Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1694 - คอขวด
บทที่1694 – คอขวด
ในเวลานี้เขายังห่างไกลอย่างมากในการที่จะได้รับมันชิงสุ่ยได้แต่ถอนหายใจออกมา และทำการฝึกฝนต่อไป
หลังจากที่เขาออกมาท้องฟ้าก็ส่องสว่างออกมาบ้างแล้วในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ตัดสินใจเดินไปหาเจี้ยนเก้อเพื่อดูว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อไปในตอนนี้เขายังเห็นว่าเธอยังหลับอยู่จะไม่ต้องการรบกวนเธอในเวลานี้
ในตอนนี้เขาได้นั่งลงที่เก้าอี้เพื่อรอตื่นขึ้นมาในตอนนี้ท้องของเธอใหญ่ขึ้นอย่างมาก จนอยู่ในจุดที่เห็นได้ชัดแล้ว
หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาชิงสุ่ยได้จูงมือของเธอและเดินไปรอบๆสวนเล็กๆ
“มีอะรึป่าว? ไหนลองบอกข้าสิว่าเจ้าเป็นอะไร มีอะไรที่ข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าได้รึไม่” เธอถามอกมาเมื่อเห็นท่าทางที่แปลกไปของชิงสุ่ย
แม้ว่าชิงสุ่ยพยายามจะแอบซ่อนมันตาเธอก็สามารถสังเกตเห็นมันได้ เนื่องจากเธอนั้นใกล้ชิดกับเขาอย่างมากจึงทำให้เธอสามารถสัมผัสได้ทันทีเมื่อเขามีอาการแปลกออกไป
“ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ตอนนี้ข้านั้นรู้สึกสับสนอย่างมากเท่านั้น เป็นเวลานานแล้วที่ความแข็งแกร่งของข้าไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย” ชิงสุ่ยยิ้มออกมาแบบฝืนๆ
“เจ้ายังเด็กเกินไป ถึงแม้เจ้าจะประสบการณ์มากมายก็ตาม แต่ด้วยอายุของเจ้าและความสามารถของเจ้ามันก็อัศจรรย์แล้วที่เจ้าก้าวมาถึงจุดๆนี้ได้ “เธอกล่าวออกมาหลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง novel-lucky
ชิงสุ่ยได้แต่ยิ้มออกมา“ดูเหมือนเจ้าจะกำลังปลอบใจข้าอยู่สินะ”
“จริงเหรอ?” เธอกระพริบตาของเธอในเวลานี้ ชิงสุ่ยจูบลงไปที่หน้าผากของเธอและกล่าวว่า“จริง ๆ แล้วข้าก็รู้สึกอย่างนั้น หากวันใดวันหนึ่งข้าอ่อนแอลง ข้ากลัวเหลือเกินว่าผู้หญิงที่ข้ารักจะจากข้าไปรวมถึงเจ้า เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทุกๆครั้งหัวใจของข้าก็ไม่เคยสงบลงเลย…”
ในเวลานี้เธอได้จับมือของชิงสุ่ยเอาไว้“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่เจ้าไม่มั่นใจในตัวเองเช่นนี้? เจ้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เจ้าเป็นอะไร”
“อาจเป็นเพราะข้าอ่อนแอลง และกลัวว่าจะสูญเสียทุกๆอย่างไปละมั้ง”
“เจ้ารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแออย่างนั้นรึ? ทำไมข้าถึงไม่รู้สึกอย่างนั้น” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
“แม้ว่าข้าจะดูกล้าหาญแต่จริงๆแล้วข้าเป็นคนอ่อนแอ”
หลังจากคุยกับเจี้ยนเก้อได้พักใหญ่ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าอาการของเขาดีขึ้นอย่างมากในตอนนี้ เขารู้สึกผ่อนคลายเสมอเมื่ออยู่ใกล้ๆเธอ นั้นเพราะเธอนั้นเป็นคนสำคัญอย่างมากในชีวิตของเขา ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ เป็นเพื่อน และเป็นคนรักของเขา
“นี่เจ้าดูนี่สิ ลูกของเรากำลังเตะข้าในตอนนี้” เธอกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข
“เขากล้าที่จะเตะผู้หญิงของข้าอย่างนั้นรึ? ให้ข้าจะลงโทษเขาเมื่อเขาออกมา “ชิงสุ่ยกล่าวและกอดเธอในตอนนี้
“เจ้ากล้า!” เธอหัวเราะขณะที่เธอพูด
ในตอนนี้เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง เพราะชิงสุ่ยมันจึงทำให้เธอมีทุกๆวันนี้ เพราะเขามันทำให้เธอได้รู้จักกับคำว่ารักอีกครั้ง
“แล้วตกลงเรื่องของพระราชวังหมาป่ามังกร จะเป็นอย่างไรหลังจากนี้ ปรมาจารย์ที่หนึ่งจะทำยังไงต่อไป?”
