Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1610 - บ้าน พลังธรรมชาติของชิงซุน พลังแห่งความมืดของชิงหมิน
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1610 - บ้าน พลังธรรมชาติของชิงซุน พลังแห่งความมืดของชิงหมิน
บทที่ 1610 – บ้าน พลังธรรมชาติของชิงซุน พลังแห่งความมืดของชิงหมิน
ชิงสุ่ยกลับมาที่บ้านในพริบตา ในยามเช้าเมื่อฉันชิงออกเดินทางมาพร้อมกับชิงสุ่ย พวกเขาได้เดินทางผ่านเมืองหลินห่ายและชิงสุ่ยก็สั่งให้วิหคเพลิงนรกานต์ของเขานั้นหยุด อุณหภูมิในบรรยากาศด้านบนนั้นค่อนข้างต่ํา แต่ทั้งสองสามารถรับมือกับมันได้อย่างง่ายดาย
พลังของฉันชิงกับกรรไกรวิหคเพลิงทองคําในตอนนี้นั้นแตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้ นางทรงพลังขึ้นมาก แม้ว่าหากหยินเทียนและภรรยาของเขาไม่อยู่ที่นี่เขาก็ยังสามารถให้ฉินชิงอยู่ที่นี่ เพื่อรอคอยเขากลับมาได้
“พอแล้วล่ะ ข้าจะกลับมา เจ้าจะได้ไม่ต้องลังเลที่จะเดินเคียงคู่กับข้า” ชิงสุ่ยกล่าวกับฉินชิงด้วยรอยยิ้ม
ฉินชิงไม่ได้ดีใจกับคําพูดของเขาอีกต่อไปและตอบกลับไปว่า “ข้าไม่ได้ห่วงว่าเจ้าจะไปที่ใด แต่ก็จงระวังตัวด้วย”
“เจ้าก็เช่นกัน หากไม่มีอะไรทําก็จงอยู่ที่หอคอยจักรพรรดิ ท่านลุงและท่านป้าเฟิงนั้นไม่ใช่คนธรรมดา และพวกท่านยังดูแลพวกเด็กๆเป็นอย่างดี สิ่งคําคัญที่สุดคืออย่าลืมเพิ่มพลังของตัวเจ้าเอง”
“อื้ม พวกท่านไม่ใช่คนะรรมดาจริงๆนั่นแหละ”
ฉินชิงกลับมาและเมื่อชิงสุ่ยเห็นร่างที่งดงามของนางจากไปเขาก็ใช้ธงสวรรค์ปัญจธาตุเพื่อไปปรากฏตัวข้างๆอีหวงคู่หวี่
เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีหวง คู่หวี่ก็รู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติภายในอากาศและชิงสุ่ยก็เลือกได้ที่จะป รากฏตัวให้ห่างจากนางเพราะเขาไม่ต้องการเข้าไปยังห้องอาบน้ําของนาง
เมื่ออี่หวง กู่หวู๋เห็นชิงสุ่ยยนางก็รู้สึกมีความสุขจนยิ้มออกมา แม้ว่านางอยากจะตรงเข้าไปกอดชิงสุ่ยในตอนนี้ แต่นางก็ยังทําไม่ได้นั่นก็เพราะในตอนนี้นางมีลูกชายเหยียนหลางและลูกสาวชิงจุ๋น
ชิงสุ่ยเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองคนนั้นก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เหยียนหลางนั้นเพิ่งเริ่มเดินและยังจําชิงสุ่ยไม่ได้แต่เขาก็ไม่ได้ดูหวาดกลัวเพียงมองด้วยความสงสัยเท่านั้น
ชิงจุนวิ่งเข้ามากอดชิงสุ่ยด้วยความยินดี นางยังเป็นเด็กน้อยเมื่ออี่หวง กู่หวู๋พานางกลับมาที่นี่ ตอนนั้นนางยังพูดไม่เป็นแต่นางก็ได้คุ้นเคยกับชิงสุ่ยแล้ว
อี่หวง กู่หวู๋อุ้มเหยียนหลางเอาไว้ขณะที่นางเดินเข้ามาหาชิงสุ่ย นางรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งในตอนนี้ ราวกับว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันชิงสุ่ยอุ้มชิงจีนเอาไว้ขณะที่เขาก้มลงไปเพื่อจับมือของเหยียนหลาง “เจ้าตัวเล็กเดินได้แล้วหรือในตอนนี้”
