Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1697 –ลูกชายของเจี้ยนเก้อ
บทที่1697 –ลูกชายของเจี้ยนเก้อ
“ข้าละอิฉจาเจ้าตัวน้อยจริงๆ” ชิงสุ่ยหัวเราะเบา ๆ
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นเจี้ยนเก้อได้หัวเราะออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะถามกลับไปว่า“ เจ้าอิจฉาอะไร”
“เพราะเมื่อเขาเกิดมา เจ้าจะต้องรักเขามากกว่าข้าอย่างแน่นอน ขนาดในเวลานี้เจ้ายังเป็นห่วงเขามากมาย หากเขาเกิดออกมาจริง เจ้าคงไม่รักข้าแล้ว”
“เจ้าคนโง่”
……
ข่าวการตายของปรมาจารย์ที่สองได้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างแม้จะมีบางคนไม่เชื่อก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามมันก็คือความจริง
การตายของสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากภายในพระราชวังหมาป่ามังกรการตายของเขาส่งผลให้ชิงห่านอี่ได้ขึ้นเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ถึงแม้ครั้งนี้ชิงสุ่ยจะไม่ฆ่าเขา ยังไงก็ตามเธอก็จะได้ขึ้นเป็นผู้นำอยู่ดีด้วยความสามารถที่เธอมี ความแข็งแกร่งของเธอไม่ด้อยกว่าชิงสุ่ยเลย
หนึ่งเดือนผ่านไปชิงสุ่ยไม่คาดว่าจะได้เจอห่านอี่ที่พระราชวังสุริยาแห่งนี้เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ตกตะลึงกับการปรากฏตัวของเธอ
ในเวลานี้เมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้นายหญิงและมู่หยุนชิงมันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาโชคดีจริงๆที่ได้เกิดมาในโลกใบนี้ ความงามของทั้งสามนั้นเป็นของจริงๆ พวกเธอนั้นสามารถทำลายเมืองๆหนึ่งได้เพียงแค่รอยยิ้มของพวกเธอ
”อะไรกัน?ข้าไม่รับการต้อนรับอย่างนั้นรึ?” ชิงห่านอี่ยิ้มออกมา เมื่อเธอเห็นสีหน้าของชิงสุ่ยและคนอื่นๆที่ตกตะลึงอยู่ ผู้หญิงคนนี้ที่มีดวงตาที่อ่อนหวานอย่างมาก นอกจากนี้บุคลิกภายนอกของเธอก็ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์นอกจากนี้ด้วยท่าทางกริยาที่น่าดึงดูด พวกกับคำพูดที่อ่อนหวาน มันทำให้เธอนั้นดูล้ำอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับเธอคนเก่า ในตอนนี้เธอกับดูมีเสน่ห์มากมายกว่าหลายเท่า
ชิงสุ่ยลูบจมูกของเขาแล้วยิ้มออกมา“ทำไมเจ้าคิดอย่างนั้น มานั่งที่นี่สิ”
จากนั้นชิงสุ่ยได้ช่วยทั้งสามไปนั่งที่ศาลาใกล้ ที่ซึ้งเจี้ยนเก้อนั่งอยู่ ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มบทสนทนากัน
“พระราชวังหมาป่ามังกรเป็นอย่างไร”ชิงสุ่ยถามขณะที่เธอรินชาให้เข้า
“ปกติดี ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆในตอนนี้ แต่ข้าก็รู้ดีว่าเจ้ารู้อยู่แล้ว เจ้าจะถามทำไมอีก!” เนื่องจากชิงสุ่ยนั้นให้ปลาวิญญาณกับเธอไป มันจึงทำให้เขาสามารถเห็นเหตุการณ์ทุกๆอย่างรอบตัวของเธอ
ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะซ่อนความลับนี้เอาไว เพียงแค่เขาไม่ได้บอกว่ามันคืออะไร หลังจากการตายของปรมาจารย์ที่สองทำให้เธอได้ค้นพบความจริงเกี่ยวกับปลาวิญญาณเข้าหลังจากนั้น
“ชิงสุ่ยรู้รึไม่ ทำไมน้องห่านอี่ถึงมาที่นี่” นายหญิงถามขณะมองดูชิงสุ่ย
