Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1658 - พลังปราณอมตะ เผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์พินาศ
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1658 - พลังปราณอมตะ เผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์พินาศ
บทที่ 1658 – พลังปราณอมตะ เผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์พินาศ
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธอพบว่าอีเย่เจี้ยนเก้อนั้นงดงามและน่าหลงใหลมาก เธอสัมผัสได้ถึงจังหวะการเคลื่อนไหวของชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้ออย่างชัดเจนเมื่อพวกเขารวมเข้ากัน เป็นหนึ่งเดียว
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะมีอารมณ์ความรู้สึก ในตอนนี้ม่หยุนชิงเฉิงไม่แน่ใจว่า อารมณ์ของเธอถูกจุดประกายขึ้นจากฉากที่ได้เห็นหรือไม่ เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มหยุดต่อ ต้านมัน
ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อสนุกไปกับการร่วมรักกันเกือบทั้งคืน พวกเขาสองคนรื่นรมย์อยู่กับสิ่งที่ทํา ดูเหมือนพวกเขาจะลืมไปว่ามีคนอื่นอยู่ใกล้ๆ มู่หยุนชิงเฉิงมองเห็นทุกการกระทําที่พวกเขามีความสุขร่วมกัน
ท้ายที่สุดทั้งสองก็สงบลง ชิงสุ่ยรู้สึกถึงมู่หยุนซึ่งเฉิง เขาสามารถสัมผัสดินแดนพลังเทวะแห่งเต๋าได้จางๆและแสดงสีหน้าแปลกๆออกมา
“ มีอะไรผิดปกติขั้นหรือ?” อีเย่เจี้ยนเก้อถามเบาๆ
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่นึกถึงเรื่องพระราชวังมังกร” โดยทั่วไป ชิงสุ่ยไม่มีทางสารภาพกับเธอ เพราะมันจะทําให้อีเย่เจี้ยนเก้อรู้สึกละอายใจจนไม่กล้าสู้หน้าใคร เธอจะรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าม่หยุนชิงเฉิง ในอนาคตคงเป็นไปได้ยากที่เธอจะร่วมรักกับเขา ที่สําคัญกว่านั้น เขากลัวว่าอีเย่เจี้ยนเก้อจะมีปมในใจ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องควรถูกเก็บเป็นความลับ บุคคลภายนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีส่วนรู้เห็น มันคงจะดีกว่านี้ หากพวกเธอเป็นผู้หญิงของชิงสุ่ย
ในวันถัดมา เมื่อทั้งสามคนได้มาอยู่พร้อมหน้ากัน สถานการณ์ก็ดูจะอึดอัดไม่น้อย อย่างไรก็ตามอีเย่เจี้ยนเก้อมั่นใจว่ามู่หยุนชิงเฉิงรู้ว่าเธอท่าอะไรกับชิงสุ่ยในห้อง จากมุมมองของเธอ เธอคิดเพียงว่ามู่หยุนชิงเฉิงอาจได้ยินเสียงบางอย่างที่ทําให้รู้ว่าพวกเขาทําอะไรกัน เธอไม่รู้ว่าจริงๆแล้วอีกฝ่ายเห็นทุกสิ่งที่พวกเขากําลังทําอยู่
ในทํานองเดียวกัน ชิงสุ่ยก็รู้สึกอึดอัดใจเช่นกัน ในตอนแรก เพราะการที่เธอต้องได้รับการรักษาจากเขา เขาจึงเป็นคนที่ได้รับประโยชน์จากเธอ แต่ตอนนี้ ไม่ใช่แค่เขาและผู้หญิงของเขาที่เห็นเธอเปลือยกาย เธอได้เห็นพวกเขาในระหว่างการมีสัมพันธ์กันแล้ว
ทุกคนก็ทําตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากที่พวกเขากินข้าวแล้ว มู่หยุนชิงเฉิงก็อ้างว่าต้องการปรับสมดุลพลังและแยกตัวออกไป ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อเองก็ไม่ได้สนใจที่จะโน้มน้าวให้เธอยู่
“มันเป็นความผิดของเจ้า! เจ้าคิดเพียงแต่การร่วมรัก” อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวด้วยน้ําเสียงไม่พอใจ
“อืม ข้าคิดว่าข้าได้ยินใครบางคนบอกว่านางผสานกายเข้ากับข้าจนแทบขยับตัวไม่ไหว ชิงสุ่ยหัวเราะเบาๆ
“ไปตายซะ!” อีเย่เจี้ยนเก้อเขินอายขณะที่เธอเขกลงไปที่ของชิงสุ่ยศีรษะ
“เจี้ยนเก้อ บอกข้ามาเถอะ เจ้าอยากได้ลูกชายหรือลูกสาว?” ชิงสุ่ยถามด้วยน้ําเสียงหยอกล้อ
“ข้าไม่เคยบอกว่าจะมีลูกให้เจ้า” อีเย่เจี้ยนเก้อรู้สึกอายและตอบกลับ
“แต่ข้าได้หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ในตัวเจ้าแล้ว”
ชิงสุ่ยถูกเขกไปที่ศีรษะอีกครั้ง “…เจ้าสนใจด้วยหรือว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย?”
