Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - ทที่ 1516 – ตระกูลฮั่วที่ไม่รู้จักยอมแพ้
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- ทที่ 1516 – ตระกูลฮั่วที่ไม่รู้จักยอมแพ้
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 1516 – ตระกูลฮั่วที่ไม่รู้จักยอมแพ้
ในช่วงเวลานี้ไม่มีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นภายในเมืองหลินห่าย หอคอยจักรพรรดิได้รับการคุ้มครองจากตระกูลเหลียนและตระกูลซีฉี รวมทั้งกลุ่มตระกูลต่างๆที่ชื่นชอบในตัวหอคอยจักรพรรดิ ดังนั้นแม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ก็ยังมีคนยินดีที่ยื่นมือเข้ามาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา
อวี้เหนียงต้องดูแลลูกสาวตัวน้อย ไม่นานนักเธอจึงกลับไปที่ห้องของเธอ หลังจากที่อวี้เหนียงออกไป ฉินชิงและเสวี่ยนั่วก็ขอตัวไปเช่นกัน เหลือทิ้งไว้เพียงชิงสุ่ย หยินต่ง และเหลียนหลิงเฟิง
แม้ว่าเทียนยี่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชิงสุ่ยและคนอื่นๆ แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะยืนอยู่ในที่เดียวกัน บางทีพวกเขาอาจจะร่วมเดินทางไปด้วยกันหรือบางทีอาจจะแตกคอกัน มันอาจเป็นปัญหาถ้าหากพวกเขาพบกันอีกครั้งในอนาคต
“แม่นางตระกูลฉินมาจากที่ใด? ข้าไม่อาจสัมผัสถึงระดับความแข็งแกร่งของนาง นางแข็งแกร่งกว่าเจ้างั้นหรือ?” เหลียนหลิงเฟิงถามชิงสุ่ย
ทั้งสามคนเป็นผู้สืบทอดมรดกแห่งเทพสงคราม เมื่ออยู่ด้วยกันพวกเขาไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่สามารถพูดคุยกันได้ และในอนาคตอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาจะต้องเกื้อหนุนกันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
“นางแข็งแกร่งกว่าข้า อย่างน้อยก็ 2 เท่าหรืออาจจะมากกว่า” ชิงสุ่ยยิ้ม
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยมีความสุขมาก เขาต้องการให้ฉินชิงแข็งแกร่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรฉินชิงเป็นพันธมิตรของพวกเขา เธอสามารถถือได้ว่าเป็นสหายคนหนึ่ง
“เช่นนั้นเจ้าและแม่นางตระกูลฉิน…” เหลียนหลิงเฟิงพึมพำ คำพูดที่เขาต้องการจะสื่อถึงทุกคนต่างเข้าใจ
“อ่า ข้าว่าพูดเรื่องของท่านเถอะ ตอนนี้สถานการณ์ของท่านเป็นอย่างไร?” ชิงสุ่ยหัวเราะ
เหลียนหลิงเฟิงกลายเป็นเหมือนมะเขือเทศที่เหี่ยวแห้ง เขาพูดอย่างไร้กำลัง “ตอนนี้พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันหรืออาจมากกว่านั้นเล็กน้อย มันยากที่จะจีบนาง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จ ข้าก็รู้สึกเหมือนขาดความหมายในการมีชีวิต”
“บางครั้งมันก็ดีที่มีความมานะ ถ้าหากท่านรักใครสักคน อย่าได้พยายามสร้างความกดดันต่อพวกนาง มันดีกว่าถ้าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่เช่นนั้นนางอาจพยายามหลบเลี่ยงท่าน ถ้านางเลือกที่จะยอมตาย ท่านจะทำอย่างไร?” ชิงสุ่ยยิ้ม
