Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1764 - ฝ่ามือมังกรตะปบ
AST
บทที่1764 – ฝ่ามือมังกรตะปบ
ชิงสุ่ยจ้องมองโฉมงามที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจใบหน้าที่งดงามดุจหยกปรากฏให้เห็นเป็นรอยริ้วสีแดงอ่อนๆ แม้ท่าทางของเธอยังคงดูสงบ แต่มันก็เป็นความเย้ายวนเกินห้ามใจ
หญิงสาวเผ่าพันธุ์นาคาล้วนแล้วแต่มีความงดงามอย่างปฏิเสธไม่ได้ และตอนนี้มันก็เป็นยิ่งกว่าคำอธิบายเหล่านั้น
ชิงสุ่ยจ้องมองเธอตาไม่กระพริบขณะที่เขายังคงนั่งอยู่บนเบาะนั่ง มูหยุนชิงเก้อก็เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ยิ่งชิงสุ่ยเห็นรูปลักษณ์ของเธอในระยะใกล้ๆ จิตใจของเขาก็ยิ่งเร้าร้อน
”เจ้าโง่ข้าล้อเจ้าเล่นข้าขอตัวไปพักผ่อน”มูหยุนชิงเก้อชำเลืองมองชิงสุ่ยด้วยท่าทางเขินอายก่อนจะหันหลังกลับ
ชิงสุ่ยไม่อธิบายเป็นคำพูดได้เขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเธอต้องการให้เขาเข้าไปจริงๆหรือว่าเป็นเพียงแค่การหยอกล้อเล่น
ถ้าหากเธอล้อเล่นชิงสุ่ยคงได้แต่ยิ้มอย่างข่มขืน และจ้องมองประตูที่ค่อยๆปิดตัวลงดูเหมือนคำพูดของเธอจะทำให้คืนนี้เขาคงนอนหลับไม่สนิทแน่
ในตอนกลางคืนชิงสุ่ยเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะก็เริ่มต้นการฝึกฝนอีกครั้ง เวลาทุกวินาทีมีค่า และตอนนี้กำลังดินแดนจิตวิญญาณมังกรเก้าหยางก็เริ่มกลับเข้าสู่ความมีเสถียรภาพ เขาจึงต้องการใช้เวลาทุ่มเทให้กับการบรรลุในขั้นถัดไป
เมื่อดินแดนพัฒนากรงเล็บมังกรทองคำก็ย่อมพัฒนาเช่นกัน การโจมตีของมันได้ประโยชน์ทั้งสองด้าน ด้านแรกคือมันจะเพิ่มพลังให้กับผู้ใช้ 10 ส่วน ขณะที่อีกทางหนึ่งมันจะทำการลดพลังศัตรูอีก 10 ส่วน
หลังจากทั้งสองทักษะพัฒนาขึ้นสู่ระดับถัดไปชิงสุ่ยก็เริ่มฝึกฝนรูปแบบมังกรท่วงท่าอื่น
ฝ่ามือมังกรตะปบ!!!
ทั้งชื่อและอักษรเต็มไปด้วยพลังอำนาจทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังเป็นผู้ควบคุมมังกร
ฝ่ามือมังกรตะปบ: พลังโจมตีพิเศษเพิ่มขึ้น 20 ส่วน มีโอกาสที่จะตามติดศัตรูแม้ศัตรูจะพยายามหลบหนี พลังโจมตีสามารถทะลวงผ่านพลังปราณจิตของศัตรูได้ พลังของฝ่ามือมังกรตะปบ มีค่าเท่ากับความแข็งแกร่งสูงสุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยไม่รวมทักษะสวรรค์หรือทักษะสังหารอื่นๆ novel-lucky
ชิงสุ่ยตั้งใจฝึกฝนฝ่ามือมังกรตะปบโดยอาศัยเวลาเพื่อทำให้มันกลายเป็นความชำนาญ โชคดีที่เวลาภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะเพียงแค่ 2 ชั่วโมงมันเทียบเท่ากับเวลาครึ่งปีในโลกความจริง ด้วยขนาดของเวลาต่อให้เป็นคนที่โง่งมฝึกฝนอย่างเชื่องช้า ก็สามารถฝึกฝนจนเชี่ยวชาญได้
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าชิงสุ่ยยังคงโบกสะบัดแขนของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
เมื่อใดก็ตามที่เขาหิวเขาจะหยุดได้ทำอาหารจากนั้นก็กลับไปฝึกฝนจนกระทั่งเหนื่อยล้าและพักผ่อน
รากฐานแห่งพลังปราณเกิดขึ้นภายในจุดตันเถียนจากนั้นก็เคลื่อนไหวไปทั่วร่างกายทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความเร็วพอเหมาะแต่ล้วนมีพลัง ชิงสุ่ยอาศัยการเคลื่อนไหวของรากฐานพลังในการเสริมพลังโจมตี