“ไม่ ข้าแค่ต้องการรู้ว่าเจ้าชอบเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ข้าชอบทั้งคู่เลย”
“ ถ้าอย่างนั้น ทําไมเจ้าไม่ให้กําเนิดลูกฝาแฝดหล่ะ?”
เพียงพริบตาก็ผ่านไปแล้ว 3 วัน ช่วงไม่วันที่ผ่านมา ชิงสุ่ยได้ไปเยือนพระราชวังสุริยา 23 ครั้ง หลังจากตระหนักว่าทุกอย่างปกติ เขาก็กลับมาที่พระราชวังทะเลราชันย์ มู่หยุ่นชิงเฉิงออกไปนอกพระราชวังทะเลราชันย์เป็นครั้งคราว เธอปล่อยให้ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้ออยู่ด้วยกัน
แน่นอนว่าอีเย่เจี้ยนเก้อรู้ว่ามู่หยุนชิงเฉิงหาข้ออ้างเมื่อเธอบอกว่ามีสิ่งที่ต้องไปทําและจะกลับมา พวกเธอใกล้ชิดกันราวกับพี่น้องร่วมสายเลือด
อีเย่เจี้ยนเก้อนั้นไม่สามารถปลุกพลังสายเลือดขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยสังเกตเห็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่กว่าสายเลือดที่ม่หยุนชิงเฉิงสืบทอดมาในร่างกายของเธอพลังปราณอมตะ!
ในอดีต ชิงสุ่ยสัมผัสได้ถึงพลังงานลึกลับภายในร่างกายของเธอเสมอ นี่เป็นสาเหตุที่ทําให้เธอสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ตั้งแต่ยังเยาว์ ตอนนี้เธอแข็งแกร่งมากขึ้น ในที่สุดชิงสุ่ยก็สามารถยืนยันได้ว่ามันเป็นพลังปราณอมตะ
ทั่วทั้งทวีปมีผู้คนมากหน้าหลายตา ทุกวันผู้คนต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ผิดปกตินับครั้งไม่ ถ้วน มันเป็นเหตุผลว่าทําไมโลกแห่งศิลปะการต่อสู้จึงมีสีสัน บางครั้งอัจฉริยะก็จะปรากฏตัว ออกมาให้เห็นเป็นครั้งคราว
ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ชิงสุ่ยลังเลว่าจะปลุกพลังเธอนี้ให้หรือไม่ ความแข็งแกร่งของมันเทียบได้กับพลังสายเลือดของมู่หยุนชิงเฉิง
ชิงสุ่ยคิดถึงคทาวชิระ เขาคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาใดหากเขาใช้เข็มเบญจธาตุศักดิ์สิทธิ์ เข็มทองค่าฟื้นฟูร่างกาย และเข็มแห่งชีวิตและความตายพร้อมกัน แม้จะคิดเช่นนั้น เขาก็ยังคงลังเลอยู่
เขาลังเลอยู่ถึง 3 วัน เขาไม่ได้บอกมันกับอีเย่เจี้ยนเก้อ แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้พูดอะไร เลย แต่อีเย่เจี้ยนเก้อสามารถบอกได้ว่าเขามีบางอย่างในใจ เธอไปถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ชิงสุ่ยไม่ได้ตั้งใจปิดบังมันกับเธอ เขาสารภาพทุกอย่าง เย่เจี้ยนเก้อได้ทราบว่ามีโอกาส 80% ที่จะประสบความสําเร็จ เธอยิ้มและถาม “เจ้าต้องการให้ข้าลองดูไหม?”