“ข้าเลือกที่จะทำให้มันชัดเจนและปล่อยนางไป” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวอย่างถี่ถ้วนหลังจากใคร่ครวญสักครู่
“นั่นหมายความว่าท่านคือบุรุษหมายเลขหนึ่งในเมืองหลินห่าย ท่านยินดีที่จะรอหลายสิบปีเพื่อผู้หญิงที่ท่านรักและปฏิเสธผู้อื่น คำตอบของท่านดีมาก ข้าแน่ใจว่าหญิงสาวมากมายอยากที่จะสัมผัสกายท่าน หากแต่คำพูดไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ ถ้าท่านให้ความสำคัญต่อคำพูดมากกว่าการกระทำ มันจะกลายเป็นผลเสีย” ชิงสุ่ยยิ้ม
ชิงสุ่ยรู้ดีว่คำพูดของเขาไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่เขารู้สึกว่าซีฉีชาไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา แน่นอนว่ามันคงต้องใช้เวลานานเพื่อที่จะเข้าไปให้ถึงหัวใจของเธอ
“อืมม ข้ารู้ โชคดีที่เจ้ามาปรากฏตัวและชี้ทางที่ถูกให้ข้า โอ๊ะ จริงสิ เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับหญิงสาวตระกูลฉินหรือไม่?” เหลียนหลิงเฟิงดูเหมือนจะสนใจเรื่องนี้มาก
“ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อนาง” ชิงสุ่ยตอบอย่างสงบ
“เจ้าเป็นอาจารย์คอยชี้แนะเรื่องหัวใจของข้า เจ้าคอยช่วยเหลือข้า เช่นนั้นทำไมพวกเราไม่ลองมาแข่งกัน ดูซิว่าเจ้าจะสามารถพิชิตใจแม่นางฉินได้ก่อนหรือข้าจะสามารถกุมหัวใจของซีฉีได้ก่อนกัน?”
“เหลียนหลิงเฟิง เจ้ากำลังอยากตายงั้นหรือ?” ในขณะนั้นซีฉีชา ฉินชิง และหลินเฟ่ยเดินผ่านมา
เหลียนหลิงเฟิงมีรอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏอยู่บนใบหน้าขณะที่เขาเหลือบมองไปทางชิงสุ่ย แต่ชิงสุ่ยทำราวกับว่าเขาไม่เห็นอะไร
“มันก็แค่เรื่องตลก ชาเอ๋อ เจ้าไม่รู้งั้นหรือว่าข้าเป็นคนแบบไหน?” เหลียนหลิงเฟิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ซีฉีชาจ้องมองเหลียนหลิงเฟิง ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจ เขาพบว่าเหลียนหลิงเฟิงดูเหมือนจะไม่ค่อยมีโอกาสนัก บางสิ่งบางอย่างไม่สามารถกำหนดได้เพียงช่วงสั้นๆ นี่ถือเป็นความจริงอย่างยิ่งสำหรับเรื่องของหัวใจ
หยินต่งและหลินเฟ่ยกล่าวลาก่อนที่จะกลับห้องของพวกเขา พวกเขาอยู่ด้วยกันเสมอและความรู้สึกของทั้งคู่ก็ลึกซึ้งขึ้นทุกวัน สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยอิจฉาพวกเขา
ฉินชิงจ้องไปที่ชิงสุ่ยและยิ้มให้เขา เธอกล่าวลาก่อนที่จะออกไปกับซีฉีชา ตอนนี้เหลือเพียงชิงสุ่ยและเหลียนหลิงเฟิงเท่านั้น
“อันที่จริงแล้วท่านมีโอกาสที่จะมัดใจนาง แต่อย่าได้รีบร้อนนัก” ชิงสุ่ยหัวเราะขณะที่เขาพูดกับเหลียนหลิงเฟิง
ภูมิหลังของเหลียนหลิงเฟิง หน้าตา และบุคลิก ทั้งหมดล้วนยอดเยี่ยม เขาเป็นชายรูปงามที่มีเสน่ห์มัดใจหญิงอย่างแน่นอน แม้แต่ชิงสุ่ยก็ยอมรับว่าเหลียนหลิงเฟิงมีทุกด้านที่เพรียบพร้อม
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านเป็นชายที่มีเสน่ห์จริงๆ!”
“จริงหรือ?”
