Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1714 - พลังใช้ตัดสิน การต่อสู้คือทางเลือก
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1714 - พลังใช้ตัดสิน การต่อสู้คือทางเลือก
บทที่1714 – พลังใช้ตัดสิน การต่อสู้คือทางเลือก
ชิงสุ่ยกล่าวขณะเดียวกันเขาก็ชี้ไปทางชายคนนั้น
ชายชราคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจึงรับรู้ได้ว่ามันมีบางอย่างน่าสงสัยแต่ก็อยู่บนพื้นฐานว่าหยวนตงตายที่นี่จริงๆ ๆ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องขอคำอธิบายจากชิงสุ่ย
”หลานชายของข้าเสียชีวิตที่นี่ข้าจะขอคำอธิบายจากเจ้าไม่ได้เลยหรือ?”ชายชราต้องมองชิงสุ่ยขณะกล่าวด้วยความไม่พอใจ
เขาเพิ่งสูญเสียหลานชายถึงแม้หลานชายคนนี้จะไร้ประโยชน์ แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของคนตระกูลหยวน ชายชราหวังเพียงให้หลานชายคนนี้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุข และวางแผนทุกอย่างรองรับหลานชายคนนี้ไว้แล้วแม้ว่าเขาจะโกรธที่หลานชายไร้ค่าคนนี้จะตายไป แต่มันก็เป็นความโกรธที่ไม่ใช่ความโกรธแบบเดือดดาล
”ข้าต้องขอบอกเลยว่ามันน่าประหลาดใจสุดๆที่วิธีการปัญญาอ่อนเด็กๆแบบนี้กลับสร้างผลกระทบมาถึงตัวข้าได้”ชิงสุ่ยส่ายหน้าขณะมองชายชราก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่ดูอ่อนโยนคนนั้น
”เจ้ากำลังจะบอกว่าซิงซ่งพยายามผลักความผิดมาให้เจ้าโดยที่เขาเองแท้จริงแล้วคือต้นเหตุที่ทำให้หลานชายของข้าต้องเสียชีวิตอย่างนั้นหรือ?”ชายชราเองก็ยังคงสงสัยซิงซงแต่จากที่เขาจ้องมองซิงซง เขาก็เชื่อว่าความสามารถระดับแค่ซิงซ่งคงไม่อาจซ่อนปิดบังความลับต่อหน้าเขาได้
”แล้วถ้าหากเขาไม่ใช่คนเดิมก่อนหน้านี้ล่ะ?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว
ชายชราสายหน้าขณะมองชิงสุ่ย”ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะพูดอะไร แต่สายตาของข้ายังไม่พร่ามัวขนาดนั้น ข้ายังรับรู้ได้ถ้าหากเขาไม่ใช่คนเดิม”
ชิงสุ่ยส่ายหน้า”ตอนแรกข้าตรวจคลื่นพลังไม่พบ แต่ท่านไม่รู้สึกเลยว่าร่างกายของเขารวมถึงการรับรู้ทางจิตวิญญาณกำลังถูกควบคุม? หรือจะพูดง่ายๆคือมีส่วนใดส่วนหนึ่งในส่วนลึกของจิตวิญญาณมันไม่ใช่ของเขา”
ดวงตาของชายชราเปล่งประกายขณะที่เขาหันกลับไปมองซิงซ่งอีกครั้งเขาเห็นซิงซ่งที่ก่อนหน้านี้ทำท่าทางสบายกลับเริ่มจะเป็นลม ชายชราเอื้อมมือไปจับคอซิงซ่งและผลักดันตัวเขาลอยขึ้นเหนือพื้น
เอื้อกกกเอื้อกกกก
ซิงซ่งตาเหลือกพร้อมกับไอเป็นระยะขณะที่เขาจ้องมองใบหน้าชายชรา หน้าของเขาก็ซีดเผือดและพูดติดอ่างว่า “ท่าน ท่านผู้อา….เอื้อก….วุโส!!”
”ทำไมเจ้าถึงกล้าสังหารหยวนตง?”ชายชราเปล่งเสียงตะโกน
”สังหารหยวนตง?อะไรกัน? นายน้อย…..?”
