นชิงเฉพาะคนมั่งมีไม่ปล้นคนจน ไม่ใช่เพราะว่าคนจนไม่มีอะไรให้แย่งชิง แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการพรากชีวิตของพวกคนจนไปต่างหาก.
ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมถึงไม่มีผู้คนจากตระกูลโจวปรากฎตัวออกมา ชิงสุ่ยไม่ได้ต้องการกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก แต่ทั้งหมดนี่ก็ทำให้เสียอารมณ์ในการเดินเที่ยวแล้ว เขาเดินทางกลับไปยังคฤหาสน์พร้อมหญิงสาวทั้งสอง เขาปล่อยถานท่ายหยวนไว้และนำตัวอวี้ลู่หยานหายตัวไป
ถานท่ายหยวนรู้สึกตะลึงเล็กน้อย นางยิ้มด้วยความขมขื่นและส่ายศีรษะ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังศาลาใกล้ๆ
ผู้คนที่ชิงสุ่ยจ้างวานก็ยังคงทำความสะอาดอยู่รอบๆ คนพวกนี้ถือว่ามีความซื่อสัตย์ พวกเขายังคงทำงานอยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้ว
สภาพของห้องยังคงเหมือนเดิมกับตอนที่พวกเขาจากไป ไม่มีฝุ่นเกาะอยู่เลยแม้แต่น้อย
“ชิงสุ่ยเจ้าทำแบบนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเราตกลงกันแล้วหรือว่าจะอยู่กับน้องหยวน” อวี้ลู่หยานหมดคำพูด นางพูดออกมาหลังจากได้รับการจูบจากชิงสุ่ย
“ไม่มีทางซะล่ะ สามีของเจ้าไม่ได้ชิมรสชาติมานาน เจ้าจะให้ข้ารอต่อไปไม่ได้แล้ว” ชิงสุ่ยยิ้มกว้างในขณะที่เอื้อมมือเข้าไปใต้เสื้อผ้าของนาง
“เจ้าได้พบพี่เฉินบ้างหรือไม่?” ใบหน้าของอวี้ลู่หยานเปลี่ยนเป็นสีแดง ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนไหวมาก
“นางต้องการเข้าสู่ความสันโดษและไม่สามารถเสียความบริสุทธิ์ได้ในตอนนี้”
“ข้าเกรงว่าเวลานี้คงไม่เหมาะ ข้าได้ให้สัญญากับน้องหยวนไว้แล้ว”
ก่อนจะสิ้นคำพูดของอวี้ลู่หยาน ชิงสุ่ยก็ได้ปิดปากนางเอาไว้เสียแล้ว จากนั้นเสื้อผ้าของทั้งคู่ก็ถูกปลดออกจากร่างกาย ชิงสุ่ยได้ใช้ส่วนที่นูนออกไปยังส่วนที่อับชื้นและอบอุ่น เขาปล่อยเสียงร้องออกมา มันเป็นเสียงที่ผ่อนคลาย
ในครั้งนี้ชิงสุ่ยไม่ได้เห็นถานท่ายหยวนมาปรากฏตัวและไม่ได้โผล่เข้ามาในความคิดเช่นครั้งก่อนๆ อวี้ลู่หยานรู้สึกกังวลในตอนแรก แต่ในขณะนี้นางกลับรู้สึกผ่อนคลาย
ในอีกอาคารหนึ่ง ถานท่ายหยวนไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่ชิงสุ่ยและอวี้ลู่หยานคาดเอาไว้ ในตอนนี้นางสามารถมองเห็นและได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับในครั้งก่อนๆที่เขาทั้งสามอยู่ด้วยกัน แต่นี่ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายเลย นั่นเป็นเพราะขณะนี้ร่างกายของนางเริ่มรุ่มร้อนและส่วนล่างเริ่มจะอับชื้นและอบอุ่นขึ้นมาแล้ว
เมื่อเวลาล่วงเลยไป นางกำลังรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่ส่วนล่างของนาง มันมีความแข็งแรงและทำให้นางรู้สึกกลัว นางเปิดตาออกและพบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องของตน ทั้งหมดนั่นคงเป็นภาพลวงตาของนางเอง แต่นางก็ยังรู้สึกได้ถึงความรู้สึกลึกลับที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ มันให้ความรู้สึกสบายราวกับคนที่กำลังจะตายจากความกระหายได้ดื่มน้ำหวานจากฤดูใบไม้ผลิ
