Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1497 –ตระกูลซีฉี
บทที่ 1497 –ตระกูลซีฉี
ชายวัยกลางคนที่อยู่ที่โถงห้องยืนมองไปที่ชิงสุ่ยและยิ้มออกมา “ท่านคือแพทย์แห่งปาฎิหารย์ชิงสุ่ยงั้นรึ?”
“ใช่แล้วคือข้าเอง แล้วท่านคือ?”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวออกไป
“ข้าขอโทษที่ลืมแนะนำตัว ข้าซีฉี อวี้ วันนี้ข้ามาเพื่อขอคำช่วยเหลือจากท่านหมอ ท่านพอจะมีเวลาสักเล็กน้อยรึไม่?”เขากล่าวออกมาอย่างสุภาพ
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นแปลกใจในการกระทำของเขา ถึงแม้เขานั้นจะแข็งแกร่งแต่เขาก็ไม่แข็งแกร่งมากกว่าชิงสุ่ย เขานั้นมีพลังอยู่ที่100ล้านสุริยา
ซีฉี อวี้เองก็ตกใจเช่นเดียวกัน นั้นเพราะเขาไม่สามารถสัมผัสความแข็งแกร่งของชิงสุ่ย มันเป็นความรู้สึกที่ลึกลับอย่างมาก
“ท่านสามารถอธิบายอาการมาได้รึไม่?”ชิงสุ่ยคิดหลังจากผ่านไปสักพักหนนึ่ง
“ข้ากลัวว่า ท่านหมออาจจะต้องหัวเราะเยาะ เอาจริงๆแม้แต่ข้าเองก็ไม่ทราบว่าอาการของท่านบรรพบุรุษเป็นอย่างไร” ซีฉี อวี้กล่าวออกมา
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปพบเขา” ชิงสุ่ยตอบหลังจากคิด ตระกูลซีฉีเป็นตระกูลที่สำคัญของเมืองหลินห่าย นอกจากนี้มันก็ยังไม่ปัญหาหากเขาจะสร้างสัมพันธ์กับพวกเขา
ตำแหน่งที่ตั้งของตระกูลซีฉีนั้นตั้งอยู่ตรงกลางเมืองหลินห่าย ซึ่งมันก็อยู่ไม่ไกลมากกับที่พักของชิงสุ่ย
“แม้ว่าหอคอจักรพรรดิของท่านจะเปิดมาได้ไม่นาน แต่ชื่อเสียงของมันก็แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างและแพร่หลายอย่างมาก”เขากล่าวออกมา ในตอนนี้ทั้งสองนั่งอยู่บนอสูรของซีฉี อวี้
“ไม่ขนาดนั้นหรอก!” ชิงสุ่ยยิ้ม
“จริงสิข้าได้ยินว่าท่านั้นได้มอบขนมปังหยกให้พวกชาวบ้านด้วยนิ และเท่าที่ข้ารู้มา มันคืออาหารที่มีราคาที่สูงมาก” ซีฉี อวี้ กล่าวและหัวเราะ
“มันก็ไม่ได้มากมายนัก สิ่งที่สำคัญคือการซื้อใจคนเหล่านั้นไว้ให้ได้ต่างหาก ” ชิงสุ่ยกล่าวยิ้มแย้ม.
“ท่านหมอชิงเป็นแพทย์มหัศจรรย์ที่ยังมีพรสวรรค์ในการทำการค้าจริงๆ และท่านก็มีสามารถในการเข้าใจจิตใจของผู้คนจริงๆ” ซีฉี อวี้กล่าวออกมาด้วยความนับถือ
“ในชีวิตข้าก่อนหน้านี้ ข้าเคยเจอเรื่องมากมาย และปัญหาที่พบ ยิ่งข้าขายของยิ่งแพงหรือมีคุณภาพและเป็นที่นิยมมากเท่าไร สิ่งจะตามออกมาคือของเลียนแบบ ด้วยของเลียนแบบเหล่านี้มันทำให้ธุรกิจหลายๆอย่างนั้นล้มลง ดังนั้นข้าจึงติดสินใจขายของเหล่านั้นตามราคาที่คนทั่วๆไปเข้าถึงได้ เพื่อตัดปัญหาในเรื่องดังกล่าว “ชิงสุ่ยอธิบายสิ่งที่เขาเคยพบเจอมา
“มันก็เป็นเรื่องจริง ท่านหมอเป็นพ่อค้าที่ชาญฉลาดและมีความสามารถจริงๆ” ซีฉี อวี้กล่าวอย่างจริงจัง
ชิงสุ่ยส่ายหัว: “มันก็เป็นแค่คำพูดเท่านั้น…”
“ท่านถอมตัวเกินไปแล้ว!”