“เขาเริ่มเดินได้แล้ว เขายังคิดถึงเจ้าตลอดเวลา” อี่หวง กู่หวู๋กล่าวอย่างมีความสุข
“แล้วเจ้าล่ะคิดถึงข้าหรือไม่?” ชิงสุ่ยอุ้มเหยียนหลางขึ้นมา บางทีอาจเป็นเพราะสายเลือดในร่างกายทําให้เด็กน้อยไม่ปฏิเสธเขา
“ไม่มากนัก เพียงแต่เมื่อข้าไม่เห็นเจ้าหัวใจของข้านั้นก็ห่อเหี่ยว ข้ารอคอยวันที่เจ้ากลับมาเสมอ” อี่หวง กู่หวู๋กล่าวออกมาเบาๆ
ชิงสุ่ยรู้สึกอบอุ่นในหัวใจและขณะที่อุ้มเด็กน้อยทั้งสองคนนี้เขาก็เดินไปใกล้ๆ อี่หวง กู่หวู๋โอบรอบคอของเขาแต่นางก็ปล่อยอย่างรวดเร็วและยิ้มออกมา “ไปเถอะ บอกกล่าวกับทุกๆคนว่าเจ้ากลับมาแล้ว”
ชิงสุ่ยพยักหน้าและเดินออกไปพร้อมกับเด็กน้อยทั้งสองคนและอี่หวง กู่หวู๋ ตระกูลชิงได้ตั้งรกรากที่มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรําและสร้างครอบครัวขนาดใหญ่ที่นี่
ที่นี่ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งนัก ผู้หญิงของชิงสุ่ยจํานวนมากอาศัยอยู่ในตระกูลชิง ความรู้สึกที่คุ้นเคยเข้ามายังหัวใจของพวกนาง นี่เป็นเพราะหญิงสาวเหล่านี้คิดถึงเขาและเฝ้ารอให้เขากลับมาที่นี่โดยตลอด
ชิงจุ๋น ชิงหยิน ชิงหยุน ชิงอวี้” ชิงเหยี่ยน ชิงหลง… ทุกๆคนต่างก็เติบโตขึ้นมาก แม่ของพวกเขานั้นต่างก็เป็นหญิงสาวที่งดงามอย่างยิ่ง นอกจากนี้ทุกๆคนในตระกูลต่างก็ไม่ได้เกียจคร้าน พวกเขาตั้งใจฝึกฝนอยู่เสมอ
ชางห่าย หมิงเยวี่ย ห่าวหยุน ลิ่วลี่ หยุน ต้วน ติ๊ชิง ห่าย ต่งชิง หมิงเยวี่ย เก้อโหลว จรู้ชิง เหวินเหรินอูซวง มู่ชิง… ต่างก็อยู่ที่นี่รวมไปถึงหยวนสู่ก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
ท่านแม่ ท่านปู่ ท่านลุงและท่านป้า น้องชายที่แข็งแกร่งทั้งสองคนของเขาก็อยู่ที่นี่
ชิงเป่ย ชิงจือ ชิงหุย ชิงหยู ชิงชิง ชิงซูและกั่วโผหลูรวมถึงบุตรชายที่รักของพวกเขาก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
หลวนหลวนและอวี๊ช่างนั้นได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วและอยู่ในวัยเดียวกันกับชิงชู ชิงเป่ยและชิงหยู พวกนางต่างก็เป็นรุ่นที่ 4 ของตระกูลชิงที่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ชิงหยุนลูกของหยุนต้วน ลูกของติ๊ชิง ลูกของเหวินเหรินอูซวง และลูกของอี่หวง กู่หวู๋ต่างก็อยู่ที่ตระกูลชิง แม้แต่ชิงอี้เองก็ไม่คิดว่าลูกชายของนางจะมอบหลานๆให้แก่นางมากมายเช่นนี้ เด็กๆพวกนี้ต่างก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับนางทําให้นางมีความสุขจนพูดไม่ออก