“ข้าคิดว่านางคงจะเริ่มเคลื่อนไหวในเร็ววัน นางคงจะรีบจัดการกับปรมาจารย์ที่สองในเวลาใกล้ๆอย่างแน่นอน “ชิงสุ่ยมองเห็นทุกๆอย่างได้ชัดเจนผ่านปลาวิญญาณที่เขาให้ชิงห่านอี่ไปในแรก
แม้ชิงสุ่ยจะบอกว่าเขานั้นรู้จักกับเธอมาก่อนและบอกว่าเธอนั้นเป็นคนที่มาจากทวีปเมฆามรกตเหมือนกัน แต่เจี้ยนเก้อกับรู้สึกว่ามีอะไรมากกว่าสิ่งที่เขาเล่าเอาไว้ในตอนนี้ เพียงแค่เธอไม่ได้ถามออกมาเท่านั้น
บางครั้งความลับก็คือความลับ มันจะดีกว่าถ้าเราไม่ไปรู้เรื่องเหล่านั้นเขา บางครั้งคนเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องราวทั้งหมดในโลกใบนี้ก็ได้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยเองก็สัมผัสได้ว่าเธอสามารถจับพิรุธเขาได้มันทำให้เขาเสียใจ “ ตอนนี้ข้าไม่ค่อยสบายใจเลย เรามาทำกันสักหน่อยจะได้มั้ย”
“ไอ้เจ้าเหม็นสาบ หยุดเลย ในหัวของเจ้ามีแต่เรื่องเช่นนี้สินะ” เธอรู้ดีว่าชิงสุ่ยต้องการจะพูดอะไร เป็นอีกครั้งที่เขายิ้มออกมา
“เจ้าคิดว่าปรมาจารย์ที่หนึ่งจะชนะหรือไม่?”
“จากที่ข้าดูๆแล้วนางจะชนะ”
”ทำไม?”
“เพราะนางเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง” จริงๆแล้วเหตุผลที่ชิงสุ่ยไม่ได้ยุงเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเชื่อใจในตัวของชิงห่านอี่ อีกอย่างหนึ่งเขานั้นก็ไม่มีสิทธิอะที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา เขายังเป็นคนนอกสำหรับเรื่องนี้
ตอนนี้เจี้ยนเก้อมองไปที่และถามว่า“เจ้ามั่นใจในตัวนางขนาดนั้นเลยรึ”
“ข้าแค่มั่นใจในสายตายของตัวเองเท่านั้น” ชิงสุ่ยยิ้ม
……
หลังจากนั้นไม่นานชิงสุ่ยก็ได้พูดคุยชิงห่านยี่อยู่บ่อยครั้งผ่านปลาวิญญาณ เพื่อปรึกษาเรื่องราวต่างๆ มันทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นค่อยๆดีขึ้น ตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณสองเดือนก่อนที่ลูกของเจี้ยนเก้อจะเกิดออกมามันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยกังวลอย่างมากในช่วงเวลานี้
ในเวลานี้ชิงสุ่ยได้มาห่านอี่อีกครั้งที่ภูเขาลูกเดิม
และได้พบกับชายวัยกลางคนๆหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงข้ามห่านอี่เขามีใบหน้าที่เรียวยาว จมูกที่ตรง และมีดวงตาที่ส่องสกาวราวกับดวงดาว โดยรวมแล้วเขาเป็นคนที่หล่อเหล่าอย่างมาก โดยรวมแล้วเขาหน้าจะมีอายุอยู่ในวัยกลางคนเท่านั้น
“เจ้าต้องเป็นคนที่ห่านอี่ชอบๆมากแน่นอน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่นัดพบเจอกับเจ้านี้ นี่!” ปรมาจารย์ลำดับสองกล่าวออกมา แม้เขาจะไม่มองไปที่ชิงุส่ย
ในตอนนี้ชิงสุ่ยยังคงเงียบอยู่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
“หากเจ้ามีเวลาก็มาหาข้าบ้าง ข้าจะตอนรับเจ้าอย่างดีเลยที่เดียว” เขากล่าวออกมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ให้โอกาสชิงสุ่ยตอบโต้ ชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในคำพูดของเขา