Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ตอนที่ 1366
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 1366 – ปะทะกับระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาได้รับ? การร่วงโรยของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ
นี่คือชายชราที่มีร่างกายที่สมบูรณ์แบบ เขามีจมูกเหมือนนกอินทรีและดวงตาเหมือนนกกระจอก ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุมากแล้ว แต่เขาก็ยังคงให้ความรู้สึกที่โหดเหี้ยมและไร้ความปราณีแก่คนรอบข้างทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่สามารถสังหารคนอื่นๆได้อย่างไม่ลังเล
ผู้คนมากมายรวมถึงผู้คนของตระกูลอี่หวงต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เมื่อนางกลับไปยังตระกูลอี่หวง ตระกูลอี่หวงจะเป็นของนาง ด้วยทุกสิ่งที่กล่าวออกมานี้ตระกูลอี่หวงนั้นยังคงเป็นผู้ปกครองหลักของอาณาจักรอี่หวง สำหรับหญิงสาวที่มาจากตระกูลธรรมดาเช่นนี้ นางสามารถครอบครองตระกูลอี่หวงเมื่อนางกลับมางั้นหรือ?
ไม่เคยมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน อย่างน้อยที่สุดหญิงสาวจำนวนน้อยอย่างยิ่งที่ได้ปกครองตระกูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตระกูลเช่นตระกูลอี่หวงซึ่งอยู่ในระดับสูง หากหญิงสาวผู้นี้ได้ปกครองตระกูลนี้นั่นหมายความว่าไม่มีชายใดในตระกูลที่ทรงพลังเลย
นี่ถือเป็นเรื่องอับอายมากที่สุดของเหล่าชายหนุ่มในตระกูลอี่หวง พวกเขาคงไม่อาจกล้าเผชิญกับผู้ใดได้
อี่หวง กู่หวู๋ไม่ได้ต้องการที่จะปกครองตระกูลอี่หวง ในอดีตมันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะทำเช่นนี้ แต่ในตอนนี้นางไม่ได้มองตระกูลอี่หวงในสายตาเลย เหตุผลนั่นก็เพราะนางรู้ดีว่าชายที่อยู่ข้างกายนางในตอนนี้สามารถทำลายตระกูลนี้ได้อย่างง่ายดายในอนาคต
แม้แต่ตัวนางเองก็ใช่เวลาไม่นานในการกำจัดคนพวกนี้ แต่นางก็มาที่นี่เพื่อแก้แค้นเท่านั้น
“ประวัติศาสตร์การต่อสู้ระหว่างแต่ละตระกูลล้วนมีทั้งตระกูลที่ยิ่งใหญ่กลับสู่ความตกต่ำและตระกูลที่ตกต่ำทะยานสู่ความยิ่งใหญ่ รากฐานอันยิ่งใหญ่ในตระกูลที่เหล่าผู้อาวุโสได้สร้างขึ้นมาล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับความหยิ่งยะโสของเหล่ารุ่นเยาว์ในตระกูลทำให้พวกเขาล้วนสูญเสียความเป็นมนุษย์และความเมตตาของตนเองไป จริงอยู่ที่พวกเราล้วนอาศัยอยู่ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด ดังนั้นเมื่อพวกเขากล้าทำเช่นนี้พวกเขาก็ต้องกล้าที่จะตกต่ำด้วยเช่นกัน” อี่หวง กู่หวู๋มองไปยังชายชราและกล่าวอย่างสงบ
คำพูดของนางนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง เป้าหมายของนางที่มาในวันนี้คือทำลายล้างตระกูลอี่หวง
หัวใจของอี่หวง ตูซินรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง หากเขาไม่ได้กระทำเรื่องเช่นนั้นในอดีตตอนนี้นางก็คงจะเป็นคนของตระกูลอี่หวง เมื่อเป็นเช่นนั้นใครกันที่จะหยุดตระกูลอี่หวงในอาณาจักรอี่หวงได้?