และในบ้างครั้งนางก็รู้สึกเห็นภาพที่กระทำต่อส่วนบนของนางด้วยเช่นกัน มันเป็นภาพของชิงสุ่ยสวมกอดนางไว้ เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดในก่อนหน้า แต่ในครั้งนี้นางอยู่ตำแหน่งเช่นเดียวกับอวี้ลู่หยาน
นางรู้สึกอับอายและโกรธ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันผ่อนคลายจริงๆ นางรู้ดีว่ามันเป็นเหมือนภาพลวงตาที่เกิดจากความรู้สึกอันแปลกประหลาด และให้ความรู้สึกที่เหมือนจริง
ทันใดนั้นนางรู้สึกอ่อนแอและตกใจ อยู่ดีๆนางก็รู้สึกเหมือนว่าวิญญาณของนางกำลังบินออกจากร่างกายไป แต่ความรู้สึกเหล่านั้นยังไม่หยุดลง มันยังคงเคลื่อนไหวต่อไป ต่อไปและต่อๆไป
…
เช้าวันรุ่งขึ้น อวี้ลู่หยานเดินไปพบถานท่ายหยวนที่ห้องของนางด้วยความรู้สึกเขินอาย อย่างไรก็ตามนางถึงกับต้องตกใจเมื่อเห็นความเหนื่อยล้าของถานท่ายหยวน อวี้ลู่หยานก็เป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์มากมายและเมื่อนางเห็นถานท่ายหยวนแสดงออกอย่างแปลกไปและมีหน้าซีดเล็กน้อย อวี้ลู่หยานรู้สึกไม่เข้าใจ
สีหน้าของถานท่ายหยวนเปลี่ยนเป็นสีแดง
“น้องหยวน เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?” อวี้ลู่หยานถามด้วยความกังวล
“มันเป็นความผิดของเจ้าคนพาลนั่น มันไม่มีทางหยุดได้หรอกเมื่อเขาเริ่มกอดเจ้าเอาไว้แล้ว”
“แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้หลับเลยตลอดทั้งคืน ก็ไม่ควรจะดูอ่อนเพลียเช่นนี้” อวี้ลู่หยานยังคงไม่เข้าใจ
“อ้อ ข้าใจแล้ว เจ้าเพิ่งจะ…” อวี้ลู่หยานมองไปยังถานท่ายหยวนด้วยท่าทีที่แปลกประหลาด
“พี่อวี้ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรกัน? ถ้าข้าทำมันข้าจะอยู่ในสถานะเช่นนี้หรือ? ข้าไม่เข้าใจ หลังจากที่ท่านทำกับเขาตลอดทั้งคืน ทำไมท่านถึงยังมีแรงขนาดนี้? แถมท่านยังดูงดงามและเป็นผู้หญิงมากขึ้นด้วย ”ถานท่ายหยวนหน้าแดงและกล่าว
อวี้ลู่หยานเข้าใจทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังแปลกใจอยู่ดี เมื่อคิดได้ว่าสถานการณ์ทั้งหมดมาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงนางจะไม่รู้รายละเอียดแต่ก็รู้ดีว่าถานท่ายหยวนกำลังตกอยู่ในภาวะลำบาก
“น้องหยวน นี่เป็นเพราะชิงสุ่ยและข้าใช้เคล็ดวิชาการฝึกยุทธิ์แบบทวิบ่มเพาะ แม้ว่าเจ้าจะยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับชิงสุ่ย แต่ในตอนนี้เหตุการณ์ก็ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว เจ้าจะทำอย่างไรต่อ? เจ้าชอบเขาใช่ไหม? เจ้าอยากลองใช้ชีวิตกับเขาหรือเปล่า?” อวี้ลู่หยานค่อนข้างหัวโบราณ นางกลัวว่าถานท่ายหยวนจะรู้สึกอับอายที่มีอะไรกับชิงสุ่ย และนางเป็นคนเดียวที่จะช่วยเหลือได้
ถานท่ายหยวนส่ายศีรษะ “ข้ายังไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานเลย”
หลังสิ้นคำพูดของนาง นางกำลังนึกถึงความรู้สึกเหล่านั้นอีกครั้ง ในหลายปีมานี้ นางไม่เคยได้รับรู้สึกถึงสิ่งที่แข็งแรงลงลึกไปในกระดูกของนางมาก่อน มันให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ราวกับว่าวิญญาณของนางได้รับการปลดปล่อย หรือนี่เป็นความรู้สึกของการร่วมหลับนอน? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนมากมายถึงกระหายถึงมันนักหรือแม่แต่หญิงสาวที่มีภูมิฐานอย่างอวี้ลู่หยานถึงเป็นสุขไปกับมัน
“น้องหยวน เจ้ารู้สึกไม่ดีงั้นหรือ?” อวี้ลู่หยานกระซิบข้างหูถานท่ายหยวน
“อ่า! พี่เหยียน ทำไมท่านถึงใจร้ายกับข้าล่ะ”
“เอาล่ะ ข้าจะไม่บังคับเจ้าแล้ว ยังไงซะ เจ้าคนเจ้าชู้นั่นก็มีภรรยาเป็นจำนวนมาก มันคงจะดีกว่าถ้าเจ้าได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามข้าจะช่วยสอนเจ้าถึงเคล็ดวิชาการฝึกยุทธิ์แบบทวิบ่มเพาะ มันอาจเกิดอันตรายขึ้นได้หากเจ้าต้องเผชิญกับมันอีกเพราะฉะนั้นต้องฝึกวิชานี้ไว้” อวี้ลู่หยานกล่าว
ในช่วงเวลาอาหารเช้า ชิงสุ่ยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงไปของถานท่ายหยวน เขามองดูนางด้วยท่าทีที่แปลกไป “เจ้าเสียพลังหยินไปเยอะเลย แม้ว่าเจ้าจะทำมันด้วยตัวเอง แต่ก็ควรจะรู้ขีดจำกัดนะ”
ก่อนที่อวี้ลู่หยานจะพูดสิ่งใด ถานท่ายหยวนก็แทรกขึ้นด้วยความโกรธและความอาย “ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้านั่นแหละ เจ้าคนพาล”
หลังจากถานท่ายหยวนได้พูดจบ นางก็เริ่มร้องไห้ออกมา ชิงสุ่ยรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องพลอยลงเรือไปด้วยแล้ว
…
หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็ตระหนักได้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเขามองไปยังถานท่ายหวน เขามีความรู้สึกเปลี่ยนไป หรือเป็นเพราะความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ผูกมัดต่อกันแล้ว
เขาเพียงได้เห็นร่างอันเปลื่อยเปล่าเท่านั้นแต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่พร้อมรับความสัมพันธ์ที่ก่อขึ้น
“แม่นางถานท่าย ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นบุคคลที่ร้องไห้ออกมาได้ง่ายเช่นนี้”
อวี้ลู่หยานทราบดีว่าปัญหาของหัวใจต้องได้รับการแก้ไขจากบุคคลที่ก่อไว้เท่านั้น นางจึงปลอบถานท่ายหยวนและพานางกลับไปส่งยังห้อง
“เจ้านั่นแหละ จะต้องเป็นคนที่ต้องเสียน้ำตา”
ถานท่ายหยวนมองไปยังชิงสุ่ย
ในวันนี้นางสวมใส่ชุดคลุมสีขาวราวกับหิมะ อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยรูปร่างและกลิ่นอายของความบริสุทธิ์ และดวงตาอันศักดิ์สิทธิ์คู่นั้นที่พร้อมจะทำผู้ให้คนคลั่งได้ นางเป็นคนที่สง่างามและมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ ดวงตาคู่นั่นปรากฏให้เห็นความสับสนและความเสียใจเล็กน้อย
“ก็ได้ ก็ได้ ข้าควรเป็นคนที่ต้องเสียน้ำตา ให้ข้าดูแลเจ้าได้ไหม?” หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ ชิงสุ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา
นับตั้งแต่เขารู้ว่านางได้เห็นเขาเปลือยกาย เขาก็คิดถึงมันมาตลอด เขาเป็นคนที่ชอบหญิงสาวที่สวยงามและนางก็เป็นหนึ่งในนั้น เขารู้ดีว่าตนเองไม่สามารถแบ่งแยกตัวเองออกจากความรู้สึกเหล่านี้ได้