ในท้ายที่สุดรากฐานแห่งพลังปราณของฝ่ามือมังกรตะปบก็แสดงผลให้เห็นเป็นรูปร่าง พลังปราณที่เขาปลดปล่อยออกมาปรากฏให้เห็นเป็นรูปร่างของมังกรที่เคลื่อนไหวทับซ้อนร่างกายของเขา
ในตอนแรกของการฝึกฝนเขาคบคิดกับตัวเองว่าสิ่งที่เขาฝึกฝนอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ผิดพลาดแต่ด้วยความอดทนในที่สุดทุกอย่างก็บรรลุผล แม้ว่าการปลดปล่อยพลังเหล่านี้ออกมาจะค่อนข้างดูดกลืนรากฐานแห่งพลังปราณอย่างสิ้นเปลืองก็ตาม
และในช่วงที่เขากำลังฝึกฝนรากฐานแห่งพลังปราณที่เกิดขึ้นภายในร่างกายครั้งหนึ่งมันเคยเคลื่อนไหวแบบผิดปกติแต่มันก็เข้าไปบรรจบรวมกับจิตวิญญาณมังกรเก้าหยางด้วยความบังเอิญแบบที่ไม่อาจหาคำอธิบายได้
โฮกกกกก!!
มังกรทองคำความยาว20 เมตรปรากฏขึ้นหลังจากที่เขาใช้ท่วงท่าฝ่ามือระบบมังกร ร่างกายของมันเต็มไปด้วยพลังที่อัดแน่น บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่อยู่เหนือความแข็งแกร่งทั้งปวง
พลังขนาดมหึมาคงพัฒนาหลังจากที่มันรวมเข้ากับจิตวิญญาณมังกรเก้าหยางไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมทักษะเหล่านี้จึงสามารถเรียนรู้ได้จนก้าวข้ามระดับความเชี่ยวชาญหลังจากที่บรรลุจิตวิญญาณมังกรเก้าหยาง
ชิงสุ่ยโบกสะบัดมือสองครั้ง
มังกรทองคำขนาดมหึมาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าภายใต้การควบคุมของชิงสุ่ย
เคล้งงงงง!!!
เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วอากาศพร้อมกับเศษซากฝุ่นสีเทา
มันคือระเบิด!!
ชิงสุ่ยค้นพบว่าฝ่ามือมังกรตะปบนั้นสามารถสร้างแรงระเบิดได้โดยที่แรงระเบิดจะยิ่งสร้างผลลัพธ์การทำลายล้างที่รุนแรงมากกว่าเดิม
…………………
ในวันรุ่งขึ้นชิงสุ่ยตื่นขึ้นตั้งแต่เช้ามืด ต่อให้ภายนอกจะไม่มีแสงแดด แต่เขาก็ยังคงตื่นเช้าขึ้นมาฝึกฝนเพลงหมัดไทเก๊กเฉกเช่นที่ทำเป็นประจำ
แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ค่อยได้ใช้ทักษะเพลงหมัดไทเก๊กในการต่อสู้แต่การฝึกฝนมันยอมให้ประโยชน์มากกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ตลอดเวลาที่เขาฝึกฝน เพลงหมัดไทเก๊กจะช่วยให้ร่างกายของเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดายและยิ่งเขาเรียนรู้มันมากขึ้นการเคลื่อนไหวของเขาจะยิ่งสมบูรณ์แบบโดยไม่มีส่วนใดที่ใช้งานมากเกินหรือน้อยเกินไป ทุกอย่างล้วนพอดี
หลังจากที่เขาฝึกฝนในช่วงเช้ายังต่อเนื่องชิงสุ่ยก็หันกลับมามองเฉิงเจินที่ยืนอยู่บริเวณประตู “มันดูเป็นอย่างไรบ้าง?”
”ยอดเยี่ยม”หญิงสาวผู้นั้นตบมือพร้อมกับรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยคงไม่รู้ตัวว่าคำชมที่ออกจากปากหญิงสาวผู้นี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากเพราะเธอแทบจะไม่พูดจาชมเชยผู้ใดเลย
เสื้อคลุมสีขาวหิมะตัดกับโครงร่างที่แสนงดงามมันเป็นความงามในระดับศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ชิงสุ่ยถึงกับต้องสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อหักห้ามใจไม่ให้หลงระเริงไปกับความงามที่อยู่เบื้องหน้า