เพียงแต่เขายังไม่รู้อีกหลายอย่างเพราะเขาปฏิบัติเช่นนั้นกับอี่หวง กู่หวู๋ซึ่งชิงสุ่ยได้มาพบกับนางและเขาได้รับธงสวรรค์ปัญจธาตุ เพราะเหตุใดจึงทำให้เขาสามารถมายังมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำได้ เหตุผลที่ทำไมอี่หวง กู่หวู๋ถึงสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้ล้วนเป็นเพราะนางได้พบกับชิงสุ่ย หากอี่หวง กู่หวู๋ไม่ได้ชีวิตเหมือนดังที่ผ่านมา ชีวิตของชิงสุ่ยึงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันเพื่อที่เจ้าจะยอมกลับไปที่ตระกูลอี่หวง ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่ข้าสามารถให้ได้ ข้าจะให้คำสัญญา” ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้สีหน้าของชายชรายังคงเหมือนเดิม
“ข้าจะไม่กลับไปที่ตระกูลอี่หวงหรือแม้แต่จะคิดเรื่องนี้ ข้าจะทำสิ่งที่ข้าต้องการด้วยตัวของข้าเอง ทุกๆคนล้วนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองได้กระทำ” อี่หวง กู่หวู๋มองไปยังกลุ่มคนที่ดูกังวลใจตรงหน้าของนาง
“ทุกๆตระกูลขุนนางย่อมมีคนที่ชั่วช้าอยู่ในตระกูล ทุกๆตระกูล” ชายชรายังคงพยายามที่จะชักชวนอี่หวง กู่หวู๋
ชิงสุ่ยไม่คาดคิดว่าทัศนคติของฝ่ายตรงข้ามจะเป็นเช่นนี้ ในตอนนี้เขาคิดว่าพวกเขาจะทำในสิ่งถูกต้อง ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้กล่าวอะไรออกมาและเพียงยืนอยู่ข้างๆ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้โจมตีอี่หวง กู่หวู๋เขาย่อมไม่เร่งรีบลงมือแต่อย่างใด
“ข้าต้องการให้เขาหายไปซะ หากท่านไม่ได้คิดที่จะมาข้องเกี่ยวในเรื่องนี้โปรดถอยออกไป ข้าจะถือผู้ที่มาขัดขวางข้าทั้งหมดล้วนเป็นศัตรู” อี่หวง กู่หวู๋กล่าวยืนยัน
“สาวน้อย พวกเราเพียงคิดว่าเจ้าน่าจะพอมีอนาคตดี อย่าคิดว่าตนเองสูงส่งไปหน่อยเลย เจ้าคิดจริงๆงั้นหรือว่าตระกูลอี่หวงจะถูกทำลายไปด้วยน้ำมือของเจ้าเพียงผู้เดียว? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน” ชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
ในหมู่คนเหล่านี้ไม่เคยมีใครมาก่อความวุ่ยวายในตระกูล แต่มีเรื่องใดเกิดขึ้นไม่มีผู้ใดคาดคิดเลยว่ามันจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น เหตุใดพวกเขาจึงแสดงท่าทีที่สุภาพก่อนหน้านี้? แม้จะเกิดเรื่องเช่นนี้ฝ่าตรงข้ามก็ยังคงดื้อรั้นหรือ
มันก็เป็นเรื่องดีที่เรื่องราวได้เป็นเช่นนี้ ด้วยวิธีนี้หากเป็นคนนอกย่อมคิดว่าตระกูลอี่หวงได้ทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว นี่เป็นเพราะอี่หวง กู่หวู๋นั้นล้ำเส้นมากเกินไป หากพวกเขาเข้ามาจัดการเรื่องนี้และชิงสุ่ยเข้ามาข้องเกี่ยวในเรื่องนี้ พวกเขาคงต้องสังหารชายผู้นี้ด้วยเช่นกัน
“ไป!”
