Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1550 – วิกฤติของคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1550 – วิกฤติของคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน
บทที่ 1550 – วิกฤติของคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน
หญิงสาวจากไป ชิงสุ่ยรู้สึกเบาใจขึ้น เขาวางแผนสำหรับการรอคอยในช่วง 1 เดือน เขามั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้จะต้องรู้จักอีเย่เจี้ยนเก้อจริงๆ ที่สำคัญที่สุดคือชิงสุ่ยรู้สึกว่าอีเย่เจี้ยนเก้อเกี่ยวข้องกับชนเผ่าใต้ทะเล
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของชิงสุ่ยว้าวุ่น เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้พบกับอีเย่เจี้ยนเก้อและค้นหาความจริงเกี่ยวกับทุกอย่าง เขาห่างเหินจากอีเย่เจี้ยนเก้อไปนานมาก
…
“เจ้าได้ยินเรื่องนี้มาบ้างไหม? คฤหาสน์จอมฟ้าฉินจากจักรวรรดิฉินจัดการกวาดล้างตระกูลเลิงจนสิ้นซาก”
เสียงหนึ่งลอยมาเข้าหูชิงสุ่ย มันทำให้เขาเกิดความสนใจ
“หลายคนต่างก็พูดถึงกัน มันมีอะไรแปลกหรอเกี่ยวกับเรื่องนี้?” เสียงเดิมจากก่อนหน้านี้ดังขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าไม่คิดว่าคฤหาสน์จอมฟ้าฉินจะหวังยึดจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราหรือ การกำจัดหนึ่งในตระกูลใหญ่อาจทำให้เกิดความสั่นคลอนต่ออาณาเขตโดยรอบหรือไม่?”
“พวกเขาไม่ใช่คนมีศีลธรรมหรือ? หลายตระกูลต่างก็เคยยืนหยัดต่อสู้และเรียกร้องความเป็นธรรมต่อสิ่งที่ตระกูลเลิงกระทำ”
“แต่ตระกูลเลิงนั้นมีพันธมิตรมากมาย พวกเขาคงไม่ยอมให้ตระกูลเลิงถูกจัดการไปเปล่าๆเช่นนี้ ถ้าหากปล่อยเรื่องนี้ไป พวกเขาย่อมต้องรู้สึกเสียหน้า”
“ถูกต้อง ในบรรดาพันธมิตรตระกูลเลิง มีอยู่ด้วยกัน 2 ตระกูลที่แข็งแกร่งมาก ข้าสงสัยว่าพวกเขาอาจจะล้างแค้นให้ตระกูลเลิง”
“เจ้ากำลังพูดถึงตระกูลฉ่ายและตระกูลเย่วงั้นหรือ?
“มันก็เป็นเรื่องที่รู้กันดีไม่ใช่หรือ? มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองตระกูลจะลงมือกับคฤหาสน์จอมฟ้าฉินในไม่ช้านี้ ตั้งแต่ที่คฤหาสน์จอมฟ้าฉินกล้าที่จะท้าทายจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์และจัดการหนึ่งในตระกูลใหญ่ของพวกเรา ต่อให้เป็นเด็กเล็กและผู้หญิง พวกเขาก็คงไม่อาจรอดไปได้ง่ายๆในเวลานี้ ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลราชวงศ์ยังสนับสนุนสิ่งที่ตระกูลฉ่ายและตระกูลเย่วอีกด้วย”
……
ขณะดื่มสุรา ชิงสุ่ยนั่งฟังข่าวซุบซิบจากคนรอบตัวเขา ตระกูลเลิงนั้นชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์ป่า แม้ฉินชิงจะทำเกินไปสำหรับการสังหารหมู่ แต่ชิงสุ่ยก็คิดว่ามันสมควรอยู่บ้างแล้ว
ชิงสุ่ยเชื่อว่าคฤหาสน์จอมฟ้าฉินต้องตระหนักถึงสิ่งที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์กำลังจะทำ พวกเขารู้ถึงเรื่องที่ชิงสุ่ยและฉินชิงสังหารคนของตระกูลเลิง ตระกูลเลิงทำไปเพื่อแก้แค้น แต่น่าเสียดายที่พวกใช้วิธีสกปรกซึ่งนำไปสู่การทำให้ฉินชิงขาดสติและตระเลิงถูกกวาดล้างในเวลาต่อมา
ในขณะนี้ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แม้ว่าคฤหาสน์จอมฟ้าฉินจะแข็งแกร่ง เขาก็ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ย่อมไม่มีใครโง่พอที่จะขุดหลุมฝังศพตัวเอง หากพวกเขาไม่มั่นใจกับการเผชิญหน้าต่อคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน
ด้วยเหตุนี้ชิงสุ่ยจึงตัดสินใจตามดูตระกูลฉ่ายและตระกูลเย่วอย่างลับๆ แต่ไม่นานเขาก็เปลี่ยนความคิด เขาเลือกที่จะไปดูทางฝั่งคฤหาสน์จอมฟ้าฉินก่อนและคอยให้อีกฝ่ายมาถึง
