Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1299
บทที่ 1299 – ราชันย์แห่งนักฆ่าผู้แข็งแกร่ง ราชันย์แห่งอเวจีเฮยฟง
“นางเป็นคนของตระกูลหลิง แน่นอนว่านางเป็นคนรักของข้า พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ตระกูลเฮยฟงแข็งแกร่งมาก แล้วเจ้าพวกนั้นก็ยโส ข้าเลยอยากสั่งสอนเจ้านั่นเสียหน่อย”
ชิงสุ่ยไม่เคยได้ยินเรื่องราวของตระกูลหลิงมาก่อน ครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะออกเดินทาง เขาจำเกือบทุกตระกูลที่อยู่ใกล้เคียงได้ แต่เขาจำ ตระกูลเฮยฟงหริอตระกูลหลิงไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าพวกเขาเป็นตระกูลธรรมดาทั่วไป ชิงสุ่ยก็คงไม่แปลกใจ แต่จากคำพูดของชิง หมิน ดูเหมือนพวกเขาจะข็งแกร่งมาก ..หรือบางทีพวกเขาอาจจะเพิ่งย้ายมาจากที่อื่น
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดว่าชิง หมิน เป็นเด็กที่ค่อนข้างประหลาด ดังนั้นคำว่าแข็งแกร่งของเขามีความหมายว่าอย่างไรกันแน่?
“หืม ลูกพ่อ แล้วคนรักของเจ้าทำอะไรบ้างล่ะ?”ชิงสุ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
พลังเท่าไรกันแน่ที่ทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่ง?
“ชิงสุ่ย เจ้ากำลังสอนอะไรเด็กคนนี้งั้นเหรอ!”ในตอนนั้นเองหมิงเยวี่ย เก้อโหลวเดินเข้ามาหาทั้งสอง
“ข้ารู้ ข้ารู้ ข้าก็ทำอย่างที่ท่านทำกับท่านแม่ยังไงล่ะ”เด็กหนุ่มพูดและมองชิงสุ่ยด้วยสายตาเข้าอกเข้าใจ
ชิงสุ่ยดูประหม่าเล็กน้อย จนกระทั่งชิง หมินพูดประโยคที่เหลือจนจบ เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่าทางของชิงสุ่ยจึงผ่อนคลายขึ้น
“นางคือภรรยาของข้าในอนาคต นางคือคนที่ข้าตั้งใจจะแต่งงานด้วย”อย่างน้อยชิง หมินก็พูดอะไรที่ดูเหมือนคนทั่วไปเสียที ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยตกใจกับความคิดของเขาเหลือเกิน
“เก้อโหลวเจ้าเล่าเรื่องของสองตระกูลนั้นให้ข้าฟังได้ไหม?”ชิงสุ่ยถามเธอ
“สองตระกูลนั้นเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี้เมื่อประมาณปีที่แล้ว ตระกูลหลิงเป็นตระกูลธรรมดามากๆ แต่ดูเหมือนทั้งสองตระกูลจะรู้จักกันดี และดูเหมือนว่าตระกูลเฮยฟงจะย้ายมาที่นี้ก็เพราะตระกูลหลิง ถึงจะหยิ่งยโสแต่พวกเขาก็ไม่เคยทำเกินเลย”
“แล้วเจ้าเคยเห็นคนรักของลูกเรารึยัง?”ชิงสุ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าเคยเห็นนางมาก่อน นางเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก แต่ว่านางอายุมากกว่าเขาประมาณ 4-5 ปี” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวอธิบาย
ชิงสุ่ยตะลึงอีกครั้งก่อนจะมองหญิงสาว เธอได้แค่กรอกตาไปมา นั่นเพราะในบรรดาผู้หญิงของชิงสุ่ย คนที่อายุมากกว่าเขา อย่างมากก็แค่มากกว่า 1-2 ปีเท่านั้น แต่ครั้งนี้ลูกชายของเขามีคนรักที่อายุห่างกันตั้ง 4-5 ปีเชียวหรือ..