อี่หวง กู่หวู๋เริ่มลงมือทันที นางไม่อยากเสียเวลามาพูดคุยกับคนพวกนี้ ความแค้นในจิตใจของนางนั้นต้องชดใช้ด้วยเลือดเท่านั้น
“เจ้ามันเด็กอวดดี! เอาล่ะ เช่นนั้นก็จงแสดงความสามารถของเจ้าให้ข้าได้เห็นหน่อยในวันนี้” ชายชราที่พูดก่อนหน้านี้ได้ถือกระบี่ในมือของเขาและฟาดฟันไปยังอี่หวง กู่หวู๋ทันที
ชายชราที่เป็นผู้นำไม่ได้กล่าวอะไรเพื่อหยุดเรื่องนี้ สีหน้าของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
หว่อง!
หว่อง!
อี่หวง กู่หวู๋รีบเรียกพยัคฆ์ขาวออกมาเพิ่ม พยัคฆ์ขาว 2 ตัวปรากฏขึ้นตรกหน้าของชายชราที่กำลังพุ่งเข้ามา พวกมันเหมือนดวงไฟสีขาว 2 ดวงที่มีเจตนาสังหารอันทรงพลัง
ก่อนหน้านี้เมื่อนางเรียกพยัคฆ์ขาวออกมาเพียงแค่ตัวเดียวออกมาผู้คนมากมายก็ต้องตกตะลึง แต่ในตอนนี้….
“ให้ข้าช่วยเจ้าจัดการกับพวกมันเอง”
ในหมู่ชายชราหลายคน หนึ่งในพวกเขาพุ่งเข้ามาปะทะกับพยัคฆ์ขาวหนึ่งตัวทันที
อี่หวง กู่หวู๋ขมวดคิ้วของนางและเคลื่อนไหวมือทั้ง 2 ข้างของตนเอง เมื่อนางทำเช่นนี้พยัคฆ์ขาว 2 ตัวที่เหมือนกันกับก่อนหน้านี้ก็ปรากฏตัวขึ้นทันที พวกมันพุ่งเข้าไปปะทะกับศัตรูอย่างรวกเร็ว
ในตอนนี้นอกเหนือจากชิงสุ่ยและอี่หวง กู่หวู๋ทุกๆคนล้วนตกตะลึง พยัคฆ์ทุกๆตัวนั้นมีพลังในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ และมันมีมากถึง 4 ตัว นี่ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวยิ่งนัก
พยัคฆ์ขาว 4 ท่วงท่าสังหาร!
ทันใดนั้นพยัคฆ์ขาวทั้ง 4 ตัวก็เริ่มโจมตีไปจากทิศทางที่แปลกประหลาด พวกมันล้อมรอบชายชราทั้ง 2 คน หลังจากนั้นสิ่งเดียวที่เห็นคือมีแสงสีขาวสี่ดวงถูกยิงออกมา
ปัง!
ก่อที่ชายชราทั้ง 2 คนที่อยู่ตรงกลางจะได้ทำอะไร ช่องว่างสีดำมืดปรากฏขึ้นทันทีหลังการโจมตีเกิดขึ้น มันเป็นแสงที่แปลกประหลายอย่างยิ่ง
ชายชราทั้ง 2 คนได้หายไป
พยัคฆ์ขาวกลืนกิน!
นี่เป็นเคล็ดวิชาที่ทรงพลังอย่างยิ่ง หนึ่งในเคล็ดวิชาที่จำเป็นต้องมี เพราะความจริงที่ว่าชายชราทั้ง 2 คนนี้อ่อนแอกว่าพยัคฆ์ขาวพวกนี้เล็กน้อยและพยัคฆ์ขาวยังได้เปรียบในด้านของจำนวน ชายชราทั้ง 2 คนจึงถูกสังหารไปในทันที
พวกเขาต่างเป็นผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในขั้นที่ 1 ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ……
แม้แต่สำหรับชิงสุ่ย มันก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นความพ่ายแพ้ของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างทั้งหมดเริ่มหน้าซีดทันทีจากความตกตะลึงครั้งใหญ่ที่พวกเขาได้รับ บางคนก็รีบหนีไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว ลูกหลงจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้พวกเขาถึงตายได้เลย
“ไป สังหารพวกมัน!”