ชิงสุ่ยไม่ได้ประมาท เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างก็แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่ากัน ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำคือการทำให้อีกฝ่ายอ่อนกำลังลง ตราบใดที่เขาสามารถตัดกำลังอีกฝ่ายได้ราว 20% มันก็จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคฤหาสน์จอมฟ้าฉินที่จะชนะ
ในวันนั้นชิงสุ่ยมุ่งหน้ไปยังคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน เขาไม่สามารถปล่อยวางจากฉินชิงได้ เขาไม่ได้วางแผนที่จะกลับไป ตอนนี้พวกเขาห่างกันอยู่ หลังจากที่ฉินชิงเปลี่ยนไป มันทำให้เขาสูญเสียจุดมุ่งหมายที่จะอยู่ที่นั่น การที่เขาอยู่ด้วยกับเธออาจทำให้สิ่งต่างๆแย่ลง
……
เหมือนเช่นที่เคยเป็น เมืองราชันย์ฉินยังคงสงบสุข อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยตระหนักว่ามีบางสิ่งอยู่เบื้องหลังความเงียบสงบ การปะทะกันระหว่างตระกูลใหญ่ในครั้งนี้อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย นี่อาจเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น
……
ตระกูลกู๋!
“ท่านผู้นำ ตระกูลฉ่ายและตระกูลเย่วจะมาถึงที่นี่ในวันพรุ่งนี้” ชายชราคนหนึ่งหนึ่งที่นั่งอยู่รวมกับบรรดาชายชราคนอื่นๆในห้องโถงกล่าว
ชายชราที่นั่งอยู่ด้านบนเป็นผู้นำตระกูลกู๋ กู๋ หยินเทียน เขาครองตำแหน่งมากว่า 200 ปีแล้ว การส่งคนไปยังคฤหาสน์จอมฟ้าฉินครั้งล่าสุดทำให้เขาต้องเสียหน้าเป็นอย่างมาก มันถึงขนาดที่ว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งต้องออกมารับหน้าแทน
“ตอนนี้คฤหาสน์จอมฟ้าฉินกำลังทำอะไร?” ชายชรามองไปยังคนด้านล่างที่อยู่ในห้องโถง ที่นี่มีคนอยู่ประมาณ 20 คน พวกเขาล้วนเป็นผู้นำตระกูลต่างๆ
“ไม่ทำอะไรเลย พวกเขาใช้ชีวิตตามปกติ แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มที่ชื่อชิงสุ่ยจะหายตัวไป”
“ครั้งนี้เหล่าบรรพบุรุษจะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะไปร่วมมือกับตระกูลฉ่ายและตระกูลเย่ว”
“จำเอาไว้ ครั้งนี้พวกเราจะร่วมมือกับพวกเขาอย่างลับๆ”
“ตระกูลราชวงศ์จะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยหรือ?”
“นั้นเป็นสิ่งที่เราต้องรอดู”
……
ชิงสุ่ยไม่ได้ไปหาฉินชิง เขาปล่อยราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิออกมาสำรวจโดยรอบ ไม่นานนัก ฟ้าก็มืดลง อย่างไรก็ตามด้วยด้วยหินส่องสว่าง พื้นที่ทั้งหมดยังคงดูสว่างไสวเหมือนปกติ
กลิ่นอันหอมหวลลอยไปในอากาศ ดังเช่นปกติ ถนนเนืองแน่นด้วยผู้อื่น มีทั้งคนที่เดินเตร็ดเตร่และวิ่งผ่านไปมา ซึ่งดูแล้วช่างมีชีวิตชีวา
ทันใดนั้น ไกลออกไปหินส่องสว่างบางอันแตกกระจาย มันมาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังสนั่น สภาพโดยรอบมืดลง
ไม่นานหินส่องสว่างตามถนนก็แตกอีกครั้ง ชิงสุ่ยได้กลิ่นบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ หินส่องสว่างรอบพื้นที่แตกกระจายติต่อกันด้วยความเร็วที่น่ากลัว
ท้องฟ้ามืดลง ในตอนแรกชิงสุ่ยหวังที่จะหยุดมัน แต่ในท้ายที่สุดเขาตัดสินใจที่จะไม่ทำเช่นนั้น เขารีบมุ่งหน้าไปทางคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน แม้ว่าความมืดในตอนกลางคืนจะมีผลต่อคนทั่วไป แต่มันไม่ใช่สำหรับชิงสุ่ย
เมื่อสภาพแวดล้อมภายนอกมืดลง คนของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินรู้ได้ว่านี่เป็นเรื่องผิดปกติ พวกเขาเตรียมตัวป้องกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาทำการใช้รูปแบบปราการพิทักษ์
ก่อนที่รูปแบบจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ มนก็ระเบิดออกทีละนิด แม้กระทั่งหินส่องสว่างของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินก็เริ่มดับไป
ตูม ตูม!
