Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1813 - จดหมายลับถึงชิงสุ่ย
AST
บทที่1813 – จดหมายลับถึงชิงสุ่ย
เมื่อชิงสุ่ยมองดูหน้าตาที่เป็นกังวลของเฉินหวงเขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูกังวลว่า “เจ้าอย่าได้คิดมากไป ค่อยๆแก้ไขปัญหาไปทีละส่วนอย่างรอบคอบก็พอแล้ว”
ทัศนคติที่ดูโง่เคลาของเธอเป็นสิ่งที่ชิงสุ่ยไม่ค่อยชอบ และเมื่อเขาเห็นเธอกำลังจะลุกขึ้นยืน เขาก็เอามือออกไปพยุงแขนที่แสนอ่อนโยนของเธอ
ร่างกายของเธอสั่นเครือเหมือนกันมีบางสิ่งบางอย่างกำลังผันผวนอยู่ภายในร่างกายของเธอ
”ไปกันเถอะ!!”แม้ร่างกายของเธอจะสั่นไหวแต่เธอก็พยายามรักษาน้ำเสียงที่สงบของเธอขณะที่เธอกำลังพูด
”ยังไม่ใช่ตอนนี้!!”ชิงสุ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง ปังงงง!!
หญิงสาวผู้นั้นใช้ฝ่ามือกระแทกกลางหน้าอกชิงสุ่ย
ซึ่งชิงสุ่ยก็ไม่ได้โคจรพลังปราณใดๆเพื่อต่อต้านมันหัวใจเป็นอวัยวะที่อ่อนแอที่สุดของมนุษย์ แม้จะมีการป้องกันที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหน้าชิงสุ่ย มันก็ยิ่งอ่อนแอมากกว่าเดิม นอกจากนี้พลังที่เธอกระแทกออกมาก็ถือว่าเป็นพลังที่มีความรุนแรงอย่างมาก
ความเจ็บปวดทะลุผ่านร่างกายของเขาทั้งหมดแต่ชิงสุ่ยก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
”ปล่อยข้า!!”ใบหน้าของเฉินหวงเต็มไปด้วยความเย็นชา
ปังงงงงงง!!
ชิงสุ่ยยังคงไม่ปล่อยเลือดสดๆปรากฏบริเวณมุมปากของเขา
”เจ้าต้องการอะไรกันแน่ถึงไม่ยอมปล่อยมือหรือเจ้าอยากจะถูกข้าฆ่า?”เฉินหวงจ้องมองชิงสุ่ย
หัวใจของเธอเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงมันคือการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจ ชายคนหนึ่งที่เธอไม่ได้มีความเกลียด….เพียงแต่ชายคนนี้จับมือเธอไว้เพราะเขากังวลเกี่ยวกับเธอ ส่วนเธอเองก็ทำร้ายเขาอย่างรุนแรงโดยที่เขาไม่ได้มีทีท่ากลัวตาย
เธอเริ่มรับรู้สึกถึงความอบอุ่นและความเชื่อใจบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อธิบายเป็นคำพูดได้ ถ้าหากเขาจะจับมือเธออีก เธอคงไม่ต่อต้านเหมือนที่เคยเป็น
สุดท้ายชิงสุ่ยก็ปล่อยมือเธอ”ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ต้องการจะดูถูกและหมิ่นประมาทความคิดของเจ้า ข้าเพียงต้องการให้เจ้าสามารถก้าวข้ามสถานการณ์ที่ยากลำบากของเจ้าให้เร็วที่สุด”
เฉินหวงได้แต่รู้สึกแปลกใจมันเหมือนเธอกำลังสูญเสียอะไรบางอย่าง สิ่งแรกที่เธอรู้คือความสูญเสียตัวตนในด้านความคิด เพราะไม่มีใครกล้าทำกับเธอเช่นนี้ ”ในอนาคตถ้าหากเจ้ากล้าทำเช่นนี้อีก ข้าจะฆ่าเจ้าอย่างไม่ลังเล”เฉินหวงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้อยู่ในจุดที่เธอกำลังสงสัยว่าความคิดของเธอคืออะไรนับตั้งแต่ที่เธออยู่ในสถานที่แห่งนี้ เธอรู้สึกชอบบรรยากาศ ชอบความอบอุ่นของครอบครัว และมันก็ให้ความรู้สึกดีกับเธอมาก ดังนั้นคำพูดของเธอไม่มีทางเกิดขึ้นจริง เธอไม่มีวันลงมือสังหารชิงสุ่ย เพราะถ้าหากเธอต้องการลงมือทำ เธอคงทำมันไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้
”ข้าจะไม่ทำมันอีกหวงเอ๋อ มองตรงไปที่นั่นสิ ในอนาคต ที่นี่จะเป็นที่ของเจ้า เจ้ามาที่นี่ได้ตราบที่เจ้าต้องการ”ชิงสุ่ยกล่าว
”หวงเอ๋อ?เจ้าอย่ามาเรียกข้าเช่นนี้ เจ้ามันเด็กแก่แดด”
”บางทีเจ้าอาจจะต้องการให้ข้าตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเจ้า “เฉินหวงกล่าว
