Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1810 - เสมอ
AST
บทที่1810 – เสมอ
”เจ้าเข้ามาได้มิฉะนั้นเจ้าจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ข้าให้โอกาสเจ้าโจมตีก่อน”โฮ่วเฟิงก้าวไปข้างหน้าและพูดคุยกับชิงสุ่ย ขณะที่จินเฟิงยืนดูจากด้านหลัง
ชิงสุ่ยพยักหน้าเขามีพลังสูงกว่าคนทั้งสองคน และสามารถโคจรพลังระดับ 2,000,000 เต๋าได้ทันที แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้ต้องการใช้พลังทั้งหมดเพื่อโจมตีและทำลายทั้งสองคน
ชิงสุ่ยค่อยๆนำเอาง้าวทองทะลุศัตรูออกมาเขาไม่ได้ใช้พลังกดขี่ศัตรูให้อ่อนแอลงหรือจะทำอะไรก็ตามที่ทำให้ศัตรูอ่อนแอกว่าเดิม จากนั้นเขาก็ใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวา
มันเป็นทักษะเคลื่อนไหวที่ดูง่ายๆแต่ก็ทรงพลัง
ทันทีที่ชิงสุ่ยเคลื่อนไหวโฮ่วเฟิงและจินเฟิงก็พยายามจับจ้อง ในที่สุดพวกเขาก็สังเกตเห็นแล้วว่าชายหนุ่มก่อนหน้านี้มีพละกำลังไม่น้อยกว่าพวกเขาเลย
หากพวกเขารู้ว่าชิงสุ่ยมีพลังแฝงไม่ว่าจะเป็นด้านป้องกันหรือโจมตีที่แข็งแกร่งพวกเขาก็คงไม่กล้าแกว่งเท้าหาเสี้ยนมาขอท้าประลองกับชิงสุ่ย ยิ่งถ้าพวกเขารู้ว่าชิงสุ่ยสามารถระเบิดพลังในระดับ 2,000,000 เต๋าได้ เพียงแค่เศษพลังก็สามารถทำให้พวกเขาพิการหรือตายโดยไม่ทันรู้สึกตัว
ปีกวิหคอัคคี!!
ด้านหลังของโฮ่วเฟิงปรากฏให้เห็นเป็นปีกสีแดงขาด มันมีขนาดใหญ่มากเก่งกว่า 10 เมตรและยังมีความว่องไวอันน่าเหลือเชื่อ ความเร็วของโฮ่วเฟิงเพิ่มขึ้นหลายเท่าอย่างฉับพลัน ก่อนที่จะฟาดฟันกระบี่วิหคเพลิงเข้าใส่ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยไม่สนใจกระบี่ที่ถาโถมเข้ามาหาเขาเลยแม้แต่น้อยแม้เขาจะรู้ดีว่าทักษะที่โจมตีเข้ามาไม่ใช่ทักษะที่มีรูปแบบง่ายๆ พลังของมันเต็มไปด้วยเปลวเพลิงของวิหคที่กำลังแผดเผาระเบิดพลังอันน่ากลัวออกมาสู่โลกภายนอก
คลื่นกระบี่วิหคเพลิง!!
เปลวเพลิงจำนวนมากกระจัดกระจายออกจากลำตัวกระบี่พลังงานความร้อนมหาศาลล้อมรอบตัวชิงสุ่ย
แม้ว่าความเร็วของมันจะไม่เพิ่มขึ้นแต่รัศมีการโจมตีกลับกินวงกว้างอย่างรวดเร็ว โฮ่วเฟิงไม่รู้ว่าทำไมชิงสุ่ยถึงสามารถสลายพลังที่ปลดปล่อยออกมาได้ถึง 70 ส่วน แต่ที่เขารู้ตอนนี้คือชิงสุ่ยจะต้องมีความสามารถในการต้านทานความร้อนจากเปลวเพลิงที่สูงมากๆ
เมื่อโฮ่วเฟิงมองเห็นชิงสุ่ยฟันฝ่าเปลวเพลิงออกมาได้โดยไม่เกิดร่องรอยอาการบาดเจ็บเขาก็รีบเหวี่ยงกระบี่ออกไปเพื่อปะทะกับง้าวที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา
ปังงง!!ปังงง!! ชิงสุ่ยถอยหลังเล็กน้อยเพราะศัตรูมีพลังแข็งแกร่งกว่าเขาถึงแม้ความต่างของพลังจะมีมากถึงระดับ 10,000 เต๋า แต่ชิงสุ่ยก็สามารถรับมือกับพลังของโฮ่วเฟิงได้ด้วยท่าทางที่ดูผ่อนคลาย นี่คงเป็นประโยชน์จากการฝึกฝนพลังไทเก๊ก ที่ช่วยให้พลังป้องกันและรากฐานของพลังแข็งแกร่ง