ทันใดนั้นเกิดการระเบิดขึ้นรอบๆคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน ควันลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ผู้คนของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินเริ่มพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ชายคนหนึ่งที่สวมเกราะนักรบสีดำปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าเป็นใคร? เจ้ากล้าดียังไงถึงเช่นนี้กับคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน!” ฉินป่ายฟงโกรธมาก ในเวลาเดียวกันเขาก็แผ่จิตสังหารไปยังคนแปลกหน้า
“ฮ่าฮ่า คฤหาสน์จอมฟ้าฉินช่างหยิ่งยะโส พวกเราไม่มีความเมตตาต่อสิ่งที่ทำลงไป ครั้งนี้ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะล้ำเส้นไปหน่อย” น้ำเสียงที่ฟังดูโกรธและเกลียดชังดังออกมา
“เจ้าคงเป็นพวกตระกูฉ่ายหรือตระกูลเย่ว ในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว ข้าคิดว่าพวกเจ้าไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปอีกแล้ว” เมื่อฉินป่ายฟงกล่าวจบ เขาก็เตรียมพร้อมพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย มันทำให้ศัตรูของเขาประหลาดใจ เขาเริ่มโจมตีทันทีหลังจากนั้น
“ดี เช่นนั้นข้า ฉ่าย หยาง จะทำให้เจ้านึกเสียใจที่ต่อสู้กับข้า”
คลื่นโลหิตจันทรา!
ที่มือทั้งสองข้างของชายชราเป็นคลื่นพลังกลมๆคล้ายดวงจันทร์สีแดงเข้ม เขายิงมันออกไปทางฉินป่ายฟง
ฝ่ามือ 9 คลื่นพฤกษา!
ในเวลาเดียวกัน ฉินป่ายฟงใช้เคล็ดวิชาออกไปเพื่อต้านทานการโจมตีของชายชรา อย่างไรก็ตามช่วงที่เขากำลังรวบรวมพลัง ชายหลายคนก็ปรี่ตรงเข้ามาหาเขาจากทุกทิศทางและโจมตี
แม้ว่าคฤหาสน์จอมฟ้าฉินจะแข็งแกร่ง แต่ปัญหาเดียวก็คือพวกเขามีสมาชิกเพียงไม่กี่คน เมื่อเทียบกับตระกูลกู๋ ตระกูลกู๋มีผู้ฝึกตนมากกว่าพวกเขานับสิบเท่า
คฤหาสน์จอมฟ้าฉินเคยเป็นตระกูลที่ต่ำต้อย แต่ด้วยสัมพันธ์กับตระกูลราชวงศ์ มันทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะยุ่งกับคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน ฉินชิงทำให้คฤหาสน์จอมฟ้าฉินมาอยู่ในจุดที่เสี่ยง ข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การล้มสลายของคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน
ฉินชิงพุ่งออกมาจากกลุ่มคนของคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน เธอสวมชุดสีขาวหิมะและถือกระบี่เอาไว้ในมือ เธอเข้าไปขัดขวางกลุ่มคนที่เข้ามาโจมตีฉินป่ายฟงอย่างรวดเร็ว
ฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนจะไม่รีบร้อน พวกเขาล้อมคนของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินเอาไว้และค่อยๆใช้วิชาเคล็ดวิชาเพื่อจัดการ พวกเขาทำเช่นนี้เพื่อบั่นทอนกำลังของคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน
“ฉินป่ายฟง เจ้าไม่กลับไปดูสมาชิกคนอื่นๆหรือ?” เสียงที่แสดงความเกลียดชังดังขึ้นอีกครั้ง มันทำให้ฉินป่ายฟงเบิกดวงตากว้าง
“ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรคนของข้า ข้าจะตามกวาดล้างตระกูลเจ้าไปตลอดชั่วอายุคน” เลือดในกายของฉินป่ายฟงเดือดพล่าน