ในตอนนี้ชายชราที่เป็นผู้นำหยุดลังเลและออกคำสั่งในทันที หลังจากนั้นเขาก็รีบพุ่งเข้าไปหาอี่หวง กู่หวู๋ ด้วยชายชรา 2 คนได้ตายไปตอนนี้เหลือเพียง 7 คนเท่านั้น ในเวลาเดียวกันชายชราก็ร้องเสียงแหลมออกมา ดูเหมือนเขาจะเรียกคนให้มายังที่แห่งนี้มากยิ่งขึ้น
ยังคงมีผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจในตระกูลอี่หวงอีกงั้นหรือ?
ในตอนนี้ชิงสุ่ยเริ่มลงมือ
ปราณจักรพรรดิ !
ปราณจักรพรรดิที่ทรงพลังนั้นสามารถลดพลังของศัตรูลงไปได้ถึง 20% รวมถึงทุกๆสิ่งที่พวกเขาได้ใช้ก่อนหน้านี้
กฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา!
กฎแรงโน้มถ่วง กฎแห่งการกลืนกิน!
นี่คือกฏแห่งการแบ่งสัดส่วน ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอพวกเขาจะถูกประเหมือนค่าเป็นสัดส่วน
20% ของพลังที่ลดลงไปรวมกับผลของตำแหน่งของเทวาทั้ง 9 มันทำให้พลังของชายชรา 2 คนลดลงไปต่ำกว่าระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ
อี่หวง กู่หวู๋ใช้ท่าเท้าของนางออกมา เมื่อนางสะบัดมืออีกครั้งพยัคฆ์ขาวอีก 2 ตัวก็ปรากฏขึ้นข้างกายนาง พวกมันมาเพื่อปกป้องนาง เพราะศัตรูของนางในตอนนี้นั้นล้วนอยู่ในขั้นที่ 1 ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ
ในตอนนี้ผู้คนของตระกูลอี่หวงรู้สึกราวกับกระอักเลือดออกมา ในสมองของทุกๆคนนั้นล้วนทราบถึงความสำคัญของผู้ที่อยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจของตระกูล เพียงพริบตาพวกเขาก็โดนสังหารไปถึง 2 คน หากในตระกูลไม่ได้มีผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ พวกเขาคงจะถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็วอย่างแน่นอน
ภาวะฉุกเฉินของทุกๆตระกูลย่อมส่งผลต่อผู้คนมากมาย พวกเขาต่างขึ้นสูงได้เพราะเหยียบย่ำคนอื่นๆ หากปราศจากพลังพวกเขาก็จะถูกคนอื่นๆเหยียบย่ำแทน นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นในโลก 9 มหาทวีปที่มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดและผู้ที่อ่อนแอก็จะต้องอยู่เบื้องล่างของผู้ที่แข็งแกร่ง
หุบเขา 9 เทวา!
ชิงสุ่ยเรียกหุบเขา 9 เทวาออกมา หุบเขา 9 เทวาของชิงสุ่ยก็พุ่งเข้าไปหาศัตรูที่ถูกทำให้อ่อนแอลงเพราะเขาทันที เมื่อเป็นเช่นนี้ชิงสุ่ยก็ยิ้มออกมา อย่าประมาทผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจที่เป็นศัตรู หาไม่ใช่เพราะพยัคฆ์ขาวที่อี่หวง กู่หวู๋มี หากมีเพียงชิงสุ่ยและอี่หวง กู่หวู๋ พวกเขาย่อมทำได้แค่หนี หากมีชายชราเพียงนี้เพียงคนเดียวชิงสุ่ยรู้สึกว่าไม่มีปัญหาที่เขาจะจัดการ
“ชายชราผู้นั้นที่อยู่ในชุดสีฟ้า ข้าจะสร้างโอกาสให้แก่เจ้าเอง ให้พวกพยัคฆ์ไปล้มสังหารเขาซะ” ชิงสุ่ยกล่าว
“ตกลง!”