จินเฟิงตกใจกับภาพที่เห็นแสงสะท้อนจากการโจมตีจำนวนมากมายเป็นประกายอยู่กลางอากาศ เขากำกระบี่ทองคำในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเขากำลังจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นระรัวเมื่อสัมผัสกับคลื่นพลังที่แสนคุ้นเคยสายตาของเขากลับคืนสู่ความปกติก่อนจะปรากฏให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้า
ตั้งแต่เริ่มต้นชิงสุ่ยเองก็สัมผัสถึงคลื่นพลังที่แสนคุ้นเคยได้เช่นกัน เขารู้ได้ทันทีว่ามันคือคลื่นพลังของเฉินหวงที่กำลังซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ ชิงสุ่ยค่อนข้างมีความสุขเพราะการที่เธอเดินทางมาเองนั่นก็หมายความว่าเธอคงกำลังเป็นห่วงเขา
เธอเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะถูกทำร้ายและต้องตายทันทีที่เพิ่งเข้าร่วมกับภาคีวิหคอัคคีเทวะ แต่ที่เธอไม่ยอมมาปรากฏตัวตั้งแต่แรก ก็เพราะเธออยากรู้ว่าชิงสุ่ยจะมีความสามารถในรูปแบบใด
ชิงสุ่ยยังคงไม่ได้โจมตีกระบวนท่าใดออกไปสิ่งที่เขาทำทั้งหมดเป็นเพียงแค่การป้องกัน แต่มันกลับทำให้โฮ่วเฟิงหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเขาไม่สามารถเอาชนะชิงสุ่ยได้ ทั้งยังใช้เวลาเป็นจำนวนมากก็ยังไม่อาจเอาชนะได้อยู่ดี
”ข้ากำลังจะใช้ทักษะสังหารของข้าทางที่ดีเจ้าก็ควรระวังเอาไว้”โฮ่วเฟิงกล่าวกับชิงสุ่ยโดยตรง
ขณะที่ได้ยินคำเตือนชิงสุ่ยรู้สึกยินดีเล็กน้อย เขาเชื่อว่านิสัยของชายคนนี้ก็ไม่แย่นัก เขาจึงพยักหน้าตอบ “เข้ามาได้เลย!!”
”วางมือลงซะ!!เจ้าคงไม่อยากเห็นเลือดไหลออกมาจากตัวเจ้าใช่หรือไม่?”เสียงของเฉินหวงดังกึกก้องไปทั่ว ก่อนที่เธอจะมาปรากฏตัวระหว่างชิงสุ่ยและโฮ่วเฟิง
เขาหยุดการกระทำทุกอย่างและหันไปมองเฉินหวงด้วยความตกใจ”หวงเอ๋อ เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เฉินหวงเหลือบมองมาที่ทั้งสองคนและกล่าวถามว่า”พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? หรือว่าพวกเจ้าลืมสิ่งที่ข้าบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้หมดแล้ว?”
โฮ่วเฟิงแสดงท่าทางเงอะงะดวงตาของเขาเหลือบมองเฉินหวงก่อนจะย้ายไปที่จินเฟิง
”หวงเอ๋ออย่าโกรธข้าเลย ข้ามาที่นี้ก็เพื่อมาดูว่ามังกรในหมู่มนุษย์อย่างคุณชายชิงที่เข้าร่วมกลุ่มของเจ้าเป็นคนเช่นไรก็เท่านั้นเอง”จินเฟิงตอบแทนโฮ่วเฟิง
เฉินหวงดูจะไม่สนใจจินเฟิงเธอไม่แม้แต่จะชายตามองขณะกล่าวว่า “ข้าไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่ถ้าเจ้ายังคิดจะทำอีก เราจะกลายเป็นศัตรูกัน” ”หวงเอ๋ออย่าได้กังวล เรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน ข้าสัญญา”จินเฟิงกล่าวตอบ
ชายคนนี้เป็นพระเอกที่หลุดมาจากในหนังคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความพูดที่ดูซื่อสัตย์และเรียบง่าย
สายตาของเฉินหวงเต็มไปด้วยร่องรอยที่ดูไม่ค่อยเต็มใจแต่เธอก็ไม่พูดอะไรต่อ
แม้ว่าจินเฟิงจะยิ้มตอบแต่ดวงตาของเขานั้นไม่ใช่ดวงตาแห่งความสุข รอยยิ้มก็เป็นเพียงรอยยิ้มอันเย็นชา ความคิดประสงค์ร้ายปรากฏขึ้นในสมองของเขาอย่างต่อเนื่อง
ชิงสุ่ยเองก็สังเกตเห็นถึงสิ่งที่จินเฟิงแสดงออกมาแต่เขาก็หันกลับไปมองเฉินหวงก่อนจะกล่าวว่า “ขอบคุณ!!”