อวี้เหอ องค์หญิงจาง ติ๊เฉิน ต่างก็มีเรื่องที่พวกนางต้องดูแล แม้ว่าพวกนางจะอยู่ที่อื่นภายในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรําแต่ก็ยังใกล้ชิดสนิทสนมกับคนอื่นๆ และใช้เวลาเดินทางมาที่นี่ไม่มากนัก
หยวนสู่นั้นคอยดูแลหอคอยจักรพรรดิแห่งมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรํา ชางห่าย หมิงเยวี่ย ห่าวหยุน ลิ่วลี่และหมิงเยวี่ย เก้อโหลวต่างก็สร้างธุรกิจของตัวเองขึ้นมา ปกติแล้วจะมีห่าวหยุน ลิ่วลี่ หยุนต้วนและจรู้ชิงที่คอยดูแลด้วยเช่นกัน ชางห่าย หมิงเยวี่ยและหมิงเยวี่ย เก้อโหลวต่างก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ของนางไปกับการฝึกฝน
– – –
ห่าวหยุน ลิ่วลี่และคนอื่นๆต่างรู้สึกได้ว่าพลังของพวกนางนั้นมาถึงทางตันแล้วจึงไม่ได้ฝึกฝนใดๆ ยากยิ่งนักที่พวกนายจะสามารถยกระดับพลังของตัวเองไปได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกนางตัดสินใจสร้างธุรกิจของตนเองขึ้นเพื่อหาอะไรทําในยามว่าง ชางห่าย หมิงเยวียและคนที่เหลือต่างก็รับผิดชอบในการปกป้องสินค้า
เยียนจงเยว่งั้นก็อยู่ที่นี่แต่หญิงสาวของเขาจากมหาทวีปมังกรอหังกาลนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ ทุกๆคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลชิงเยียนจงเยว่นั้นเป็นกษัตริย์ของจักรวรรดิเยียนดังนั้นเขาจึงทําอะไรมากไม่ได้ เยียนจงเยว่จะมาพักอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลาสั้นๆอยู่บ่อยครั้งรวมถึงลูกทั้ง 3 คนของเขาด้วยเช่นกัน
เมื่อเยียนจงเยว่ได้เห็นลูกชายของเขามีพลังขึ้นมากเขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง เมื่อก่อนนั้นเป็นพ่อแม่ที่ต้องคอยสั่งสอนลูกแต่ในตอนนี้กับเป็นลูกที่ต้องคอยสั่งสอนและดูแลพ่อแม่ ตระกูลชิงนั้นโอบอ้อมอารีอย่างยิ่ง แม้ว่าพลังของชิงอี้และชิงหลัวจะไม่ได้มากนัก แต่คนอื่นๆก็ยังคงเรียกพวกเขาว่า “นายท่าน” และ “นายหญิง
ชิงสุ่ยและชิงอี้โอบกอดกันและพูดคุยกันเล็กน้อย “ท่านแม่ บนโลกนี้ท่านงดงามมากที่สุด”
“เด็กน้อย เจ้าจากไปเป็นเวลานานเมื่อกลับมาก็กล่าวคําอ่อนหวานเช่นนี้ นี่เจ้าคิดว่าข้าแก่ชราจนต้องการการเอาใจงั้นหรือ?” สีหน้าของชิงอี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่ดูมีความสุขมากยิ่งขึ้น
“ไม่มีทาง ข้าจะไม่กล่าวคําโกหกเช่นนั้น”
ชิงสุ่ยพูดคุยเล็กน้อยกับท่านปู่และท่านพ่อของเขา แน่นอนว่าพวกญาติพี่น้องที่เหลือของเขาก็ อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ตอนนี้ครอบครัวของเขาใช้เวลาไปกับการพูดคุยกัน
อากาศอบอุ่นของที่นี่นั้นดียิ่งกว่าความหนาวเย็นของเมืองหลินห่าย ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น มันไม่ใช่เพราะอากาศที่อบอุ่นแต่เป็นเพราะหัวใจที่อบอุ่นของเขา