ซิงซ่งพูดตะกุกตะกักพร้อมกับสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อผสมกับสีหน้าแห่งความหวาดกลัวพฤติกรรมของเขาเต็มไปด้วยความผิดปกติ ทั้งที่ตอนแรกก็เป็นคนที่รู้เรื่องทุกอย่างแต่ตอนนี้กับการเป็นคนไม่รู้เรื่อง ทุกการกระทำเต็มไปด้วยความน่าสงสัย ชายชราจึงพาเขาไปดูร่างไร้ชีวิตของหยวนตง
”นายน้อย!!นายน้อย?”
”เมื่อ2 วันที่แล้วเจ้าไปทำอะไรมา?”ดวงตาของชายชราทั้งเฉียบคมและจริงจัง ตอนนี้เขาเข้าใจเราว่าซิงซ่งกำลังซุกซ่อนอะไรบางอย่าง จงมีความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นฆาตกร novel-lucky
”ข้าข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับ 2-3 วันที่ผ่านมาเลย”
”พาเขากลับไปแล้วหาคำตอบมาให้ได้”ชายชราออกคำสั่งให้ชายวัยกลางคนที่เดินตามหลังมา 2 คนพาเขากลับไปที่โต๊ะ ชิงสุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ก็รู้สึกว่านี่คงเป็นโชคร้ายที่นำพาให้หยวนต่งต้องมาสิ้นชีวิตอยู่ที่นี่
”พ่อหนุ่มการที่เจ้าพยายามโน้มน้าวข้าคงไม่ใช่พระเจ้าคือคนที่อยู่เบื้องหลังการควบคุมจิตใต้สำนึกซิงซ่งหรอกนะ?”เมื่อมาถึงตรงนี้ แม้ชายชราจะรู้แจ้งแล้วว่าชิงสุ่ยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เมื่อตัวตนของเขาเป็นถึงตระกูลที่ยิ่งใหญ่จึงจำเป็นต้องแสดงความสูงส่งออกมา
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินสิ่งที่ชายชรากล่าวเขาก็เริ่มขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าชายชราคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นยังไง ทุกอย่างคงเป็นเพราะเขาพยายามกู้ชื่อเสียงตระกูลหยวนโดยใช้เขาเป็นฐาน
เมื่อมีใครจากตระกูลหยวนเสียชีวิตณ ที่แห่งนี้ มันก็ต้องมีใครสักคนนึงรับผิดชอบ พวกเขาต้องการแสดงบรรทัดฐานให้ทุกคนรู้ว่าหากที่ใดมีคนตระกูลหยวนเสียชีวิต คนในพื้นที่ก็จำเป็นต้องเข้ามามีส่วนรับผิดชอบ ชิงสุ่ยจ้องมองชายชราด้วยสายตาเย็นชา”ข้าบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า แต่ถ้าหากพวกท่านยังก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยงของข้าอีก ข้าคงไม่มีเหตุจำเป็นอะไรต้องพูดอีกต่อไปแล้ว ข้าขอเชิญ”
แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่อยากสร้างปัญหาแต่เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวคนเหล่านี้เลย เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรหรือต้องอดทนให้ใครมาแสดงความเหนือกว่าเขาทั้งที่มันควรเป็นงานของเขา
ชิงสุ่ยไล่ฝั่งตรงข้ามออกจากงานเลี้ยงซึ่งมันทำให้ดวงตาของชายคนนั้นแปรเปลี่ยนไป มันคือสายตาที่ต้องการฉีกกระชากชิงสุ่ยออกเป็นชิ้นเล็กคิดน้อย เขาใช้ชีวิตมาอย่างยาวนานและไม่เคยถูกใครขับไสไล่ส่งเช่นนี้มาก่อน เขาแค้นอย่างมากจนระเบิดเสียงหัวเราะ
”ก็ได้ก็ได้นี่เป็นครั้งแรกที่ข้า หยวนหยุนผู้ขับไสไล่ส่งโดยไม่ไว้หน้า แสดงให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้ามีความสามารถเช่นนั้นหรือไม่”ชายชราที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ทันใดนั้นเขาก็รับรู้ได้ถึงสายตาของผู้คน มันเป็นสายตาที่บ่งบอกว่าชายหนุ่มผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้คือผู้นำของกลุ่มคนโดยรอบทั้งหมด
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ทั่วไปอันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ควรจะโกรธง่ายๆแบบนี้นัก ยิ่งไปกว่านั้นบุคคลที่เขากำลังเผชิญหน้าเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่ม หรือสิ่งที่ทำให้เขาโกรธคือความสามารถที่ซ่อนลึกอยู่ในตัวชายหนุ่มผู้นี้?