“แล้วเรื่องที่ตระกูลเลิงถูกฆ่าล้างตระกูลหล่ะ? วันนี้ข้าจะให้เจ้าและลูกสาวเป็นพยานต่อการตายของคนในตระกูลพวกเจ้าทีละคน ข้าต้องการให้เจ้าได้สัมผัสถึงความสิ้นหวังของการสูญเสียสิ่งที่รักมากที่สุดไปทีละน้อย” น้ำเสียงนั้นเริ่มจะดูเย็นชา
“ท่านพ่อ ท่านถอยไปก่อน ข้าจะจัดการตรงนี้เอง” ดวงตาของฉินชิงแดงก่ำ
“นั่นคือสิ่งที่พวกมันวางแผนไว้ พวกมันตั้งใจที่จะแยกเราออกมาและจัดการทีละคน” ฉินป่ายฟงกล่าวขณะที่ส่ายศีรษะ
“ท่านพ่อ ท่านต้องเชื่อมั่นในพวกเรา ข้าจะจัดการตรงนี้ ท่านรีบถอยไปดูสถานการณ์ด้านหลังเถอะ!” ฉินชิงกล่าวด้วยความแน่วแน่
ลึกลงไปฉินป่ายฟงเป็นห่วงฉินชิงมาก ในเวลานี้เขาคิดถึงชิงสุ่ย มันจะดีมากถ้าเขาอยู่ที่นี่ด้วยตอนนี้ ถ้าชิงสุ่ยอยู่ที่นี่ เขาจะสามารถออกไปจากตรงนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลใดๆ เขามั่นใจว่าการที่มีชิงสุ่ยอยู่จะช่วยให้ลูกสาวของเขาปลอดภัยได้
ฉินชิงเรียกมังกรมรกตออกมาและเร่งให้ฉินป่ายฟงไปดูสมาชิกคนอื่นๆ หลายคนในตระกูลฉินไม่ได้มีฝีมือมากนัก พวกเขาไม่อาจต่อกรกับอีกฝ่ายได้ในศึกครั้งนี้
“ระวังตัวด้วย” ขณะที่กล่าว ฉินป่ายฟงรู้สึกราวกับหัวใจของเขาจะฉีกออกมา เขาสูญเสียลูกสาวไปแล้วคนหนึ่ง เขาไม่สามารถสูบเสียใครไปได้อีก
มีเพียงฉินชิงและสมาชิก 2-3 คนของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินที่อยู่ที่นี่ ซึ่งพวกเขาไม่ใช่คนแซ่ฉิน พวกเขาเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน
“เด็กอวดดีผู้ที่คิดว่าตัวเองสูงส่ง… เจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะหยุดข้าได้?”
ฉ่ายหยางรวบรวมคลื่นพลังไว้ที่มือทั้งสองข้าง มันหมุนวนไปอย่างช้าๆเบื้องหน้าเขา
ฉินชิงมองไปที่ฉ่ายหยางอย่างเย็นชา ด้วยกระบี่ เธอปลดปล่อยหงส์เพลิงสีฟ้าออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับพุ่งไปหาฉ่ายหยาง
ฟุ่บ ปัง!
อย่างไรก็ตามคลื่นฝ่ามือที่น่ากลัวปรากฏขึ้นฉับพลันและโจมตีใส่ฉินชิงกลางอากาศ ณ ตอนนี้เอง ฉ่ายหยางกรีดลงไปบนนิ้วเล็กน้อยและหยดแก่นแท้โลหิตลงไปในคลื่นพลัง
คลื่นพลังดูสดใสขึ้นราวกับเลือด ขณะที่มันหมุนวน ความมืดมิดและความหนาวเย็นก็แผ่ออกมาจากมัน แม้จะยังไม่ได้โจมตีออกไป มันก็เพียงพอที่จะทำให้คนผู้หนึ่งเกิดความสั่นไหวเพียงแค่มองดู
“วันนี้ ข้าจะทำให้เจ้ารู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของคลื่นฝ่ามือโลหิตจันทรา!”
ขณะที่ชายชราสบัดมือ คลื่นฝ่ามือก็พุ่งเข้าใส่ฉินชิงอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของฉินชิงเปลี่ยนไป เธอไม่คาดคิดว่าชายชราจะมีทักษะสังหารไร้ปรานีที่ทรงพลังเช่นนี้ เธอค่อยๆก้าวถอยหลัง ขณะเดียวกันคนกว่าสิบคนก็เข้ามาล้อมรอบและปิดเส้นทางหลบหนีเอาไว้
ฉินชิงขมวดคิ้ว เนื่องจากเธอถูกปิดทางหลบหนี เธอจึงตัดสินใจว่าทางเดียวที่จะแก้ปัญหาคือการปะทะกับมันตรงๆ คลื่นฝ่ามือจะติดตามจิตวิญญาณของเป้าหมาย ไม่ว่าจะหลบหนีไปทางใด เธอก็จะถูกตามตัว มันจะยิ่งเลวร้ายลงหากคิดที่จะหนี
ปัง!
ทันใดนั้นหุบเขาเล็กๆก็ปรากฏข้างหน้าคลื่นฝ่ามือ อย่างไรก็ตามมันถูกอัดกระเด็นออกทันทีด้วยคลื่นฝ่ามือและทำให้เกิดเสียงดังสนั่น
ฉินชิงหัวใจเต้นระรัวเมื่อเธอเห็นหุบเขาที่คุ้นเคย จากนั้นเธอก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า