มีเพียงอี่หวง กู่หวู๋ที่รู้ว่าชิงสุ่ยใช้วิธีการใดกลับมาที่นี่ แม้ว่าคนอื่นๆจะรู้จักธงสวรรค์ปัญจธาตุ แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าชิงสุ่ยนั้นสามารถเคลื่อนย้ายไปหาอี่หวง กู่หวู๋ได้
“เหตุใดเจ้าจึงกลับมากระทันหันเช่นนี้?” ชิงอี้ดึงชิงสุ่ยเข้าไปที่ห้องรับแขก ห้องนี้มีพื้นที่มากมายเพื่อจะสามารถพูดคุยกันได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
“ข้าเพียงแต่คิดถึงพวกท่าน ดังนั้นข้าจึงกลับมาทันทีเมื่อมีโอกาส”
เมื่อเห็นลูกๆของเขาเติบโตขึ้นแต่พลังในร่างกายนั้นกลับไม่สมวัย ชิงสุ่ยก็รู้สึกเจ็บปวดใจแต่ก็ไม่มากนัก ลูกๆของเขายังเติบโตได้อีกมาก นี่เป็นครอบครัวที่เขาสร้างขึ้นด้วยตัวเอง ความอยู่รอดของตระกูลชิงก็เป็นเพราะการปกป้องของเขาด้วยเช่นกัน
ชิงอี้ถอนหายใจออกมาเบาๆและตอบกลับมาว่า “พวกเราคิดถึงเจ้าอยู่เสมอ เมื่อเจ้าออกไปข้างนอกทุกๆคนนั้นก็ต่างเป็นห่วงเจ้า”
ชิงอี้รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจของชิงสุ่ยและหญิงสาวของชิงสุ่ยต่างก็รับรู้ได้เช่นกัน ห่าวหยุน ลิ่วลี่ ชางห่าย หมิงเยวี่ยและชิงสุ่ยต่างก็เคยผ่านความเป็นความตายด้วยกันมานับครั้งไม่ถ้วนและหมิงเยวี่ย เก้อโหลวก็สามารถรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของเขาได้เช่นกัน
“ท่านพ่อ ชิงหมินกําลังก่อปัญหาอีกครั้งแล้ว”
ชิงอวี้ปินขึ้นมาบนแขนของชิงสุ่ย ตั้งแต่เด็กชิงอนั้นเอาแต่ใจอยู่เสมอ เมื่อใดก็ตามที่ชิงสุ่ยกลับมาที่นี่นางจะแสดงความเป็นเจ้าของอ้อมแขนของเขาเสมอ
“โอ้ เขาสร้างปัญหาอะไรอีกในตอนนี้?” ชิงสุ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะเข้ามาที่นี่เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังของลูกๆตนเอง ชิงหมินนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง นอกจากนี้พลังแห่งความมืดภายในร่างกายของเขาก็เริ่มตื่นขึ้นมาแล้ว
นี่ทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกกังวลเล็กน้อยแต่เขาก็ยังไม่ได้ตรวจสอบปัญหานี้อย่างชัดเจน ชิงจุ๋นงั้นก็ไม่ได้อ่อนแอ ลูกชายคนโตของเขาไม่เพียงแต่ฉลาดหลักแหลมเท่านั้นแต่เขายังมีพลังธรรมชาติแบบเดียวกันกับชิงสุ่ย แม้ว่ามันจะไม่ได้ทรงพลังเท่าพลังแห่งความมืดชิงหมินของ แต่ในอนาคตแล้วมันต้องน่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน
“เขาหมายตาหญิงสาวของตระกูลอาชาขาว แต่ลูกชายของตระกูลน่าหลานก็หมายตานางเอาไว้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงต่อสู้กับลูกชายของตระกูลน่าหลาน” ชิงอวี่กล่าวขึ้นทันที
ชิงสุ่ยคิดเรื่องนี้เล็กน้อย “สาวน้อย ตระกูลน่าหลานนั้นทรงพลังหรือไม่? แล้วผู้ใดหมายตาหญิงสาวผู้นั้นก่อน?”