“จิตใจของท่านกำลังสับสน ลองคิดย้อนกลับไปเมื่ออดีตกับตอนนี้ ท่าทีของนางต่อท่านเปลี่ยนไปหรือไม่?” แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่รู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของซีฉีชาที่มีต่อเหลียนหลิงเฟิง แต่อย่างน้อยเขาก็เห็นว่าพวกเขาสามารถเป็นเพื่อนที่ดีแก่กันได้ คนรักมักจะเริ่มต้นจากความสัมพันธ์ของการเป็นเพื่อนและค่อยๆกลายเป็นความรัก
เหลียนหลิงเฟิงคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเขาส่องประกายความงุนงงเล็กน้อย เขาทำได้เพียงแค่ส่ายหัวอย่างหมดหนทางขณะลุกขึ้นกลับไปยังที่พัก
……
หินพสุธาเทวะถูกฝังไว้ในดินแดนหยกยุพราชอมตะกับมือของชิงสุ่ย เขาเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะและรู้สึกว่ามันดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก ซึ่งมันช่วยเสริมสร้างจิตแห่งปราณขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับโลกภายนอก
ชิงสุ่ยคิดว่าหินพสุธาเทวะช่วยยกระดับให้กับดินแดนหยกยุพราชอมตะ ตอนนี้ดินแดนอยู่ในระดับแปด เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันถึงจะเลื่อนเป็นระดับเก้า ชิงสุ่ยไม่ได้คิดอะไรมาก หินพสุธาเทวะต้องมีบางอย่างเชื่อมโยงกับมัน
ฝึกตน…
พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้พลังของเขาอยู่ที่ระดับ 300 ล้านสุริยา
300 ล้านสุริยา… ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจ สำหรับสัตว์อสูรอย่างวิหคเพลิงนรกานต์และมังกรไอยราเกล็ดทองคำ พวกมันมีพลังอยู่ที่ 1.4 พันล้านสุริยา มันช่างห่างไกลเมื่อเทียบกับเขา
ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉินชิงเป็นเช่นไร แต่ที่แน่ๆพลังของเธอจะไม่ด้อยไปกว่าสัตว์อสูรของเขา คอนนี้เธอได้รับมรดกแห่งเทพสงครามหงส์เพลิง ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเคล็ดวิชาที่เธอมีเป็นอย่างไร
เขานึกถึงรูปแบบนกหงษ์เพลิงและเคล็ดวิชาของเขา กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต เขาจะลองหาโอกาสดูว่าเธอสนใจจะฝึกฝนมันหรือไม่ ตอนนี้ชิงสุ่ยเชี่ยวชาญในการใช้กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตอย่างถ่องแท้
ชิงสุ่ยได้ผสานกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตและทักษะ 9 รากฐานบรรพกาลศึกเข้าด้วยกัน ท่วงท่าทั้ง 9 แฝงไปด้วยพลังของกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต แม้ว่าเขาจะอ่อนแอกว่าอีกฝ่าย เขาก็ยังสามารถต่อกรได้ ชิงสุ่ยรู้สึกมั่นใจต่อให้ศัตรูจะอยู่ในระดับเดียวกับฉินชิงก็ตาม
หอคอยจักรพรรดิยังดำเนินกิจการต่อไปเช่นเดิมในช่วงเวลาที่ชิงสุ่ยไม่อยู่ มีหลายคนที่มาชุมนุมกันเพื่อรอให้ชิงสุ่ยรักษา เหล่านิกายต่างส่งคนออกไปเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับชิงสุ่ย
เขากลับมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาหา กระทั่งเช้าของวันนี้ มีชายคนหนึ่งปรากฏตัว
คนแรกที่มาถึงเป็นชายชราจากตระกูลฮั่ว ความจำของชิงสุ่ยเป็นเลิศ ในตอนที่เขาเอาชนะชายหนุ่มจากตระกูลฮั่ว ชายชราผู้นี้ก็อยู่ด้วย
“ท่านหมอเทวดาชิง ในที่สุดท่านก็กลับมา” ชายชรายิ้มหลอกๆ
ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดว่าตระกูลฮั่วจะมาหาเขา
“ผู้อาวุโสฮั่ว ทำไมท่านถึงมาที่นี่?” ชิงสุ่ยิ้มตอบ เขาไม่ได้แสร้งทำเป็นสุภาพ เขายื่นมือออกไปและเชิญให้ชายชรานั่งลง
“ท่านหมอเทวดาชิงกลับมา นั่นย่อมเป็นมงคลแก่เมืองหลินห่าย!”
