Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1297
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 1297 – สถานที่ดึงดูดใจ เปลี่ยนแผน
ชิงสุ่ยรู้สึกว่านี้คือโอกาสของ อีเย่ เจี้ยนเก้อ แม้เขาจะกังวลอยู่บ้าง แต่เขาก็ตื่นเต้นแทนเธอเช่นกัน
“ข้าจะระวังตัวไว้ ข้ายังไม่ยอมตายเร็ว ๆ นี้แน่ แต่ถ้าข้าจะตาย อย่างน้อยข้าก็จะให้กำเนิดลูกเจ้าสักคนก่อน” อีเย่ เจี้ยนเก้อพูดอย่างทีเล่นทีจริง
“แล้วทำไมไม่ลงมือตอนนี้เสียเลยล่ะ? แล้วความฝันของเจ้าจะเป็นจริงภายในสิบเดือน”ชิงสุ่ยเอื้อมมือไปวางที่เอวบางของเธอ
“เจ้าสัญญาว่าจะให้ข้าเป็นคนเข้าหาเจ้าก่อนไม่ใช่เหรอไง เจ้าต้องรักษาสัญญาสิ” อีเย่ เจี้ยนเก้อปราม
ในอดีต ชิงสุ่ยเคยสัญญากับเธอไว้ว่าจะยอมให้เธอเป็นฝ่ายเขาก่อน อีกทั้งเธอต้องการจะเป็นคนคุ้มครองชิงสุ่ยอีกด้วย ในตอนที่เธอพูดเช่นนั้น เธอช่างมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้างดงามที่ไม่ต้องตบแต่งและคำพูดของเธอ ทำให้เธอยิ่งมีเสน่ห์
“ก็ใช่ ข้าจะทำตามสัญญา”ชิงสุ่ยยอมรับผิด
อีเย่ เจี้ยนเก้อ มองชิงสุ่ยและยิ้มบางๆ เธอไม่ได้พูดอะไรอีก
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าต้องเป็นคนใจกว้างกว่านี้หน่อย เข้าใจไหม? อย่างน้อยก็ให้ข้าจับต้องเจ้าไป แล้วข้าจะไม่โต้แย้งอะไรอีก”ชิงสุ่ยหัวเราะชอบใจ
“หืม..ข้าจะลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู” อีเย่ เจี้ยนเก้อเองก็หัวเราะเช่นกัน
ชิงสุ่ยดึงตัวเธอเข้ามากอดทันที
“ชิงสุ่ย ไหนเจ้าบอกว่าจะไม่ยอมทำอะไร ถ้าข้าไม่ใช่คนเริ่มก่อนไง เจ้าห้ามจับตัวข้าสิ” อีเย่ เจี้ยนเก้อบอกเบาๆ
“ฮ่าฮ่า ข้าสัญญาเรื่องบนเตียง ให้เจ้ากลืนกินข้าก่อน..แต่ข้าไม่ได้พูดเรื่องที่ข้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ดังนั้นข้าก็มีสิทธิ์จะจับต้องตัวเจ้าได้สิ ไม่คิดเช่นนั้นรึ?”ชิงสุ่ยกอดเธอแน่น และเขาก็ตั้งใจอย่างที่พูดจริงๆ แม้เขาจะไม่สามารรถเป็นฝ่ายเข้าหาเธอก่อน แต่อย่างน้อยเขาก็อยากใกล้ชิดเธอ
“เจ้าคนเจ้าเล่ห์” อีเย่ เจี้ยนเก้อโอบรอบคอชิงสุ่ยอย่างอ่อนโยน
“เจี้ยนเก้อ เจ้าคิดถึงข้าไหม?”ชิงสุ่ยกระซิบถามเธอข้างหู
“ข้าไม่รู้!”
ชิงสุ่ยมองใบหูของเธอ ช่างงดงามโดยไร้คำบรรยายใดใด เขาลูบไล้ตั้งแต่หูลงไปยังคอของเธอ
ชิงสุ่ยใช้ลิ้นเลียใบหูของหญิงสาวจนร่างของเธอสั่นเทาทั้งร่างก่อนเธอจะเริ่มกอดคอเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นท่าทางของ อีเย่ เจี้ยนเก้อที่ตัวสั่นเทาและเริ่มน้ำตาปริ่ม เธอไม่ได้ขัดขืนหรือพยายามหยุดเขา ชิงสุ่ยจึงไม่หยุด เขายังคงหยอกล้อกับใบหูของเธอ
ร่างของเธอสั่นสะท้าน ชิงสุ่ยใจเต้นระรั่วเพราะท่าทีตอบสนองของเธอ
เขายังคงคลอเคลียอยู่กับใบหูของอีเย่ เจี้ยนเก้อ ในณะเดียวกันมือของเขาก็ค่อยๆ ลูบไล้ลงไปที่เอว และเคลื่อนไปที่ก้นงอน ก้นงอนนั้นนุ่มนิ่มจนชิงสุ่ยอดใจไม่ไหว เขาจับก้นงอนนั้นแน่น จนน้องชายของชิงสุ่ยเริ่มตื่นตัว เลือดภายในตัวเขาพร้อมระเบิดทุกเวลา เขาดันตัวเองเข้าไปแนบชิดร่างของหญิงสาว
อีเย่ เจี้ยนเก้อครางออกมาเบาๆ เธอกระซิบบอกชิงสุ่ย …”เจ้าควรหยุดได้แล้ว..”
ชิงสุ่ยปล่อยมือออกมาข้างหนึ่งก่อนจะกระซิบตอบเธอ “ให้ข้าทำเจ้าแปดเปื้อนเถอะ..”
เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด อีเย่ เจี้ยนเก้อ ตะลึงและตัวสั่นเทา ในตอนนั้นชิงสุ่ยสอดมืออีกข้างเข้าไปในเสื้อของเธอ แม้จะมีผ้าชิ้นบางๆ ขวางไว้ แต่ชิงสุ่ยก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลของเธอ จนชิงสุ่ยส่งเสียงครางเบาๆ ก่อนชิงสุ่ยจะใช้ลิ้นสอดใส่เข้าไปในใบหูของเธอ
ใช่แล้ว…
ร่างของอีเย่ เจี้ยนเก้อสะท้านอีกครั้ง อีกทั้งคำพูดของเขาเมื่อครู่ ทำให้เธอกอดรัดเขาแน่นจนไม่ยอมให้เขาเคลื่อนไหว
ร่างกายของเธอช่างไหวต่อสัมผัส ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าเพราะสัมผัสของเขาหรือร่างกายเธอเป็นเช่นนั้น เขากอด อีเย่ เจี้ยนเก้อจนพอใจ เขาแค่อยากให้เธอได้ลองลิ้มรสประสบการณ์เช่นนี้บ้าง
ชิงสุ่ยไม่อาจละมือออกมาได้ เขาจึงปล่อยมือของเขาไว้เช่นนั้น แล้วเริ่มลงมือต่อโดยการลูบไล้ก้นของเธอ เนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลจนร่างของหญิงสาวสั่นสะท้านอีกครั้ง
“เจ้าคนบ้ากาม! เอามือออกไปนะ!” เสียงอีเย่ เจี้ยนเก้อดังขึ้นเบาๆ เธอไม่กล้ามองหน้าชิงสุ่ย ใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อจนเหมือนพระอาทิตย์ยามเย็น
ชิงสุ่ยยิ้มและค่อยๆถอนมืออกมา เขาจงใจทำเช่นนั้นจนร่างของ อีเย่ เจี้ยนเก้อสั่นไม่หยุด ชิงสุ่ยค่อยสูดกลิ่นหอมจากมือของเขา
“เจี้ยนเก้อ กลิ่นของเจ้าติดมือข้ามาด้วย…”
“…เจ้าคนโรคจิต!” อีเย่ เจี้ยนเก้อผลักขิงสุ่ยและวิ่งหนีออกมา
ชิงสุ่ยมองคราบเปรอะสีขาวในมือ เขารู้ว่าเธอรู้สึกอายจริงๆและเมื่อมองไปด้านบนเขาก็เห็น ชางห่าย หมิงเยวี่ย และห่าวหยุน ลิ่วลี่ ยืนอยู่ตรงนั้น
