Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1515 – หินพสุธาเทวะ สิ่งประดิษฐ์แห่งสวรรค์
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1515 – หินพสุธาเทวะ สิ่งประดิษฐ์แห่งสวรรค์
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 1515 – หินพสุธาเทวะ สิ่งประดิษฐ์แห่งสวรรค์
ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวบรรยากาศโดยรอบกลายเป็นเงียบสงัด ชายชราถูกซัดกระเด็นถอยหลัง แม้ว่าแขนของเขาจะพิการ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด เขาประหลาดใจกับชิงสุ่ยและไม่สามารถยอมรับความจริงได้
“ท่านพี่ เป็นอย่างไรบ้าง?” ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเข้ามาช่วยเหลือพี่ชายอย่างร้อนใจ
“ข้าประเมินสถานการณ์ผิดไป ชายหนุ่มคนนี้ฝีมือล้ำลึก” ตอนนี้ชายชราตระหนักถึงถ้อยคำก่อนหน้าของชิงสุ่ยแล้ว เขารู้สึกหวั่นกลัวหลังจากลองพิจารณาคำพูดเหล่านั้น
ชิงสุ่ยเดินช้าๆมาเบื้องหน้าพวกเขา
“พวกเราเป็นสมาชิกของนิกายท่ายหยวน” ชายชราแสดงออกถึงความกังวลเล็กน้อย แต่เขายังคงสงบอยู่
“นิกายท่ายหยวน? ข้าไม่เคยได้ยินมัน” ชิงสุ่ยกล่าวผ่านๆ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องของนิกายดังกล่าวมาก่อน แต่ละทวีปนั้นกว้างใหญ่และมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เขายังไม่รู้จัก
“ข้าเคยให้โอกาสท่านไปแล้ว ข้าเตือนท่านมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ท่านกลับปฏิเสธมันไป ตอนนี้ท่านมีเพียง 2 ทางเลือก ทำลายพลังการฝึกตนและออกไปหรือจะให้ข้าฝังท่านอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล” ชิงสุ่ยกล่าวขณะยิ้มกับชายชรา
รอยยิ้มของชิงสุ่ยดูคล้ายกับรอยยิ้มของปีศาจในสายตาของชายชรา เหงื่ออันหนาวเย็นไหลอาบลงบนหลังของเขา การฝึกตนนั้นมีความสำคัญเสียยิ่งกว่าชีวิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสูญเสียพลังแล้วยังต้องมาพิการ สัตว์เดรัจฉานสามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ก็ห่างไกลจากบ้านของเขานัก สำหรับผู้ที่ไร้การฝึกตนไม่รู้อีกกี่ปีที่จะต้องเดินกลับไปให้ถึงบ้านจากที่นี่…
หากปราศจากการฝึกตน สัตว์อสูรของพวกเขาก็จะต่อต้านหรือแม้กระทั่งทอดทิ้งไป พวกเขาเพิ่งจะฝึกมันเพียงขั้นต้นและใช้กำลังเพื่อนำพวกมันมาเป็นพาหนะ ในท้ายที่สุดสัตว์อสูรก็จะแสดงการต่อต้าน
“เจ้ากำลังบีบบังคับให้พวกเขาสิ้นหวัง แม้แต่กระต่ายที่ถูกยั่วยุก็สามารถกัดผู้อื่นได้ เจ้าต้องเมตตาพวกเขา” ในตอนนี้ชายชราถ่อมตนและหยิ่งทะนงอีกต่อไป เขากำลังพยายามดิ้นรนหาทางออก
“เมื่อตอนที่ท่านคิดว่าแข็งแกร่งกว่าข้า ท่านตัดสินใจอย่างไร้ปรานี ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ท่านกลับแสดงความหวาดกลัวออกมาทันที ท่านต้องการให้ผู้อื่นมีจิตเมตตาต่อท่าน ถ้าเช่นนั้นท่านสามารถทำแบบเดียวกันได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มเยาะชายชรา
ชายชรามีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรที่มีค่ามากไปกว่าชีวิต เขาแสดงท่าทีนอบน้อมและกล่าว “ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ข้าจะชดใช้ด้วยชีวิตของตัวเอง ตกลงหรือไม่? เจ้าเองก็มีครอบครัวและเจ้าคงไม่อยากทำลายครอบครัวของพวกเขาเช่นกัน ปล่อยพวกเขาไป เชิญเจ้าฆ่าข้าได้ตามต้องการ”
ชิงสุ่ยมองดูสายตาที่แน่วแน่ของชายชรา คนในโลกนี้มักกล่าวอ้างถึงครอบครัวเพื่อให้ผู้อื่นแสดงความเมตตา แต่ก็มีบางครั้งที่การฆ่าล้างตระกูลเป็นสิ่งจำเป็น ชิงสุ่ยเพียงแค่ทำให้แขนของชายชราพิการเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นชิงสุ่ยไม่ต้องการสร้างปัญหา ตั้งแต่เริ่มเขาไม่ได้เกลียดชังพวกเขา แม้ว่าคนเหล่านี้หมายที่จะสังหารเขา
มันถือเป็นเรื่องดีที่จบลงด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว ชิงสุ่ยส่ายหัวและกล่าว “ไปซะ จงจำไว้ คราวหน้าข้าจะไม่ปรานี ท่านเองก็ผ่านโลกมามากแล้ว คงจะรู้ว่ามีบางคนที่ท่านไม่ควรไปตอแย”
หลังจากที่กล่าวจบ เขาโบกสะบัดมือ!
ชายชราทำท่าราวกับว่าเขาได้รับการอภัยโทษ เขาโค้งคำนับชิงสุ่ยและจากไปพร้อมกับคนของเขาอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยไม่ได้กลัวว่าชายชราจะกลับมาแก้แค้นหรือวางแผนไว้ เขายืนอยู่คนเดียวและไม่มีอะไรต้องกังวล ที่สำคัญที่สุดคือชิงสุ่ยไม่คิดว่าคนเหล่านั้นจะเป็นภัยคุกคาม
ชิงสุ่ยยืนเงียบๆและรอคอย เขารู้ว่าหญิงสาวจะไม่เป็นอะไรด้วยระดับการฝึกตนของเธอ แผนที่สมบัติเป็นกุญแจสำคัญ หากเขาต้องการไปที่นั่น มันจะค่อนข้างยุ่งยาก
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เขายังอารมณ์ดีและไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดถึงแม้จะไม่ได้ผลประโยชน์อื่นใด เขาไม่รู้ว่าทำไมจึงรู้สึกแบบนี้ บางทีเขาอาจเป็นคนที่ใจกว้างกับผู้อื่น…
ประมาณครึ่งวันหลังจากนั้น ชิงสุ่ยเงยศีรษะขึ้นและเห็นฉินชิงยืนอยู่ด้านบนตรงรูปปั้นเทพสงคราม เธอยังคงสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิม…
เขาส่ายหัวเมื่อเห็นว่าฉินชิงไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก อย่างไรก็ตามกลิ่นอายของเธอดูแปลกไป มันรุนแรงขึ้นเล็กน้อย เธอเปล่งประกายความเป็นตัวเองออกมา
เธอดูราวกับเทพธิดา แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่เคยเห็นเทพธิดามาก่อนหรือรู้ว่ามีลักษณะอย่างไร แต่คำว่านางฟ้าก็นับว่าเหมาะสมกับเธอ
ฉินชิงยิ้ม ร่างเงาของเธอแวบหายไปและมาปรากฏข้างๆชิงสุ่ยทันที
มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ กลิ่นอายของเธอที่ปล่อยออกมารุนแรงขึ้น เขามองเธออยู่สักระยะหนึ่งและกล่าว “มันเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าสบายดีหรือไม่?”