ในเวลานี้เองท่าทางของชิงสุ่ยได้เปลี่ยนไปในวันนี้หากไม่มีเขาอยู่พวกเธอทั้งหมดก็ยังคงเป็นศัตรูกัน ถึงแม้ว่าจะมีชิงสุ่ยคอยเป็นกาวเชื่อมระหว่างพวกเธอ แต่อย่างไรก็ตามพวกเธอก็ยังไม่ไว้ใจกันอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นนายหญิงและมู่หยุนชิงเฉิงยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างในสายตาของห่านอี่เมื่อเธอมองไปที่เขามันทำให้ลึกๆแล้วทั้งคู่ไม่พอใจเล็กน้อย นอกจากนี้ห่านอี่ยังเป็นสหายเก่าที่มาจากทวีปเมฆามรกตอีกด้วย มันจึงทำให้ทั้งคู่ระแวงในตัวของเธอมากกขึ้น อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ถึงขั้นไหน แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่เคยมีอะไรจริงๆในชีวิตจริง แต่ในความฝันพวกเขานั้นถือว่าเป็นสามีภรรยากันละ อย่างไรก็ตามนั้นมันก็เป็นเวลานานมาแล้วในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่สามารถบอกได้ว่า เธอคิดอะไรอยู่ มนุษย์นั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสของเวลา ไม่มีอะไรจีรั้งตามกระแสของเวลา
“ข้าก็ไม่รู้” ชิงสุ่ยกล่าวออกมา
“ในเมื่อวันนี้น้องห่านอี่ก็มาแล้วเราก็มาฉลองกันดีกว่า ฉลองให้น้องชิงห่านอี่ที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำของพระราชวังหมาป่ามังกรในตอนนี้ “ชิงเฉิงกล่าว
“เยี่ยมไปเลย เช่นนั้นเรามาฉลองกัน ให้งานเลี่ยงในครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับพันธมิตรระหว่างพวกเราก็แล้วกัน” นายหญิงยิ้มและกล่าว
“ในเมื่อพวกเจ้าพูดเช่นนี้ข้าก็ไม่มีอะไรที่จะขัดคล่อง ทำตามใจพวกเจ้าต้องการเถอะ ” ชิงสุ่ยกล่าวออกมา ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ทำไมรึ เจ้าไม่อยากให้ข้าร่วมงานเลี้ยงรึ หรอเจ้าไม่ต้องการให้ข้ามาที่นี่ หรือว่าเจ้ารังเกียจข้า?” ชิงห่านอี่กล่าวออกมาขณะที่ก้มหน้าลง เมื่อได้ยินสิ่งที่ชิสุ่ยสายกล่าว ไอลีนโนเวล
ในเวลานั้นนายหญิงและมู่หยุนชิงเฉิงได้หันไปจ้องชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ดุดันเพราะเขาได้พูดสิ่งที่ไมควรพูโออกมาในเวลานี้
“ไม่ต้องจ้องข้าแบบนั้นก็ได้ ข้ากลัวแล้ว ไม่ว่าพวกเจ้าจะทำอะไรข้าก็เห็นด้วยทั้งนั้น จะพันธมิตรหรือพี่น้องก็ตามใจพวกเจ้าเลย หยุดมองข้าแบบนี้ได้แล้ว ” ชิงสุ่ยรีบตอบอย่างรวดเร็ว
“ในตอนนี้ข้าคิดว่าเราไม่ควรแค่เป็นพันธมิตรกันเท่านั้น ทำไมพวกเราไม่รวมเข้าด้วยกันละพวกเราจะได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน จะทำให้ฐานอำนาจของพวกเราแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น” ชิงห่านอี่ยิ้มออกมาและคำนับพวกเธอ
ในเวลานี้ชิงสุ่ยแอบตกใจเล็กน้อยการรวมตัวกันของพระราชสุริยาและหมาป่ามังกรนั้นอยู่นอกเหนือการคาดหมายของเขา สำหรับเขามันยังเร็วเกินไปในเวลานี้ ยิ่งในตอนนี้ฐานอำนาจของชิงห่านอี่ยังไม่มั่นคงเท่าไร มันคงจะดีกว่าถ้าพวกเขาเริ่มต้นด้วยคำว่าพันธมิตร
”เจ้าพึ่งขึ้นเป็นผู้นำของพระราชวังหมาป่าการทำเช่นนี้ ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีและเหมาะสม ทำไมเจ้าถึงไม่เริ่มต้นด้วยคำว่าพันธมิตรก่อนละ?”