ชิงสุ่ยนั้นไม่อยากที่จะคุยเรื่องนี้ต่อไปนั้นเพราะนี่ไม่ใช่เหตุผลที่เขาตามชายผู้นี้มา
เมื่อเห็นตระกูลซีฉี ชิงสุ่ยสามารถบอกได้เลยว่าตระกูลแห่งนี้มีความเป็นเลิศทางด้านศิลปะมากกว่าตระกูลฮั่ว นอกจากนี้เขายังสามารถบอกได้ว่ามันเป็นสถานที่ๆงดงามกว่าที่แห่งใดที่เขาเคยเจอ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสง่างามและสูงศักดิ์
ชิงสุ่ยสามารถบอกว่ามันนั้นมีเสน่ห์อย่างมาก นอกจากยิ่งใหญ่แล้ว มันมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรายล้อม
“ท่านหมอชิงเชิญ!”
ซีฉี อวี้กล่าวอย่างสุภาพ
ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้าศีรษะขณะที่เขาเข้าเดินเข้าไปข้างใน
ไม่ไกลนัก มีชายคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับซีฉี อวี้ เพียงแค่เขานั้นดูอ่อนเยาว์มากกว่าเท่านั้น ในขณะที่เขาเดินตรงเข้ามาที่ซีฉี อวี้
“พี่เจ็ด!”
“ว่าไง ท่านผู้นำอยู่ที่ลานหลักใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว สวัสดี ท่านคือท่านหมอชิงสุ่ยใช่รึไม่?”ชายคนนั้นหันมายิ้มให้กับชิงสุ่ย
“ใช่แล้วล่ะข้าเอง!”ชิงสุ่ยยิ้มและทักทาย
ชิงสุ่ยไม่ทรายว่าทำไมคนของตระกูลซีฉีถึงรู้เรื่องว่าเขาจะมา แต่อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาเคยปรึกษากันมาก่อน ในขณะที่ชิงสุ่ยเดินเข้าไปข้างใน เมื่อเขาผ่านไปทางไหนผู้คนต่างหยุดและทำความเคารพเขา มันทำให้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกดีอย่างมาก ถึงแม้พวกเขาจะเป็นตระกูลใหญ่ แต่พวกเขานั้นก็เป็นคนที่มีมารยาทอย่างมาก ทำให้ชิงสุ่ยนั้นประทับใจในจุดนี้อย่างมาก
ในขณะเดินเข้าไปข้างใน ชิงสุ่ยพบว่ามีเพียงคนที่อยู่ตรงนั้นเพียงสองกลุ่มเท่านั้น และตอนนี้เหมือนกับพวกเขานั้นกำลังปรึกษาอะไรบางอย่างอยู่
“ท่านหมอชิง ให้ข้าแนะนำพวกเขาให้ท่านรู้จักนะ นั้นคือพ่อของข้า ส่วนนั้นก็พี่ชายของข้า…และคนสุดท้ายนั้นคือน้องสาวคนสุดท้องของข้า ซีฉีซา”
อันที่จริง ชิงสุ่ยสามารถสังเกตเห็นเธอได้ตั้งนานแล้ว เธอนั้นเป็นผู้หญิงคนเดียวในห้องนี้ และยังนี่เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ ที่ดูเต็มวัยอย่างมาก เธอนั้นมีกลิ่นอายของเด็กสาวและผู้ใหญ่ในตัวเอง แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยนั้นก็รู้สึกว่าเธอนั้นมีอายุไม่มากนัก
เธอเป็นผู้หญิงที่งดงามและเต็มไปด้วยเสน่ห์ ที่น่าหลงใหล ชิงุส่ยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีผู้คนมากมายที่ต้องการเข้าใกล้และรู้จักเธอ นี่เป็นคุณสมบัติที่สาวงามนั้นควรมี
แต่นั้นก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเขา เนื่องจากชีวิตของเขาได้พบเจอกับหญิงงามมามากมาย มันทำให้เขาสามารถควบคุมตัวเองได้อย่างง่ายดาย และสามารถแสดงท่าทางออกมาได้ปกติ
เช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้น เธอก็อยากรู้ว่าเขาจะมีท่าทางอย่างกับความงามของเธอ สำหรับที่ผ่านมาผู้ชายที่เธอได้พบมาทั้งหมด ไม่มีใครเลยสามารถรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้ เมื่อพบเจอความงามของเธอ
ตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่าท่าทางที่สงบนิ่งของชิงสุ่ยนั้นเป็นของจริง และเขาไม่ได้แกล้งทำเพื่อดึงดูดความสนใจของเธอ ผู้คนมักมีความคิดที่แปลกประหลาดเพื่อสร้างความสนใจให้คนอื่นๆ
จากบทสนทนานี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้ว่า ที่พวกเขามารวมตัวกันนั้นก็เพราะอาการป่วยของ ซีฉี เฟย
“เช่นนั้นข้าขอดูอาการท่านหน่อยนะท่านอาวุโส!” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวว่า
ในขณะที่ทุกๆคนนั่งลงข้างๆซีฉี เฟย ก่อนที่ซีฉี เฟยจะเหยียดมือแกไปทางชิงสุ่ย
ในขณะที่ชิงสุ่ยค่อยจับๆลงไปที่ที่จุดชีพจรของเขาและค่อยๆถ่ายทอดปราณไปทั่วร่างกายของชายชรา
เวลาๆค่อยๆผ่านไปอย่างช้า ในขณะที่เสียงในห้องนั้นค่อนข้าเงียบสงบ แทบจะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกได้ว่าทุกๆคนนั้นเป็นห่วงของชายชราอย่างมาก และกำลังคาดหวังกับเขาอย่างมากที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน ชิงสุ่ยค่อยๆเก็บมือของชายชราลงก่อนที่จะหันไปมองรอบ
“ท่านหมอชิง อาการของท่านพ่อของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ชายที่ดูมีอายุที่สุดกล่าวออกมา เขาคือบุตรชายที่มีอายุที่มากที่สุดของชายชรา เขาคือซีฉี หลง
“อาการของท่านอาวุโสนั้นเกิดจากการบ่มเพาะที่ถูกปิดผนึกอยู่ มันจึงทำให้เขาไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งออกมาได้ ๆ หากให้เทียบ มันก็เหมือนกับรูเข็ม ที่ไม่สามารถบรรจุเส้นด้ายที่มีขนาดใหญ่เข้าไป “ชิงสุ่ย กล่าวว่าเบา ๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย ชายชราก็ได้เปิดตาสว่างขึ้น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นทีรู้ว่าอาการของชายชราเป็นอย่างไร หนึ่งคือตัวของหมอที่รักษาชายชรา และอีกคนคือลูกชายคนโตของเขา ฉีซี เฟยนั้นเป็นดังพยัคฆ์ที่ทรงพลัง เขานั้นมีความแข็งแกร่งที่ใครๆก็สามารถสัมผัสและรับรู้ได้ แต่ก็มีคนน้อยมากที่รู้ว่าเขานั้นไม่สามารถใช่พลังของเขาออกมาได้ในตอนนี้
ในตอนนี้ทุกคนตกใจอย่างมาก แม้แต่ซีฉีอวี้ ชิงสุ่ยรู้ดีเพราะเรื่องนี้มันเป็นความลับอย่างมากและไม่มีใครรู้ว่าอาการของชายชรานั้นเป็นยังไง และมันเป็นเรื่องที่พวกเขารู้ไปก็ไม่มีประโยชน์เท่าไร
แต่ตอนนี้ชิงสุ่ยไม่เข้าใจ และไม่สนใจว่าทำไมครั้งนี้ เขาถึงปล่อยให้ลูกๆ ของเขามาฟังอาการ
“แล้วท่านหมอมีมีวิธีจัดการกับมันรึไม่?” ซีฉี เฟยยิ้ม
“ท่านอาวุโส ท่านทราบรึไม่ว่าทำไมร่างกายของท่านนั้นถึงเป็นเช่นนี้?” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยหน้าตาที่ซับ ซ้อนบนใบหน้าของเขา
ชายชราทำหน้าตกใจอย่างมากเมื่อชิงสุ่ยถามออกมา: “ท่านหมายความว่ายังไงกันท่านหมอชิง?”