ชิงสุ่ยยิ้ม แต่เขาไม่ได้พูดอะไรในขณะที่เขายังคงจ้องไปที่ชายชรา
ชายชรายิ้มอย่างอึดอัดใจ เขารู้ว่าจะถูกขับไล่ออกไปในไม่ช้าหากเขาไม่เข้าประเด็น ตระกูลฮั่วไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชิงสุ่ยและในความเป็นจริงชิงสุ่ยก็ไม่ค่อยพอใจกับพวกเขาด้วย
“มันเกี่ยวกับชายหนุ่มที่พ่ายแพ้ท่านในตอนนั้น ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บหนักจากแรงระเบิด เขาเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของตระกูลข้า” ชายชรากล่าวติดๆขัดๆ
หลังจากคิดใคร่ครวญสักครู่ ชิงสุ่ยจำเหตุการณ์ขึ้นได้ “ข้าไม่สามารถทำอะไรได้ ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป อีกอย่างแม้ว่าข้าสามารถรักษาเขาได้ ข้าก็จะไม่ยอมทำเช่นกัน ทำไมข้าถึงต้องอยากจะรักษาคนอย่างเขา? เขาก้าวล่วงเกินหญิงผู้บริสุทธิ์?”
ชิงสุ่ยกล่าวออกไปตรงๆ เขารู้สึกว่ามันดีกว่าหากปล่อยขยะเช่นนี้ไว้ เป็นไปไม่ได้ที่เมื่อชายหนุ่มหายขาดแล้วจะเปลี่ยนไป มันจะทิ้งช่วงเพียงไม่นานก่อนที่เขาจะกลับไปทำนิสัยอย่างเดิม
“ข้ารับปากคุณชายชิงว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแน่นอน หากมันเกิดขึ้น ท่านไม่ต้องลงมือทำอะไร ข้าจะเป็นผู้สังหารเขาด้วยตัวเอง” ชายชรารีบกล่าว
“ถ้าท่านมาที่นี่แค่นี้ ก็ขอเชิญท่านกลับไปเดี๋ยวนี้ ข้าไม่สามารถรักษาเขาได้” ชิงสุ่ยไม่ได้มีความเห็นใจในเรื่องตระกูลฮั่ว
“บรรพบุรษผู้ก่อตั้งของตระกูลข้ามีเรื่องที่ต้องการจะพูดคุยกับท่าน ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อเชิญท่าน” ชายชราถอนหายใจ เขารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกล่าวถึงประเด็นนี้ นี่เป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขามาที่นี่ในวันนี้
“ข้าไม่ว่าง ข้าจะไปที่นั่นเองหากมีเวลา” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างเรียบเฉย ถ้าเป็นในอดีต ชิงสุ่ยย่อมระมัดระวังตัว แต่คราวนี้การเดินทางไปเทือกเขาคุนเผิงทำให้ชิงสุ่ยได้รับกำไรมากมาย ภายในจักรววรดิหิมะนิรันดร์ ชิงสุ่ยไม่เกรงกลัวผู้ใด
โดยธรรมชาติ ชิงสุ่ยไม่ใช่คนที่หยิ่งยะโสและชอบดูถูก แม้ว่าจักรววรดิหิมะนิรันดร์จะไม่มีผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ระดับพลังของพวกเขาก็ถือว่ามากมายเลยทีเดียว ดังนั้นมันจะเกิดความผิดพลาดขึ้นกับเขาได้หากยังมีข้อมูลลไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลฮั่วพอสมควร ตระกูลของพวกเขาไม่ได้อยู่ในสายตาของชิงสุ่ยเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตระกูลฮั่วมีชื่อเสียงที่น่ารังเกียจ นี่เป็นจุดที่สำคัญ
ชิงสุ่ยมองตระกูลฮั่วด้วยความสะอิดสะเอียน มันทำให้ชายชรารู้สึกไม่พอใจอย่างมากและเผยแววตาที่มุ่งร้ายออกมา ชิงสุ่ยเห็นมันได้อย่างชัดเจน แต่เขาเลือกที่จะทำเป็นไม่เห็นอะไร มันจะดีที่สุดหากตระกูลฮั่วไม่ลงมือผลีผลาม ถ้าหากพวกเขาทำ เขาก็ไม่รั้งรอที่จะทำลายพวกเขาทั้งหมด