“บางสิ่งมันก็ง่ายและยากในเวลาเดียวกัน สำหรับตอนนี้ข้าคิดว่ามันเหมาะแล้วด้วยอำนาจที่ข้ามีในเวลาจะไม่มีใครในพระราชวังหมาป่ามังกร กล้าคัดค้านข้าและกล้าต่อต้านข้า แต่หากปล่อยไปนานกว่านี้ข้าเกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องยากกว่าที่ควร” ห่านอี่กล่าวอย่างมั่นใจ
ถึงเธอจะพูดเช่นนี้ออกมาแต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็จบลงไปโดยไม่ได้ข้อสรุป การรวมกันระหว่างสองนิกายนั้นถือว่า เป็นเรื่องที่ใหญ่อย่างมาก ยังไงซะพวกเขาก็ต้องใช้เวลาในการคิดไตร่ตรองให้มากกว่านี้
……
สามเดือนต่อมาชิงสุ่ยได้นั่งอยู่ที่ลานข้างนอกด้วยความกังวลขณะนี้นายหญิง และ มู่หยุ่นชิงเฉิงก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นเดียวกัน
“ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” นายหญิงกล่าวออกมาเมื่อเห็นท่าทีกังวลขอชิงสุ่ย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขาที่ชิงสุ่ยพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ในตอนนี้ลูกคนโตของเขาก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะมีประสบการณ์มากมายหากหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะอดตื่นเต้นและเป็นกังวลไม่ได้
อย่างไรก็ตามเขาก็รู้ว่าเจี้ยนเก้อจะไม่เป็นอะไรเพราะเธอเป็นผู้บ่มเพาะที่เข็งแกร่ง
อุแว๊ๆๆ! novel-lucky
เสียงทารกได้ดังออกมาเมื่อยินเสียงนี้ชิงสุ่ยรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานั้นความรู้สึกที่คุ้นเคยได้ตรงพุ่งเข้ามาที่หัวของเขาราวกับว่ามีอะไรใหม่ๆปรากฏขึ้นมา อย่างไรก็จามสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจในเวลานี้เขาวิ่งตรงเข้าไปในห้องเพื่อหาภรรยาและลูกของเขา
ในเวลานี้หมอของพระราชวังสุริยาได้รับหน้าที่ทำคลอดให้กับเจี้ยนเก้อเพราะชิงสุ่ยไม่กล้าที่จะทำคลอดให้ภรรยาของตัวเอง แม้แต่อดีตเขาก็ไม่เคยทำมันสักครั้ง
ในเวลานี้ลูกศิษย์หมอของพระราชวังสุริยาได้อุ้มทารกน้อยอยู่ในอ้อมแขน ก่อนที่เธอจะยิ้มให้ชิงสุ่ย และกล่าวออกมาว่า“ ขอแสดงความยินดีด้วยท่านผู้พิทักษ์ ท่านได้บุตรชาย”
ชิงสุ่ยอุ้มร่างเล็กๆสีชมพูในอ้อมกอดของเขาขณะที่เขามองไปที่ดวงตาของลูกชายเขา ที่สดใสราวกับไข่มุก – พวกมันดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน เมื่อชิงสุ่ยกอดลูกของเขในตอนนี้ เด็กน้อยก็อยู่ร้องในพริบตา ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยและยิ้มออกมา
เมื่อมองไปที่เขาชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาคล้ายคลึงกับเจี้ยนเก้ออย่างมากหากให้กล่าวขาคือเจี้ยนเก้อในรูปลักษณ์ผู้ชายก็ว่าได้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยอุ้มลูกของเขาและเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆกับเจี้ยนเกอที่นอนอยู่
ในเวลานี้นายหญิงและชิงเฉิงได้ตามเข้ามาแต่พวกเธอก็ได้หยุดอยู่ที่ประตูไม่ได้รีบร้อนเข้าไป เพราะนี่คือเวลาของชิงสุ่ยและเจี้ยนเก้อ มันเป็นเวลาแห่งครอบครัว