“ข้าสบายดี ข้าควรจะขอบคุณเจ้าอย่างไร?” ฉินชิงยิ้มให้กับชิงสุ่ย
เธอตระหนักถึงความสำคัญของแผนที่สมบัติ เธอมาในครั้งนี้เพื่อช่วยเขา แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์เสียเอง ยารูปลักษณ์ผันแปรก็ถือเป็นส่วนหนึ่งเช่นกัน
“เช่นนั้นเจ้าก็มอบร่างกายของเจ้าให้ข้าจะว่าอย่างไร?” ชิงสุ่ยคิดสักครู่และหัวเราะ
ชิงสุ่ยแสดงความใจกล้าเมื่อเขาเห็นรอยยิ้มอันพึงพอใจบนใบหน้าของเธอ ในความเป็นจริงเขาไม่ได้หมายความตามที่พูดไป เขาแค่อยากจะลองดูว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบกลับเช่นไร…
ฉินชิงไม่ได้มีท่าทีโกรธ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดต่อท่าทีของเธอ “ตกลง แต่เจ้าอย่าได้เสียใจภายหลังหล่ะ”
ชิงสุ่ยตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหมือนจะเสียการควบคุมตัวเองต่อหน้าหญิงสาว เขาแทบไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไป เขาจ้องมองเธออย่างสงบและอดกลั้น
ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับเป็นผู้แพ้ เขาถูจมูกและกล่าว “ข้ายังไม่ได้เตรียมตัว ข้าค่อนข้างกังวลเล็กน้อย…”
ฉินชิงหัวเราะและยิ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าของเธองดงามราวกับดอกไม้และมีมนต์สะกด ชิงสุ่ยรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกล่างท้องฟ้าสดใส
“ช่างงดงาม!” ชิงสุ่ยฟื้นคืนสติและเผยรอยยิ้มอันจริงใจออกมา
“ข้าจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างแก่เจ้า ข้าไม่มีอะไรนอกจากสิ่งนี้” ฉินชิงหยิบหินสีดำแปลกๆส่งให้กับชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยรับมันเอาไว้และถาม “นี่คืออะไร?”
แม้จะเป็นการถาม แต่เขาก็พอจะรู้ว่ามันเป็นอะไร ฉินชิงส่ายหัวเป็นคำตอบ
หินพสุธาเทวะ!
เมื่อฝังมันเอาไว้ในดิน มันสามารถเติมเต็มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน ระยะเวลาในการเจริญเติบโตของพืชจะสั้นลงครึ่งหนึ่ง ขอบเขตของพลังจะไม่เกินรัศมี 5,000 เมตร มีผลต่อพืชและพันธุ์ไม้เท่านั้น
“นี่เป็นสิ่งที่จะมอบให้ข้างั้นหรือ?” ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อเขาจะได้รับสิ่งประดิษฐ์แห่งสวรรค์ สิ่งของชินนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์แห่งสวรรค์สำหรับชิงสุ่ยตั้งแต่ต้น
ชิงสุ่ยเคยได้รับมรดกของเทพแห่งสงครามมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่คาดหวังว่าจะได้รับอะไรกลับไปจากที่นี่ มันเป็นเรื่องดีที่มีฉินชิงเดินทางร่วมไปด้วยกัน มิฉะนั้นเขาคงจะเสียเวลาเปล่าในการเดินทาง
เขาไม่คิดว่าจะได้พบหินพสุธาเทวะที่นี่ เมื่อชิงสุ่ยคิดว่าหินพสุธาเทวะเจาะจงไปที่การใช้กับพื้นดิน เขาก็สงสัยว่ามันจะมีหินวารีเทวะด้วยหรือไม่
เขารู้สึกว่าตัวเองดูจะละโมบเกินไป แม้ว่าจะมีหินวารีเทวะ เขากลับรู้สึกว่าหินพสุธาเทวะมีประโยชน์กับเขามากกว่า นั่นเป็นเพราะพืชผลและสมุนไพรส่วนใหญ่ถูกปลูกไว้บนดิน
นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นความสุขที่พบเข้าโดยบังเอิญ
“ชิงสุ่ย เจ้ารู้จักมันหรือไม่” ฉินชิงถามหลังจากสังเกตเห็นชิงสุ่ยดูมีความสุข
“นี่คือหินพสุธาเทวะ เมื่อฝังมันลงไปในดิน มันสามารถลดระยะเวลาการเจริญเติบโตของพืชลงครึ่งหนึ่ง” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉินชิงรู้สึกตกใจในตอนแรก แต่ก็ยังคงส่ายศีรษะ “ดูเหมือนว่ามันจะไร้ค่า มีสมุนไพรหลายชนิดที่ต้องใช้เวลานับหมื่นปี ถึงแม้ว่าเวลาจะลดลงครึ่งหนึ่ง แต่ยังต้องใช้เวลาหลายพันปีในการเจริญเติบโต”
“ไม่เสมอไป มันมีเคล็ดลับในการปลูกพืชสมุนไพรให้ลดระยะเวลาในกาเติบโตขึ้นอีกอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นหินพสุธาเทวะอันนี้จะเป็นของจำเป็นอย่างแน่นอน มันเป็นสิ่งประดิษฐ์แห่งสวรรค์สำหรับสวนพืชสมุนไพร” ชิงสุ่ยรู้ว่าฉินชิงตั้งใจมอบมันให้เขา แม้เธอจะบอกว่ามันไร้ค่า
“อืมดูเหมือนว่าพวกเขาถูกขับไล่ออกไปโดยคุณ!” ฉินควิงกล่าวเมื่อตระหนักว่าชิงชุยเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่
“อืมม ดูเหมือนว่ามันจะเกิดมาเพื่อเจ้า!” ฉินชิงสังเกตและพบว่ามีเพียงชิงสุ่ยที่เหลืออยู่
ฉินชิงจ้องไปที่ชิงสุ่ยและยิ้ม มันทำให้ชิงสุ่ยพูดอะไรไม่ออกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
“ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว” ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรอีก เวลานี้เขาได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ก้อนโตแล้ว
“ตกลง!”
ทั้งสองเดินทางกลับไปตามเส้นทางเดิม ฉินชิงได้รับมรดกแห่งเทพสงครามแล้ว มันดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาจะใกล้ชิดกันกว่าเมื่อก่อน มรดกแห่งเทพสงครามมักจะมีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งมันอาจทำให้ผู้อื่นที่ได้รับมรดกเช่นเดียวกันรู้สึกสนิทสนมกันเล็กน้อย
พวกเขาทั้งสองต่างก็ได้รับผลประโยชน์ การเดินทางกลับเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตลอดทางมันค่อนข้างที่จะสงบราบรื่น ชิงสุ่ยและฉินชิงมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นในเวลานี้
อย่างไรก็ตามฉินชิงไม่ได้บอกว่าเธอต้องการให้เขาช่วยอะไร แต่เขารู้ว่าเธอมีบางอย่างที่ต้องการให้ช่วยเหลือ เธอยังคงเก็บมันเอาไว้และชิงสุ่ยไม่ได้เซ้าซี้ถามมัน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เธอจะบอกกับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ชิงสุ่ยและฉินชิงก็ไปถึงเมืองหลินห่าย ฉินชิงตามชิงสุ่ยไปยังหอคอยจักรพรรดิและพักอยู่ที่นั่น
ทั้งหยินต่งและเหลียนหลิงเฟิงรู้ว่าหญิงสาวคนนี้ได้รับมรดกแห่งเทพสงคราม ที่สำคัญที่สุดคือพลังอาจยากที่หยั่งถึงของฉินชิงที่มีมากกว่าชิงสุ่ย
การกลับมาของชิงสุ่ยเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกคน หลังจากเตรียมการฉลองใหญ่ ทุกคนนั่งลงและพูดคุยถึงประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเมืองหลินห่ายตลอดช่วงหนึ่งเดือนมานี้