ชางห่าย หมิงเยวี่ย มองด้วยสายตาอย่างเช่นเคย ชิงสุ่ยนึกถึงครั้งแรกของเขาและเธอบนแร้งอสนีปีกทองคำ
ห่าวหยุน ลิ่วลี่ สวมเสื้อสีม่วงเช่นเคย ..ชิงสุ่ยเช็ดมือกับเสื้อของเขา ก่อนจะเดินไปคว้ามือของทั้งสอง
ชิงสุ่ยคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่เขาใช้เวลาร่วมกับทั้งสอง เมื่อได้สัมผัสมือของทั้งสอง ชิงสุ่ยอดหวนนึกถึงความหลังไม่ได้
“นานแล้วที่พวกเราไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าเช่นนี้”ชิงสุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ใช่ พวกเราดีใจที่เจ้ากลับมา ครั้งหน้าพวกเราคงมีเวลาร่วมกันมากขึ้น เป็นเรื่องดีจริงๆที่พวกเราได้อยู่กันพร้อมหน้า” ชางห่าย หมิงเยวี่ย พูดพร้อมรอยยิ้ม
“ชิงสุ่ย ..คืนนี้เจ้าจะไปเยี่ยมห้องใครเหรอ?” ห่าวหยุน ลิ่วลี่ กระพริบตาอย่างยั่วยวนและหรี่ตามองชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยใช้มือลูบคางอยู่ครู่หนึ่ง..”ข้าอยากได้เตียงใหญ่ ๆ ที่พวกเราจะร่วมเตียงเดียวกันได้..”
“แล้วก็แบ่งผ้าห่มผืนใหญ่กันงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!” ห่าวหยุน ลิ่วลี่ตอบอย่างหยอกล้อ
“ลิ่วลี่ เจ้าไม่ชอบเหรอ? ข้าคิดว่าวิธีนี้จะทำให้เจ้าได้เห็นสิ่งที่เจ้าอยากเห็นเสียอีก…”
“เจ้าบ้า ไม่ต้องพูดเลย!”ยิ่ง ชางห่าย หมิงเยวี่ย คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งเขินอาย
แทนที่ห่าวหยุน ลิ่วลี่ จะหัวเราะอย่างเช่นเคย เธอกลับกอดแขนชิงสุ่ยแน่นเหมือนไม่พอใจ “ชิงสุ่ย อีก 4 มหาทวีปนั้นสวยไหม?” ห่าวหยุน ลิ่วลี่ ถามอย่างสงสัย
“ไม่เลย! ที่ที่ไม่มีพวกเจ้าอยู่ ไม่สวยเลยสักนิด”ชิงสุ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้าคิดว่าที่นั่นต้องสวยมากแน่ๆ แล้วเจ้าไปอยู่ที่ไหนมา?”ห่าวหยุน ลิ่วลี่ ถามด้วยรอยยิ้มบางๆ
“อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะไปที่นั้นได้แล้ว ข้าสามารถกลับมาที่นี้ได้เดือนละครั้ง ในอนาคตข้าอาจจะพาพวกเจ้าไปได้ด้วยเช่นกัน แต่ยังต้องใช้เวลา”ชิงสุ่ยกุมมือทั้งสองแน่น
ไม่ว่าสถานที่แห่งนั้นจะสวยงามอย่างไร แต่เมื่อมีเพียงเขาคนเดียวที่นั้น ชิงสุ่ยก็ไม่คิดว่าที่นั้นสวยงามเลยสักนิด กลับกัน..หากที่ๆ เขาอยู่นั้น ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด หากมีคนที่เขารักอยู่ด้วย ชิงสุ่ยคิดว่าสถานที่แห่งนั้นช่างงดงามมากทีเดียว
“ลูก ๆ ของพวกเราเริ่มโตแล้ว ในอนาคตพวกเรายังอยากพัฒนาฝีมือให้มากขึ้นไปอีก แล้วตอนนี้พลังของเจ้าก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ..เจ้าจะทิ้งพวกข้าไปรึเปล่า?” ชางห่าย หมิงเยวี่ย ถาม
“หมิงเยวี่ย สงสัยพวกเราคงต้องเริ่มสงครามสักสามร้อยรอบบนเตียงเสียแล้ว ข้าจะแสดงให้ดูเองว่าสามีของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด หากในอนาคต ถ้าเจ้าพูดแบบนี้อีก ข้าคงต้องสั่งสอนเจ้าทั้งคืนแล้วล่ะ”ชิงสุ่ยหัวเราะ แต่ลึกๆ แล้วเขารู้สึกซาบซึ้งใจที่พวกเธอคอยดูแลลูกๆ แทนเขา
“ท่านพี่ ท่านช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้ใจชิงสุ่ยไปด้วยคำคำเดียว” ห่าวหยุน ลิ่วลี่ พูดด้วยท่าทางน้อยใจเล็กน้อย
“ไม่เอาน่า ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปรบกับชิงสุ่ยคืนนี้สิ..” ชางห่าย หมิงเยวี่ย พูดด้วยท่าทีเขินอายและติดตลอก
ห่าวหยุน ลิ่วลี่ยังคงมีนิสัยเหมือนเดิม ชิงสุ่ยรู้สึกพอใจจริงๆ ทั้งรูปร่างและความคิดของเธอ ดูเหมือนนางมารตัวน้อย
หลังจากนั้น หยุน ต้วน ติ๊ ชิง ห่าย ตงชิงและภรรยาเกือบทั้งหมดของชิงสุ่ยก็มาถึง ความจริงแล้ว ชิงสุ่ยก็ไม่ได้มีภรรยาจำนวนมากมายอะไรขนาดนั้น หากเทียบกับผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนคนอื่น ๆ พวกนั้นอาจจะมีจำนวนภรรยามากกว่าชิงสุ่ยด้วยซ้ำ และด้วยความรักของชิงสุ่ยที่มีต่อภรรยา เขาไม่มีทางยอมเสียใครไปสักคน และถ้าหากเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ เขาคงรู้สึกใจมาก
เมื่อเห็นภรรยาแสนงดงามของเขา ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุข เขาหวนนึกถึงคำพูดจากสมัยอดีตกาล
ยิ่งประสบความสำเร็จในธุรกิจ ก็ยิ่งมีลูกเมียมากขึ้นด้วย..
ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขาพอใจไปได้มากกว่านี้ ในอดีตเขาไม่เคยว่าจะเป็นใหญ่เหนือตระกูลเหยียน เขาแค่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมเท่านั้น จนเขาได้พบกับติ๊ เฉิน อีเย่ เจี้ยนเก้อ ห่าวหยุน ลิ่วลี่ หลิน ซานห่าน รวมถึงเรื่องราวอีกมากมาย
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะได้พบเจอคนมาก ๆ ดังนั้นเขาก็มักเข้าไปพัวพันกับ ประมุขอสูร ยิ่งกว่านั้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ตระกูลเหยียนก็ยังไม่จบสิ้นเสียที
เพราะติ๊ เฉิน เขาจึงออกเดินทางไปยังมหาทวีปอู่เซียตะวันตก แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขา หากเขาไม่แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ เขาก็ไม่อาจพบติ๊ เฉินที่นิกายบงกชเทวะได้
หากเริ่มต้นอะไรบางอย่าง ก็ไม่อาจหยุดได้กลางคัน ดังนั้นเขาจะต้องจบทุกอย่างด้วยความสามารถของเขาเอง เพื่อที่เขาและคนรอบข้างจะไม่ต้องเสียใจภายหลัง
โชคดีที่เขามีธงสวรรค์ปัญจธาตุ นับว่ามีประโยชน์มากที่เดียว..
ระหว่างที่มาที่นี้ ชิงสุ่ยคิดอะไรมากมาย ด้วย ธงสวรรค์ปัญจธาตุ คนของตระกูลชิงก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตก เขาเพียงแค่กลับมาหาทุกคนก็พอแล้ว
ตอนนี้ทุกคนยังไม่แข็งแกร่งเท่าชิงสุ่ย ดังนั้นพวกเขายังไม่ควรออกไปจาก 5มหาทวีป
ในไม่ช้ามหาทวีปอู่เซียตะวันตกคงจะเกิดเรื่องราวมากมาย เช่นเดียวกับอีก 3 มหาทวีปที่เหลือ พวกนั้นคงคิดว่า 5 มหาทวีปเป็นเพียงผืนดินธรรมดา พวกเขาคงไม่ได้ตั้งเป้าหมายในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก และคนอื่นๆ คงไม่เดินทางออกมาจากสามมหาทวีปที่ทั้งเจริญรุ่งเรืองและเต็มไปด้วยจิตแห่งปราณ ที่นั้นเป็นเหมือนสวรรค์บนโลกมนุษย์ ดังนั้นสถานที่นั้นจึงล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
จากความคิดของชิงสุ่ย เขาคิดว่า 5 มหาทวีปก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แม้จะมีกฎของสวรรค์และโลก แต่หากไร้กฎนี้ พวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นได้ แม้จะมีการจำกัดเรื่องความเร็วแต่ชิงสุ่ยคิดว่าถ้าไหลเวียนพลังอย่างชาญฉลาด ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
ดังนั้นชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะคุยกับทุกคนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะอาจมีคนที่ต้องการเดินทางไปยังมหาทวีปอู่เซียตะวันตก
“จริง ๆ แล้ว ข้าเคยบอกใช่ไหม ว่าข้าจะพาพวกเจ้าไปอีก 4 มหาทวีปภายใน 5 ปี แต่ตอนนี้ข้าจะเล่าทุกอย่างให้เจ้าฟัง”
เขาควรจะบอกทุกคน เพราะไม่ใครในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกที่จะหยุดเขาได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาจะต้องพูดให้ทุกคนเข้าใจ เพราะเขาอาจจะไปจากมหาทวีปอู่เซียตะวันตก ภายในเวลา 5 ปี
แต่ถึงแม้ชิงสุ่ยจะออกเดินทาง เขาก็สามารถกลับมาที่ 5 มหาทวีปได้บ่อยขึ้น ดังนั้นเขาเลือกที่จะมาอยู่ที่นี้ และชิงสุ่ยก็สัญญากับทุกคนไว้แล้วว่าเขาจะพาทุกคนไปด้วย แน่นอนว่าเขาอยากให้ทั้งตระกูลได้มารวมตัวกันอีกครั้ง
ตอนนี้คนของตระกูลชิงอยู่ในระดับเซียนเทียนและมีอายุขัยประมาณ 500 ปี ซึ่งถือว่ายาวนานมากทีเดียว อายุขัยในระดับเซียนเทียนนั้นไม่ค่อยมีโรคภัยเกิดขึ้น อายุขัยของพวกเขาก็คือประมาณ 500 ปี และแน่นอนว่าอายุขัยของพวกเจ้าจะต้องเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งชิงสุ่ยมั่นใจว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้