“ท่านโดนพิษที่ไร้สี ไร้กลิ่นเข้าไป มันได้เขาไปอุดตันเส้นลมปราณและจุดลมปราณที่สำคัญของท่านเอาไว้ พิษดังกล่าวจะค่อยๆกัดกินเส้นลมปราณของท่านจนไม่สามารถใช้งานได้” ชิงสุ่ยมองไปที่ชายชราและกล่าวว่า
“จริงๆแล้วข้าเริ่มมีอาการเช่นนี้หลังจากที่ข้าพ่ายแพ้ให้กับสัตว์อสูรขณะที่กำลังทำการบ่มเพาะอยู่ แต่ถึงอย่างไรข้าก็สามารถรอดมาได้ นี่อาจเป็นสาเหตุที่ข้าได้รับผิดชนิดนี้มา?”ชายชรากล่าวกับชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าคำพูดของชายชรามีความหมายอะไร นั้นก็เพราะมีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถวางยาเขาได้ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะบอกเรื่องนี้กับคนอื่นๆ หรือแม้แต่ต่อหน้าลูกๆของเขาเพราะมันอาจทำให้เรื่องยิ่งไปกันใหญ่
สิ่งสำคัญที่สุดคือพิษชนิดนี้ไม่สามารถรักษา แม้จะเป็นหมอที่เก่งกาจ แต่ไม่ใช่สำหรับชิงสุ่ย “เอาล่ะ ข้าจะไม่ถามท่านอีกต่อไป แต่ท่านจะต้องระวังให้มาก พิษชนิดนี้ไม่ใช่พิษที่ใครๆจะสามารถครอบครองได้ แต่ข้าคิดว่าท่านอาวุโสคงพอที่จะคาดเดาได้ว่าใครกันเป็นที่ทำร้ายท่าน เช่นนั้นเรามาเริ่มรักษากันดีกว่า” ชิงสุ่ยนั้นรู้ดีว่าเขานั้นมีคำตอบในใจของเขาแล้ว เพียงแค่เขาไม่ต้องการพูดถึงมันเท่านั้น
“นี่เจ้าสามารถรักษาข้าได้อย่างนั้นรึ?” ชายชรากล่าวด้วยความตกใจ
“ตราบเท่าที่ทุกๆคนยังมีลมหายใจอยู่ ข้าก็สามารถนำพวกเขากลับมาจากประตูนรกได้เสมอ” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขณะที่หยิบเข็มทองออกมา
คำพูดของของชิงสุ่ยนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก นอกจากนี้มันยังเต็มไปด้วยเสน่ห์และแรงบรรดาลใจ มันเป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายที่จะทำให้คนไข้ของเขาถูกเติมเต็มไปด้วยความหวัง ถึงแม้มันจะดูเกินจริงไปหน่อย แต่มันก็ทำให้ผู้ได้ยินรู้สึกดี
ชายชราได้ยิ้มออกมา เมื่อเขาเห็นความมั่นใจของชิงสุ่ย นอกจากนี้ยังเชื่อว่าชายหนุ่มผู้นี่สามารถทำได้ตามที่เขาพูดจริงๆ เมื่อได้เห็นความสามารถบางส่วนของเขา
“ท่านอาวุโส การรักษาจะมาพร้อมกับความเจ็บปวด ข้าจะต้องตัดเส้นลมปราณบางส่วนของท่าน เพื่อกรองพิษออกจากร่างกายของท่าน” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสงบ
ชิงสุ่ยค่อยนิ่งสงบลง ขณะที่เขาเริ่มตัดเส้นลมปราณของชายในตอนนี้ ในเวลานี้คลื่นแห่งความเงียบสงบได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง!ชิงสุ่ยต้องใช้สมาธิอย่างมากในการตัดเส้นลมปราณของเขา และเชื่อมมันอีกครั้ง