“แน่นอน! เพียงแค่ข้าไม่ต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้า ตราบใดที่ข้าไม่แน่ใจ 100% ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเสี่ยง ฯ
อีเย่เจี้ยนเก้อรู้สึกอบอุ่นในใจ เธอยิ้ม” ไม่มีอะไรในที่โลก 100% แม้ว่าเจ้าจะมีความมั่นใจอย่างมาก บางครั้งอุบัติเหตุก็อาจเกิดขึ้นได้ อัตราความสําเร็จ 80% ถือว่าสูงมากแล้ว ในความเป็นจริงเมื่อสิ่งหนึ่งมีโอกาสสําเร็จสูงกว่า 50% ข้าเชื่อว่ามันถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การลอง
ชิงสุ่ยอาจไม่สามารถรับรองความสําเร็จกับเธอได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถมั่นใจในความปลอดภัยของเธอ มันเป็นเพียงแค่ว่าเมื่อเธอล้มเหลว เธออาจไม่สามารถสัมผัสถึงพลังนี้ได้อีก นี่ก็เป็นเหตุผลที่ชิงสุ่ยลังเลว่าเขาควรจะทําเช่นไร
เนื่องจากมีหลายสิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ชิงสุ่ยจึงกระตือรือร้นที่จะทําให้เธอแข็งแกร่งขึ้น ด้วยวิธีนี้ การผสานพลังระหว่างเธอกับมู่หยุนชิงเฉิงจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประเมินได้อย่างแน่นอน
ชิงสุ่ยยังคงตั้งตารอดินแดนหยกยุพราชอมตะขั้นที่เก้า เขาไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งที่จะได้รับจากมัน เขาหวังว่ารูปแบบมังกรแห่งเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูรจะเผยออกมาให้เขาได้ฝึกฝนมัน
ในท้ายที่สุด ชิงสุ่ยก็เลิกคิดและลองดู เขาวางแผนเป็นอย่างดีเพื่อให้มันสําเร็จ นอกจากนี้ การทํามันทีหลังก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เนื่องจากเขาแข็งแกร่งกว่าเธอมากอยู่แล้ว การที่ระยะห่างของพลังเพิ่มขึ้นไม่ใช่ทําให้สถานการณ์เปลี่ยนไป
หากเธอประสบความสําเร็จในครั้งนี้ เธอจะเป็นผู้ฝึกตนอีกคนที่อยู่ในระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่หญิงสาวของเขา ตระกูลชิงจะยินดีกับการมีผู้ฝึกตนระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นอีกคน นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี ในอนาคต พวกเขาจะปกครองบริเวณโดยรอบได้อย่างแท้จริง
คราวนี้ชิงสุ่ยลงมือทําอย่างช้าๆ นั่นเพราะเขาต้องการมั่นใจ โอกาสประสบความสําเร็จ 80% ถือว่าสูงมาก ด้วยความสามารถในการควบคุมลมปราณของชิงสุ่ยที่ไม่เหมือนใคร สิ่งต่างๆดูเหมือนจะเป็นไปได้ เขาเคยทําสําเร็จแม้ว่าอัตราความสําเร็จจะมีแค่ 10-20% มาแล้ว
ทุกอย่างดําเนินไปอย่างราบรื่นตั้งแต่เริ่ม มันทําให้ชิงสุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายของอีเย่เจี้ยนเก้อก็เริ่มก่อรูปแก่นแท้แห่งพลังปราณอมตะ พลังที่สะสมอยู่รอบตัวมันมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ
ณ จุดนี้ ชิงสุ่ยสามารถยืนยันได้ว่าอีเย่เจี้ยนเก้อต้องได้รับการสืบทอดพลังปราณอมตะมา การสืบทอดลักษณะนี้ค่อนข้างคลุมเครือ แม้แต่อีเย่เจี้ยนเก้อก็ยังไม่รู้ตัว
ชิงสุ่ยรู้สึกประหม่ามาก เพราะตอนนี้เขากําลังจุดประกายพลังปราณอมตะและหลอมรวม มันเข้ากับพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายเธอ
อึ้ง!