ไม่ว่ายังไงหุบเขา 9 เทวาก็เป็นเหมือนเทือกเขาเล็กๆ ชิงสุ่ยสามารถควบคุมมันให้พุ่งไปหาหนึ่งในชายชราได้ ชายชรารีบหลบทันทีเมื่อเห็นหุบเขา 9 เทวาพุ่งตรงมาหาเขา ก่อนหน้านี้เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดของภูเขาลูกเล็กๆนี้
ทันทีที่ชิงสุ่ยเห็นชายชราหลบไป เขาก็เรียกตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ไปยังชายชราคนอื่นๆทันที
ในเวลาเดียวกันหุบเขา 9 เทวาก็พุ่งเข้าไปชนกับชายชราอีก 2 คนทันที
การโจมตีของหุบเขา 9 เทวานั้นไม่ได้รุนแรงนัก เป้าหมายหลักของการโจมตีนี้คือพลังที่น่ากลัวของทักษะปราการจู่โจม ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องปะทะกับมันจริงๆ
พวกเขาหลบหลีกมัน นี่คือสิ่งที่ชิงสุ่ยต้องการ เขารีบขัดขวางคนพวกนี้ด้วยหุบเขา 9 เทวาทันที หุบเขา 9 เทวานั้นมีขนาดใหญ่กว่า 100 เมตร
เมื่อผู้ฝึกยุทธที่อยุ่ในขั้นที่ 1 ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจต้องเผชิญหน้ากับพยัคฆ์ขาว 4 ตัวที่มีพลังกว่ 1.6 ล้านสุริยา ผลที่เกิดขึ้นนั้นก็ได้คาดคิดเอาไว้แล้ว
พยัคฆ์ขาวสังหาร!
ภายใต้สถานการณ์ที่บีบเค้นเช่นนี้ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในขั้นที่ 1 ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจทำได้เพียงยอมตายเท่านั้น ผู้ฝึกยุทธขั้นที่ 1 ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจพวกเขายังไม่อาจแม้แต่เรียนรู้เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ได้ พวกเขาย่อมไม่อาจหนีได้ กลิ่นอายอันทรงพลังของพยัคฆ์ขาวทั้ง 4 ตัวนั้นเป็นเหมือนกรงขังตามธรรมชาติ
แส้เปลวเพลิงมังกรขั้นแรกเริ่ม !
แน่นอนว่าอสรพิษแห่งจิตวิญญาณทะยานฉก!