”อย่าได้กังวลเลยร่างกายของข้าแข็งแกร่งทนแบกรับอาการเจ็บปวดได้สบายๆ”ชิงสุ่ยตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าถ้าหากเขาถอดเสื้อผ้าเพื่อให้เธอตรวจสอบมีหวังเขาจะต้องโดนเธอโจมตีอีกครั้ง เพียงแค่จับมือพลังโจมตีก็รุนแรงมากพอแล้ว ถ้าหากสัมผัสผิวกาย เขาจะต้องสาหัสสากรรจ์ทันที
”ทำไมเจ้ายังพยายามทำเพื่อข้า?แต่ยังไงข้าก็ขอบคุณ” เฉินหวงหยุดเพียงชั่วครู่ก่อนจะกล่าว
”ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องคิดเรื่องที่ข้าบอกใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยกล่าวถาม
”ถ้าหากเป็นคนอื่นก็คงจะใช่ แต่เนื่องจากข้าไม่ได้เห็นแววตาอันตั้งใจของเจ้า จริงๆแล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่มีใครที่กล้ามาแสดงความปรารถนาเช่นนี้กับข้า”เฉินหวงส่ายหน้าขณะกล่าว
”นั่นเพราะพวกเขารู้สึกว่าพวกเขานั้นไม่เหมาะสมกับเจ้าเมื่อเทียบเท่ากับพวกเขาแล้ว มันมีช่องว่างที่ใหญ่เกินไป ฉะนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางได้ครอบครองใจของเจ้า” ”เจ้านี้มัน…….ดูเหมือนสิ่งเดียวที่เจ้าจะเก่งคือการพูดไร้สาระ” เฉินหวงกล่าวด้วยความไม่พอใจ
”ถ้าหากเจ้าไม่มีเรื่องอันใดแล้วข้าก็ขอตัวก่อน”เฉินหวงกล่าว
”เจ้าจะต้องระมัดระวังจินเฟิงเอาไว้ให้ดี”ชิงสุ่ยกล่าวเตือนอย่างเร่งรีบ
”ข้ารู้เจ้าเองก็ควรระวังตัวไว้”ใบหน้าของเฉินหวงค่อยๆกลับคืนสู่ความปกติ เธอเองก็พอจะรู้แล้วพอคาดเดาการเคลื่อนไหวของจินเฟิงได้
…………………………….
เวลาอันแสนเงียบสงบ1 สัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยใช้เวลาส่วนใหญ่ร่วมกับครอบครัว เขาใช้เวลานานเป็นพิเศษและรู้สึกอบอุ่นกว่าที่เคย ครอบครัวของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
”นิ๋วเอ๋อทักษะการต่อสู้ของเจ้าจะต้องพัฒนาอย่างว่องไวแน่นอน”ชิงสุ่ยยิ้มให้กับชิงนิ๋วขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปในสนามฝึกฝนของคฤหาสน์
”ท่านพ่อ!!”
ทันทีที่ชิงนิ๋วมองเห็นชิงสุ่ยเธอก็วิ่งเข้าโผกอดพ่อของเธอด้วยความสุข ในตอนแรกที่เขากลับมายังบ้านตระกูลชิง เด็กน้อยคนนี้ต้องมองเขาด้วยท่าทางระมัดระวัง มันคงเป็นเพราะความไม่คุ้นเคย แต่ท้ายที่สุดเธอก็จดจำชายคนนี้ว่าเป็นพ่อ และความผูกพันก็เริ่มก่อตัวในระยะเวลาสั้นๆ แต่แข็งแกร่ง ในระหว่างที่ชิงสุ่ยอยู่ในตระกูล เขาไม่เพียงแต่ชี้นำทักษะการฝึกฝน เขายังบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางไปทั่วมหาทวีป เพื่อสอนให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับความแตกต่างของระดับพลัง และสิ่งที่ควรทำหรือสิ่งที่ไม่ควรทำ
แน่นอนว่าเด็กทุกคนเองก็เติบโตมาด้วยการได้ยินเรื่องเล่าการผจญภัยของชายผู้เป็นพ่อเด็กส่วนใหญ่มองว่าพ่อของพวกเขาคือวีรบุรุษและจอมยุทธ์ที่น่าเกรงขาม หลายๆครั้งเวลาที่เด็กๆถามถึงพ่อ พวกเขาก็จะดูรูปภาพพ่อของเขา โดยไม่รู้ตัวความรู้สึกคุ้นเคยก็ปรากฏในจิตใจ
ในช่วงเที่ยงวันชิงสุ่ยได้รับจดหมายจากใครบางคน และคนที่เอาจดหมายมาให้คือห่าวหยุนลิ่วลี่
”คนส่งจดหมายอยู่ที่ใด?”ชิงสุ่ยถามอย่างเร่งรีบทันทีที่เขาเปิดอ่านจดหมาย
”ผู้ส่งจดหมายกลับไปแล้วและคนส่งจดหมายก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา ผู้อาวุโสหวู่บอกว่า เมื่อเวลาใกล้เที่ยงมีคนแปลกหน้านำจดหมายมา และเจาะจงว่าจะต้องส่งให้ถึงมือเจ้า”ห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าว
ด้านบนจดหมายระบุอย่างชัดเจนว่า”จดหมายลับถึงชิงสุ่ย”
ภายในซองจดหมายปรากฏเพียงแค่ถ้อยคำสั้นๆง่ายๆ
”ถ้าหากอยากให้เฉินหวงมีชีวิตรอดก็จงมุ่งหน้ามาที่หุบเขาวิหคอัคคีสุริยัน แต่ถ้าหากเจ้าไม่มาภายใน 6 ชั่วโมง ข้าไม่รับประกันว่าชีวิตและร่างกายของนางจะยังคงอยู่”
��