นี่สิ่งที่มีเพียงชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อเท่านั้นที่จะรู้สึก พลังปราณอมตะได้ระเบิดพลังออกมา พลังงานอันน่าเกรงขามและยอดเยี่ยมของมันแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเธออย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยรีบฝังเข็มลงไปบนร่างกายของเธอ
ขณะนี้อีเย่เจี้ยนเก้อไม่สามารถมองเห็นและไม่ได้ยินอะไรจากโลกภายนอก มันเหมือนกับว่าเธอตัดขาดจากภายนอกโดยสิ้นเชิง สิ่งเดียวที่เธอรู้คือร่างกายของเธอรู้สึกราวกับกําลังจะระเบิด เธอกัดฟันและควบคุมพลัง นี่คือสิ่งที่ชิงสุ่ยบอกให้เธอทําก่อนหน้านี้
มือของชิงสุ่ยขยับไปมาอย่างว่องไว เข็มถูกฝังไปทั่วร่างของอีเย่เจี้ยนเก้อแล้ว จากนั้น เขาก็ดึงมันออกมาและเปลี่ยนตาแหน่งการฝังเข็มไปเรื่อยๆ ดวงตาของเขาจดจ้องจนดูเหมือนกับไม่ได้กระพริบเลยแม้แต่ครั้งเดียว มือของเขาหนักแน่นและมั่นคง
ทันใดนั้นร่างกายของอีเย่เจี้ยนเก้อก็เปียกชุ่มไปด้วยหยดเลือด มันดูสดและงดงาม ชิงสุ่ยไม่กล้าที่จะประมาท เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
ผ่านไป 2 ชั่วโมง อีเย่เจี้ยนเก้อกลายเป็นหญิงสาวผู้งดงามที่อาบไปด้วยเลือด ชิงสุ่ยรู้สึกเจ็บปวด โชคดีที่เธอสามารถผ่านพ้นมาได้อย่างเฉียดฉิว ลมปราณในร่างกายของเธอค่อยๆเบาลง เมื่อลมปราณในร่างกายของเธอคงที่ ชิงสุ่ยอุ้มเธอขึ้นมาและรีบนําออกไปจากห้อง
ทัณฑ์สวรรค์พินาศกําลังจะมาถึง
ขณะที่มองดูอีเย่เจี้ยนเก้อซึ่งกําลังอ่อนแรง ชิงสุ่ยรู้สึกเป็นห่วงเธอมาก “ฟังข้า เจ้าเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมและมั่นคง อดทนจนกว่ามันจะผ่านไป ข้าจะคอยอยู่ข้างเจ้าในคืนนี้”
อีเย่เจี้ยนเก้อเหนื่อยมาก มีร่องรอยของเลือดปรากฏอยู่ทั่วใบหน้า มันทําให้เธอมีเสน่ห์จนน่าหลงใหล มันเป็นความงามที่น่าพึ่งซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคําพูด ขณะที่เธอมองไปที่เลือดของตัวเองที่เปื้อนชิงสุ่ย เธอยิ้ม “ถ้าข้าผ่านมันไปได้จริงๆเจ้าต้องยอมโดนข้าลงโทษคืน
นี่เป็นครั้งแรกที่อีเย่เจี้ยนเก้อหยอกล้อแบบนี้กับชิงสุ่ย เหตุผลก็คือเธอรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสําหรับเธอที่จะผ่านมันไป
“ ถ้าเจ้าไม่สามารถผ่านมันไปได้ ข้าจะเผชิญหน้ากับมันพร้อมเจ้า” ชิงสุ่ยยิ้มและจูบเธอ
อีเย่เจี้ยนเก้อกลัวมาก เธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าชิงสุ่ยเข้าร่วมด้วย ทัณฑ์สวรรค์พินาศจะทวีความรุนแรงขึ้น เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากมันจะอิงจากความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยเป็นหลัก
“ข้าจะผ่านมันไป ข้าสัญญา! อย่าเข้ามากับข้า” ร่างกายของอีเย่เจี้ยนเก้อเปล่งประกาย
นี่เป็นสิ่งที่ชิงสุ่ยต้องการ อิเย่เจี้ยนเก้อรู้ถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเธอต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อผ่านมันไป เธอรู้ว่าถ้าเธอไม่สามารถทําได้ด้วยตัวเอง ชิงสุ่ยจะเข้าร่วมเพื่อช่วยเธอแน่นอน เธอจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
ประตูแห่งทัณฑ์สวรรค์พินาศเปิดออก เห็นได้ชัดว่าเธอมีพลังมากกว่ามู่หยุนซึ่งเฉิง มู่หยุนชิงเฉิงปรากฏตัวขึ้นข้างชิงสุ่ย พวกเขายืนอยู่ไม่ไกลจากอีเย่เจี้ยนเก้อ พวกเขาเฝ้าดูเธอต่อสู้กับทัณฑ์สวรรค์พินาศ
ม่หยุนชิงเฉิงรู้สึกกังวลมาก เธอรู้ถึงสถานการณ์ที่อีเย่เจี้ยนเก้อต้องเผชิญ ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้สึกประหลาดใจกับความสามารถของผู้ชายคนนี้ เขาสามารถช่วยกระตุ้นพลังในร่างกายของพวกเธอได้ โดยปกติแล้ว เส้นทางจากปราณบัญชาสวรรค์พินาจสู่ปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 100 ปีเพื่อให้บรรลุ และสิ่งนี้หมายถึงสําหรับผู้ที่เป็นอัจฉริยะ แน่นอนว่าบางครั้งมันก็มีข้อยกเว้น ทุกสิ่งล้วนมีข้อยกเว้น ปรากฏการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเธอในขณะนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้