ชิงสุ่ยเคลื่อนไหวไปหาพวกเขาด้วยการใช้ทักษะการเคลื่อนไหวอสรพิษไอยราซึ่งเขาได้รับมาใหม่ เขาโจมตีออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน บางครั้งการโจมตีที่ปล่อยออกไปก็มีพลังโจมตีเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แต่มันก็ทำได้เพียงทำให้ศัตรูของเขานั้นรับมือได้อย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้น
อันที่จริงแล้วชิงสุ่ยก็ได้ฝึกฝนทักษะการเคลื่อนไหวอสรพิษไอยราของเขามาแล้วบ้าง แน่นอนว่าเขายังคงให้ความสนใจกับอี่หวง กู่หวู๋มากที่สุด
แม้ว่านางจะสามารถเรียกยักษ์ขาวที่ทรงพลังเช่นนี้ออกมาได้แต่หากนางประมาทศัตรูไปเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้นางถูกศัตรูสังหารได้อย่างง่ายดาย นี่คือสิ่งที่เขาจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น โชคดีที่นางยังมีพยัคฆ์ขาวอีก 2 ตัวอยู่ข้างกาย หรือมิฉะนั้นชิงสุ่ยย่อมรู้สึกว่าสถานการณ์ช่างยากลำบากเหลือเกิน วิธีที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากที่สุดในการจัดการกับศัตรูของเขาคือการใช้หุบเขา 9 เทวา และยังมีเคล็ดพลังศักดิ์สิทธิ์กลั่นหลอมเบญจธาตุ
เหตุผลที่ทำไมชิงสุ่ยออกคำสั่งเช่นนี้เพื่อเป็นการฝึกฝนความสามารถของอี่หวง กู่หวู๋สำหรับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้นสำหรับในตอนนี้การต่อสู้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยตำแหน่งของเทวาทั้ง 9 ที่ถูกชิงสุ่ยทำให้อ่อนแอลง ความสามารถของพยัคฆ์ขาวได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
หากพวกเขาอยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจในตอนนี้? ในตอนนี้ชิงสุ่ยมีอารมณ์ที่หลากหลาย แม้ว่าอี่หวง กู่หวู๋จะไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจแต่นางก็ยังสามารถเรียก “สัตว์อสูร” ที่อยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจออกมาได้ หรือพวกมันอาจจะรู้จักกันในนามระดับอสูรอมตะนิรันดร์
แม้ว่าพลังของชิงสุ่ยที่ไม่ได้สูงมากนักแต่เขาสามารถปลดปล่อยพลังในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจเมื่อเขาใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์และประสบความสำเร็จที่พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เขายังมีเถาวัลย์อสูรกระหายเลือด มันจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาที่จะส่งคนเหล่านี้ไปสู่ความตาย
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ นี่เป็นการต่อสู้ที่อันตรายและทรงพลังมากที่สุดที่ชิงสุ่ยเคยประสบมาทั้งชีวิตของเขา เขารู้สึกราวกับเป็นนักรบที่เดินอยู่ท่ามกลางคมดาบมากมาย มันอาจจะอันตรายแต่ก็สร้างความตื่นเต้นให้แก่เขาอย่างยิ่ง
ในทางกลับกันอี่หวง กู่หวู๋กำลังทำสิ่งต่างๆด้วยความไม่อยากจะเชื่อในจิตใจของนาง นางสามารถควบคุมพยัคฆ์ขาวได้ด้วยจิตใจของตนเอง ความสามารถในการควบคุมพยัคฆ์ขาวของนางในตอนนี้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่นางไม่รู้ตัว มันมาถึงจุดที่นางสามารถยืนสั่งการอยู่บนหลังของพยัคฆ์ขาวตัวหนึ่งได้ ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้นางรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สำหรับชิงสุ่ยเขาเป็นผู้ที่มีทักษะย่างก้าว 9เทวาเมื่อรวมกับตำแหน่งของเทวาทั้ง 9 และยังมีศิลาหยกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ หากชิงสุ่ยต้องการที่จะหนีไปก็คงไม่มีใครที่สามารถหยุดเขาได้ เขาคือผู้ปกครองแห่งวัง 9 เทวา มันเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขาที่จะเคลื่อนที่ไปมาระหว่างตำแหน่งเทวาทั้ง 9 บางครั้งเขาก็จะปลดปล่อยการโจมตีของตนเองออกไปและทำร้ายศัตรูของเขาด้วยการใช้พลังธาตุที่ได้เปรียบศัตรู สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความคิด ตั้งแต่เริ่มต้นศัตรูที่พวกเขากำลังเผชิญหน้านั้นคือผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจทั้งหมด แม้แต่ชิงสุ่ยก็รู้สึกกดดันในการเผชิญหน้ากับคนเหล่านี้ แต่ในตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น สภาพจิตใจของเขาได้ยกระดับขึ้น ด้วยวิธีนี้จะสามารถควบคุมความคิดและจิตใจให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนเองได้
ดินแดนพลังเทวะแห่งเต๋าและการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาได้พัฒนาขึ้น