เขารับรู้ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะต้องแข็งแกร่งอย่างมากหรือว่าเขากำลังปฏิบัติตัวในฐานะที่เป็นยอดยุทธในระดับเดียวกัน?
”ท่านรู้หรือไม่ว่าฝ่ายอธรรมย่อมไม่มีทางชนะฝ่ายธรรมะ?ท่านรู้จักพลังธรรมชาติหรือไม่? ท่านรู้หรือไม่ว่าการหยัดยืนเพื่อความยุติธรรมมันคืออะไร? ข้าไม่เคยคิดกลั่นแกล้งผู้อื่น แต่ข้าก็ไม่เคยยอมให้ใครมาดูถูกกลั่นแกล้ง”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงใจเย็น แต่คลื่นพลังที่พัดผ่านออกมาจากตัวเขาทำให้ทุกคนถึงกับยืนสั่น
สีหน้าของหยวนหยุนแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเขารู้สึกได้ว่าพลังของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้ากำลังต้านทานตัวเขา มันคือพลังธรรมชาติที่แสนเข้มข้นและลึกซึ้ง มันกำลังเข้าทำลายทุกอย่างที่อยู่ในร่างกายเขา
ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าเมื่อเร็วๆนี้พลังปราณธรรมชาติของเขาได้พัฒนาขึ้นไปอีกเท่าตัวเมื่อมันผสานรวมกับก้อนพลังเมล็ด 7 สีความเร็วของมันเพิ่มขึ้นเหมือนพายุและแข็งแกร่งยิ่งกว่าภูผา
”ท่านผู้พิทักษ์พวกเราหาได้เกรงกลัวมันไม่ ใครก็ตามที่สร้างปัญหาแก่ตระกูลพวกเรามันต้องชดใช้”ชายหนุ่มที่อยู่ในกลุ่มของชายชราเปล่งเสียงตะโกน แม้คำพูดของเขาจะดูหยิ่งยโส แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างแต่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ชิงสุ่ยยื่นมือออกมาและห้ามคนฝั่งเดียวกับเขาไม่ให้ทำอะไรวู่วามเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องมากกว่านี้ เพราะดูเหมือนตัวเขาเองแค่คนเดียวเท่านั้นที่เป็นเป้าหมายของฝั่งตรงข้าม
”เข้าใจละพ่อหนุ่มน้อย ถ้าหากเจ้าชนะ ข้าจะพาทุกคนจากไปทันทีและไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก แต่ถ้าเจ้าแพ้ก็จงหาคำอธิบายมาให้ข้า”หยวนหยุนพยายามรักษาความสงบนิ่งขณะกล่าวกับชิงสุ่ย
”ก็ได้แต่ถ้าหากท่านพ่ายแพ้ ท่านจงหาตัวผู้บงการมาให้ข้า ข้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนวางแผนสร้างความบาดหมางในงานของข้าเช่นนี้”ชิงสุ่ยส่ายหน้า
”อย่าได้กังวลต่อให้เจ้าไม่ต้องการมัน ข้าก็ยังต้องตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ดี เมื่อแผนการอันน่าอัปยศเกิดขึ้น ข้าจะไม่ปล่อยให้คนที่กล้าจองหองต่อข้ามีชีวิตรอด”หยวนหยุนพยักหน้าขณะกล่าว
ชิงสุ่ยจะใช้ความแข็งแกร่งเข้าแก้ปัญหาเขารู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างของผู้แข็งแกร่งจะตัดสินผ่านการต่อสู้ นี่ไม่ใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตาย แต่มันเป็นการต่อสู้ที่ใช้ทดสอบความแข็งแกร่งของกันและกัน เมื่อคำพูดแม่แก้ปัญหาได้ พวกเขาก็ต้องใช้พลังในการพูดแทน
แต่แน่นอนว่าชิงสุ่ยยอมตะหนักถึงผลที่ได้รับหากเขาพ่ายแพ้เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นความกดดันทั้งหมดจะตกอยู่กับเขาซึ่งมันคงแย่มาก แล้วถ้าไม่มีเขาคอยค้ำจุน พระราชวังพระอาทิตย์อัสดงในตอนนี้ก็คงยากที่จะหยัดยืนอยู่ภายใต้แดนทะเลน้ำเเข็งด้วยตัวเอง คนกลุ่มพระราชวังพระอาทิตย์อัสดงยังคงต้องการเขา