“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าทำไมนางถึงชอบใครที่อายุน้อยกว่านางมากขนาดนี้?”ชิงสุ่ยถาม
“ข้าไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่านางโดนมนตราที่ชิง หมินใช้หรืออย่างไร แต่ดูเหมือนทั้งสองเข้ากันได้ดีมาก” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวพูด ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชิง หมินนั้นมักเป็นเรื่องที่เธอไม่อาจคาดเดาได้เสมอ
“หมินเอ๋อ เจ้ายังอายุน้อยอยู่เลยนะ…”
“ท่านพ่อ ท่านจะบอกว่าข้ายังเป็นเด็กงั้นเหรอ? สิ่งสำคัญคือพลังของข้าต่างหาก!”ชิง หมิน ไม่พอใจ
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินดังนั้น เขาก็เริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่หมิงเยวี่ย เก้อโหลวพูดถึงบ่อยๆ เขารู้ว่าถ้าหากตัวเองพูดอะไรเช่นนี้ ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอย่างไร ชิงสุ่ยจึงรีบแก้ไข “ไม่..พ่อไม่ห้ามเจ้าหรอก มาคุยเรื่องปัญหาเกี่ยวกับการฝึกฝนของเจ้าดีกว่า เจ้าไม่อยากเอาชนะศัตรูของเจ้ารึ?”
“ข้าอยากจะเอาชนะ แต่ข้ายังเด็ก สิ่งที่ข้าทำได้ก็มีแต่เรื่องความเร็ว ข้าทำได้แค่วิ่งเท่านั้น ข้าไม่มีพลังที่จะทำอะไรเขาได้” ชิง หมิน พูดหลังจากคิด แม้จะยังเด็กแต่ความคิดของเขาก็เป็นผู้ใหญ่มากทีเดียว
“ความเร็วคือสิ่งเดียวที่ทักษะอื่นๆไม่สามารถเอาชนะได้!”
ในขณะที่พูด ชิงสุ่ยโปรยใบไม้ออกมา และขว้างมีดปักกลางใบไม้นั้นอย่างรวดเร็ว
ชิ๊ง!
เสียงคมมีดเฉือนใบไม้ดังขึ้นอย่างชัดเจน
“หมิงเอ๋อ เจ้าอาจจะยังไม่แข็งแกร่ง แต่ถ้าเข้าใช้ความเร็วจนเชี่ยวชาญ เจ้าจะเอาชนะศัตรูของเจ้าได้ภายในครั้งเดียว ร่างกายของมนุษย์มีจุดอ่อนมากมาย อย่างดวงตา ลำคอหรือแม้แต่จุดลมปราณ มีจุดลมปราณบางแห่งที่สามารถทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสได้ จนเจ้าสามารถฆ่าเข้าได้ ซึ่งทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความเร็ว”
ความจริงแล้วชิงสุ่ยไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดว่าความเร็วกับพลังนั้นสัมพันธ์กัน ด้วยความเร็วก็ย่อมมีพลังรวมอยู่ด้วย ดังนั้นคนที่มีพลังแข็งแกร่งก็สามารถเพิ่มความเร็วให้ตัวเขาเองได้เช่นกัน
ทันทีที่เด็กหนุ่มมองชิงสุ่ยทำลายใบไม้ด้วยมีด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แม้ใบไม้จะสั่นไหว แต่มีดของเขาก็ผ่าใบไม้นั้นได้ ความสามารถเช่นนี้อาจจะสังหารใครก็ได้ ดังนั้นสำหรับคนอายุเท่า ชิง หมิน เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นเหลือเกิน
ชิงสุ่ยไม่ได้บอกเขาว่าตัวชิงสุ่ยแข็งแกร่งเท่าไร เขาไม่อยากให้ลูกชายของเขาคิดว่าตัวเขาเองสามารถทำอะไรก็ได้ หากมีพลังเท่ากับชิงสุ่ย เขาต้องยืนหยัดด้วยตนเอง จนกว่าเขาจะโตขึ้น ชิงสุ่ยอยากให้ ชิง หมินค่อยๆ เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ท่านพ่อ ข้าจะฝึกฝนจนมีความเร็วขนาดนี้รึเปล่า?” ชิง หมิน ถามอย่างตื่นเต้น
“ตราบเท่าที่เจ้าตั้งใจฝึกฝน ข้ายืนยันว่าเจ้าสามารถเร็วกว่านี้ได้สิบเท่าหรือร้อยเท่า แล้วเจ้าอาจจะฆ่าสัตว์อสูรตัวใหญ่โดยไม่ต้องพยายามอะไรมากเลยด้วยซ้ำ”ชิงสุ่ยยิ้มและตอบ ชิงสุ่ยพยายามสร้างแรงบันดาลใจให้เขา
“ท่านพ่อ อย่าโกหกข้าสิ!”