“ชิงหมินหมายตานางเป็นคนแรก แต่หญิงสาวของตระกูลอาชาขาวนั้นได้หมั้นหมายเอาไว้ กับใครบางคนของตระกูลน่าหลาน แต่คนแรกที่เข้าหานางนั่นก็คือลูกชายของตระกูลน่าหลาน, ชิงอวี่กล่าว
“ที่เจ้าผู้นั้นหมายความว่าหญิงสาวของตระกูลอาชาขาวนั้นยังไม่ถูกมั่นหมายเอาไว้ และพวกเขาทั้งสองคนก็ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงนางนั้นหรือ” ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา แม้แต่หมิงเยวี่ย เก้อโหลวแม่ของชิงหมินก็ยังไม่รู้เรื่องนี้
“ชิงสุ่ย พวกเด็กๆก็ไม่ได้ตั้งใจทําเช่นนี้หรอก เขาแค่ทําตามใจตนเองต้องการเท่านั้น” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวกล่าวขึ้นทันที
“ท่านแม่ ข้าเชื่อฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านพูด ท่านย่าก็อนุญาตแล้วเช่นกัน” ชิงหมินกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้เหมือนกับเขา เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เก้อโหลว ไม่จําเป็นต้องกังวลไป การที่เด็กๆมีอิสระนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เขายังไม่ได้ทําอะไรผิดร้ายแรง ตราบใดที่เขายังเคารพและเชื่อฟัง รวมไปถึงดูแลครอบครัวได้เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร”
ชิงสุ่ยกล่าวเช่นนี้เพราะเขารู้ว่าชิงหมินตั้งใจทําอะไร บางครั้งแม่ของเขานั้นก็มักจะเข้มงวดมากเกินไป เขาอาจจะยอมเชื่อฟังคําสั่งแต่ในใจนั้นต่อต้าน นี่เป็นเรื่องปกติของเด็กๆ
ชิงอวี้นั้นก็ชอบทะเลาะกับเขาอยู่เสมอแต่ถ้าหากชิงอวี่เจอปัญหาอะไร ชิงหมินก็ย่อมปกป้องนางด้วยความสามารถทั้งหมดของเขา
เมื่อชิงหมินได้ยินคําพูดของชิงสุ่ย เขาก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “ข้าบอกแล้วว่าท่านพ่อนั้นเข้าใจข้ามากที่สุด ข้าโตแล้วข้าเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง หากท่านแม่เอาแต่สั่งสอนข้าทุกอย่างเช่นนั้น ข้าก็คงเป็นเหมือนคนโง่ที่ไม่มีจิตวิญญาณในร่างกาย”
“แม่ไม่เคยสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆของเจ้า เจ้ากําลังต่อสู้กับตระกูลๆหนึ่งเพื่อความรักที่มีต่อหญิงสาวคนหนึ่งนั้นหรือ? เจ้าชื่นชอบหญิงสาวของตระกูลอาชาขาวจริงๆหรือ? แล้วต้องการให้พวกเราช่วยหรือไม่?” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวยังถามต่อไปเรื่อยๆ
“ลูกชายของตระกูลน่าหลานผู้นั้นพึ่งพาแต่ความแข็งแกร่งของตระกูลและเขานินทาลับหลัง ข้าพูดให้ร้ายต่อตระกูลชิง ใส่ร้ายป้ายสีพวกเรา หากข้าไม่สั่งสอนมันก็บ้างข้าก็คงจะไม่มีความสุข” ชิงหมินกล่าวออกมา