“ชิงสุ่ยให้ข้าดูเขาหน่อย?” เจี้ยนเก้อกล่าวอย่างหมดแรง
แม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งอย่างไรแต่เธอก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียในครั้งนี้ ชิงสุ่ยได้ถ่ายทอดปราณของเขาให้กับเธอเพื่อช่วยฟื้นฟูให้กับเธอ จากการคาดการณ์ของเขา เธอต้องใช้เวลาประมาณสามวันถึงจะหายดี
ในเวลานี้ชิงสุ่ยอุ้มเด็กน้อยเข้าไปใกล้ๆเธอนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบเจอกับลูกชายของตัวเอง
ในเวลานี้เธอร้องให้ออกขณะที่อุ้มลูกน้อยในอ้อมอกเธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกในเวลานี้
“ตอนนี้สายตาของเจ้า แทบจะมี่ข้าอยู่ในนั้นเลย” ชิงสุ่ยหัวเราะเบา ๆ
“เจ้าคิดชื่อลูกไว้แล้วหรือยัง” เธอกล่าวออกมาขณะหันไปมองหน้าเขา
“เด็กคนนี้ค่อนข้างหล่อเหล่า หากมองไกลเขาดูเหมือนผู้หญิงอย่างมาก เขาต้องเป็นคนที่มีเสน่ห์เหมือนข้า ดังนั้นข้าจะใช้จุดเด่นนี้ตั้งชื่อลูกของเรา” ชิงสุ่ยกล่าว
“เนื่องจากเจ้าหนูของเราดูบอบบ่างอย่างมากคล้ายกับผู้หญิง ทำไมเราไม่เรียกเขาว่าชิงซิ่วละ?”เจี้ยนเก้อกล่าวออกมาขณะที่มองเธอ
ชิงสุ่ยถูหน้าผากเขาขณะที่คิดว่าชื่อนี้ฟังดูคล้ายกับผู้หญิงอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามในอดีตก็มีจักรพรรดิที่มีชื่อต้นขึ้นด้วยซิ่ว มันก็พอที่เขาจะทำใจยอมรับมันได้ หลังจากพิจารณาอยู่พักหนึ่งแล้ว เขาก็พูดว่า“ ดีมาก ชื่อนี้ดีอย่างมาก ตกลงเราจะใช้มัน”
เวลาได้ผ่านไปหลายชั่วยามในเวลานี้เด็กน้อยก็เริ่มหิวนมแล้วเจี้ยนเก้อได้กว่าออกมาว่า “เจ้าควรออกไปได้แล้วข้าจะให้นมลูก” เมื่อได้ยินเช่นนั้นชิงสุ่ยรีบกล่าวกลับไปว่า“ข้าเองก็เคยดูดดื่มมันมาก่อน ทำไมเจ้าถึงต้องให้ข้าออกไป ข้ามั่นใจว่าข้าคุ้นเคยมันดีกว่าใครๆในที่นี้เสียอีก… .. ”
”ไปตายซะ!”
เป็นเวลานาที่ชิงสุ่ยหยอกล้อกับเจี้ยนเก้อซึ่งในเวลานี้ทุกคนต่างอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย มันจึงทำให้ทั้งหมดได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวกีบเจี้ยนเก้อเป็นอย่างดี ในเวลานี้พวกเขาต่างดีใจและอิจฉาในเวลาเดียวกัน หากชิงสุ่ยมูกกับพวกเธอๆคงจะมีความสุขมากเช่นเดียวกับเจี้ยนเก้อย่างแน่นอน
เมื่อชิงสุ่ยเดินมาจากห้องนอนไปยังห้องนั่งเล่นก็พบว่าพวกเธอรอเขาอยู่ที่บริเวณนั้น
ในเวลานี้นายหญิงได้ยิ้มและกล่าวออกมา“เจ้าอยากจะมีลูกอีกคนในอนาคตหรือไม่?”
ชิงุส่ยได้แต่ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย“ข้าว่ามันขึ้นอยู่กับเจี้ยนเก้อมากกว่า ในตอนนี้ข้าขอตัวไปทำอาหารบำรุงนางก่อนแล้วกัน” หลังจากชิงสุ่ยออกไปพวกเธอได้เดินออกมาจากห้องนั่งเล่นและเข้าไปเยี่ยมเจี้นเก้อกับลูกในเวลานี้
“ตามที่ตกลงกันไว้ข้าจะเป็นแม่บุญธรรมให้เขา ”นายหญิงกล่าวออกมา พร้อมรอยยิ้ม ขณะมองไปที่เจี้ยนเก้อ
“นี่นับว่าเป็นโชคดีของเขาแล้ว”เจี้ยนเก้อกล่าวออกมาด้วยความจริงใจ