“เจ้าเป็นลูกของข้า แล้วทำไมข้าต้องโกหกเจ้าด้วยล่ะ?”ชิงสุ่ยลูบหัวเด็กน้อย
ชิง หมิน ส่งเสียงอย่างมีความสุข เขาหัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยพูด
“เอาล่ะ ถอดเสื้อเจ้าออก ข้าจะช่วยเจ้าฝึกฝนเอง”ชิงสุ่ยบอกก่อนจะหยิบเข็มทองออกมา
หมิงเยวี่ย เก้อโหลวยิ้มในขณะที่ ชิง หมิน ถอดเสื้อผ้าของเขาออก
“ท่านแม่ ข้าไม่จำเป็นต้องถอดทั้งหมดใช่ไหม? ข้าอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ..” ชิง หมินพูดด้วยท่าทีเขินอาย
“หืม..เจ้ายังอายอีกรึ? ข้าเคยอาบน้ำให้เจ้าเมื่อปีที่แล้วเอง มีอะไรรึไง? หรือเจ้าอายเพราะตอนนี้เจ้ามีคนรักแล้ว?” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวล้อลูกชายตน
เธอเป็นหญิงสาวที่มีม่านพลังสุกสว่างและดูงดงาม รอยสัญลักษณ์ระหว่างคิ้วของเธอทำให้เธอดูเจ้าชู้เล็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้เธอดูมีเสน่ห์เช่นกัน แม้เธอจะลงโทษ ชิง หมิน แต่เธอก็คอยดูแลเขาเช่นกัน ชิง หมินมักก่อปัญหาและทำสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง แต่ก็แสดงความเคารพต่อคนที่อายุมากกว่าเหมือนคนทั่วไป อีกทั้งเขาก็คอยดูแลน้องๆที่อายุน้อยกว่าเขา นอกจากนี้เขากล้าที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องพี่น้อง แม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าเขา เขาก็ยินดีที่จะสู้
ชิงสุ่ยรู้เรื่องพวกนี้ดี ดังนั้นในสายตาเขา ลูกชายของเขาคนนี้มีความเป็นผู้ใหญ่ แน่นอนว่าชิง ซุนและชิง หยินก็เช่นกัน โดยชิง ซุนคือคนที่ทักษะพัฒนาได้สูงสุด ส่วนสิ่งที่ต่างกันนิดหน่อย คือชิงซุนเปรียบเสมือนพลังธรรมชาติ แต่สำหรับชิง หมินเขาเหมือนจิตสังหารของจักรพรรดิ
“หมินเอ๋อ ในอนาคต เจ้าต้องฝึกฝนความเร็วและทักษะย่างก้าว 9เทวา รวมถึงหมัดไทเก็กด้วย ร่างกายของเจ้าเหมาะสมกับการฝึกความเร็ว แล้วเจ้าไม่สนใจจะเป็นนักฆ่ารึ?”ชิงสุ่ยถามในขณะที่กำลังฝังเข็มให้เขา
เป็นเรื่องง่ายที่ชิงสุ่ยจะปลดปล่อยพลังในร่างกายของเขา ชิงสุ่ยจึงหาอะไรมาพูดคุยกับเ ชิง หมินเพื่อแก้เบื่อ
“นักฆ่า? คนที่สังหารคนอื่นอย่างลับๆ นะหรือ?”
ชิงสุ่ยยิ้มและส่ายหน้า “นักฆ่าเองก็มีหลายประเภท นักฆ่าที่เจ้าพูดถึงนั้นก็เป็นนักฆ่าจำนวนน้อย แต่มีนักฆ่าอีกพวกหนึ่งที่ซุ่มโจมตีและสังหารศัตรู นักฆ่าประเภทนี้เดินทางข้ามไปมาระหว่างทวีปด้วย”
“หืม..ข้าชอบแบบนี้ แล้วนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดคือใครงั้นเหรอ?”ถาม
“นักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือ ราชันย์แห่งอเวจี เขาสามารถฆ่าทุกคนตามต้องการ แม้จะมีคนป้องกันแน่นหนาเท่าไร เขาก็สามารถฆ่าเป้าหมายได้ อีกทั้งเขาแข็งแกร่งมากจนฆ่าอีกฝ่ายได้ภายในการโจมตีครั้งเดียว เขาเชี่ยวชาญรูปแบบและฝ่าฝูงชนได้อย่างง่ายดาย เขาทำได้ทุกอย่าง”ชิงสุ่ยบอก
“สังหาร ยาพิษ ปลอมตัว หลบหนี..ข้าชอบทุกอย่างเลย” ชิง หมิน พูดอย่างตื่นเต้น
หมิงเยวี่ย เก้อโหลวเริ่มปวดหัวยิ่งกว่าเก่าเมื่อได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน เธอไม่เข้าใจว่าทำชิงสุ่ยจึงบอกให้ลูกชายเลือกเส้นทางเช่นนี้
เข็มทองของชิงสุ่ยเริ่มปักลงทั่วร่างของ ชิง หมิน ครั้งก่อนชิงสุ่ยช่วยลูกชายสร้างรูปแบบ เพราะผู้ฝึกตนหลายคนสร้างรูปแรกแบบตั้งแต่ที่พวกเขายังเด็ก ๆ ดังนั้นการฝึกฝนให้ลูกๆของเขาตั้งแต่ตอนนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ชิงสุ่ยตัดสินใจสอน ชิง หมินเรื่องรูปแบบเกี่ยวกับความเร็ว
“ท่านพ่อ ข้ารู้สึกเหมือนตัวข้าเบาขึ้นมาก” ชิง หมิน พูดอย่างตกใจ
“เอาล่ะ พยายามจดจำความรู้สึกนี้ให้มากที่สุด!”ชิงสุ่ยพูด หลังจากนั้นเขาก็ปักเข็มทองลงไปทั้งสองมือ
หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง ชิงสุ่ยเก็บเข็มทองหลังจากที่ปลดเข็มออกมาจากร่างของ ชิง หมิน
“ไปอาบน้ำ แล้วลองฝึก ก้าวไร้วิญญาณและทักษะย่างก้าว 9เทวาสักสองชั่วโมง”
สิ่งที่อยู่ ทั่วร่างของ ชิง หมิน คือจุดดำจำนวนมากที่เป็นผลจากการชะล้างสิ่งสกปรกในร่างกายเขา ชิง หมิน มองสิ่งสกปรกที่ส่งกลิ่นเหม็นทั่วร่างกายเขา เขาหัวเราะก่อนจะรีบวิ่งไป เนื้อตัวเหนียวเหนอะจนชิง หมินไม่รู้สึกสนใจอะไรอีก แม้กระทั่งชิงสุ่ยและหมิงเยวี่ย เก้อโหลว
ชิงสุ่ยคว้าตัวหมิงเยวี่ย เก้อโหลว และนั่งลงบนพื้น
“ชิงสุ่ยถ้าเจ้าปล่อยให้ลูกมีความคิดแบบนั้น ข้าเกรงว่าเขาจะเดินไปในทางที่ผิด” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวพูดอย่างเป็นกังวล
“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะไม่ฝืนลูกให้เปลี่ยนแปลง แต่เราต้องจูงนำเขา โดยเฉพาะเด็กอย่างหมินเอ๋อ ยิ่งเจ้าพยายามหยุดเขา เขาก็ยิ่งพยายามเอาชนะเจ้า เพราะความคิดเช่นนี้ในจิตใจเขา เขาจะเดินไปในทางที่ผิดง่ายยิ่งกว่านี้อีก”ชิงสุ่ยตอบ
“หมินเอ๋อ ไม่เหมาะจะเป็นนักฆ่าเพราะร่างกายของเขา…”
“เขามีร่างกายแห่งวายุ เป็นร่างกายที่พิเศษมาก ความเร็วของเขาเหนือกว่าคนอื่น หากแต่ตอนนี้จิตใจเขามืดมนก็เท่านั้น เขาเหมาะจะเป็นนักฆ่า แน่นอนว่าเขาจะไม่ใช่นักฆ่าที่รับใช้คนอื่น แต่เขาจะเป็นราชาเหนือนักฆ่าทั้งปวง เป็นราชันย์แห่งอเวจี”ชิงสุ่ยพูดด้วยท่าทีภาคภูมิใจ
“ชิงสุ่ย อย่าปล่อยให้เขาฆ่าคน ข้าไม่อยากให้เขากลายเป็นฆาตกร” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวยังคงกังวล
“การฆ่าคนย่อมดีกว่ายอมให้เขาถูกฆ่า อีกอย่างไม่ว่าคนๆนั้นจะดีหรือร้าย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตใจของเขา ถ้าควบคุมตัวเองเป็น เขาก็ไม่มีทางออกนอกลู่นอกทาง ข้าถูกเรียกว่า ประมุขอสูรเพราะฆ่าคนมากมาย แล้วเจ้าไม่คิดว่าข้าน่ากลัวงั้นเหรอ?”ชิงสุ่ยยิ้มและมองเธอ
“ไม่เลย ไม่ว่าเจ้าจะกลายเป็นประมุขอสูรที่ฆ่าคน ข้าก็ยังอยากอยู่เคียงข้างเจ้า ข้าตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และข้าก็ไม่มีวันเสียใจ”
“แล้วจะมีอะไรน่ายินดีไปกว่าการมีเจ้าอยู่ข้างกายอีกเล่า? ทุกคนมีทางเดินของตัวเอง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องห่วง หากมีข้าอยู่ไม่มีใครที่จะทำร้ายเจ้ากับลูกได้ เรื่องของชิง หมินก็เช่นกัน ความคิดของเขาไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก..”
……
ในตอนเช้า ชิงสุ่ยเข้าไปในดินแดนหยกยุพราชอมตะก่อนตอนกลางคืนเขาจะออกมาดูแลเด็ก ๆ อีกทั้งเขาตั้งใจจะอยู่ที่นี้สักสองสามวัน ดังนั้นชิงสุ่ยก็จะไปดูแลภรรยาและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของแต่ละคน รวมถึงร่วมรักกับพวกเธอเช่นกัน
คืนนั้นชิงสุ่ยบุกไปที่ห้องของร้อีเย่ เจี้ยนเก้อ เพราะเธอจะออกเดินทางในตอนเช้า
อีเย่ เจี้ยนเก้อ ดูงดงามในบนเตียง บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเธอ ทำให้เธอดูงดงามยิ่งนัก ผมของสยายอย่างสวยงามราวกับเมฆหมอก เป็นผมที่งามกว่าผมคนธรรมดาทั่วไป..