Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1864 - ข้าเพียงต้องการกอดเจ้า
AST
บทที่1864 – ข้าเพียงต้องการกอดเจ้า
”ขอบคุณนะที่ช่วยข้า”เฉินเจินค่อยๆเปิดปากอย่างช้าๆหลังจากทุกอย่างเต็มไปด้วยความนิ่งเงียบ
”ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเราเป็นเพื่อนกันฉะนั้นอย่าพิธีการอีกเลย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉินเจินกล่าวขอบคุณชิงสุ่ยเธอเองยังคงคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความฝัน
”ต่อให้เราเป็นเพื่อนกันแล้วข้าก็ยังคงต้องกล่าวขอบคุณเจ้า นอกจากคำพูดที่ข้าพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้าจะตอบแทนเจ้าได้อย่างไร”เฉินเจินหัวเราะเบาๆ
”ถ้าเช่นนั้นก็คงต้องใจแลกใจแล้วล่ะ”ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะแม้คำพูดจะไม่ได้อธิบายความหมาย แต่เธอดูเหมือนจะเข้าใจความหมาย เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเขากำลังจะเสี่ยงให้ตัวเองโดนตบอีกครั้ง
คำพูดของชิงสุ่ยดูเหมือนจะเป็นคำพูดหยอกรอที่ใช้เป็นประจำแน่นอนว่าหญิงและชายเปรียบเสมือนแม่เหล็ก แต่ก็ยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน คือไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย หากมีความพอใจซึ่งกันและกันความรักก็จะบังเกิด แต่ถ้าไม่บอกให้ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ
การหาภรรยานั้นเป็นเรื่องง่ายแต่ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน หากโชคชะตาไม่ได้เขียนให้ทั้งคู่เกิดมาเป็นคู่รัก สุดท้ายความรู้สึกก็จะนำพาทั้งสองจบลงตรงคำว่าเพื่อน
”สาวน้อยอีกในไม่ช้า ข้าคงจะต้องจากไป”ชิงสุ่ยนิ่งเงียบก่อนจะกล่าว
นี่คงเป็นครั้งที่2 ที่ชิงสุ่ยเรียกเธอด้วยสรรพนามเช่นนั้น มันคือคำพูดที่จะพูดคุยกันได้ก็ต่อเมื่อสนิทใจกันแล้วเท่านั้น
เฉินเจินเริ่มสั่นไหวทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าเขากำลังพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันค่อนข้างสั้น ดูเหมือนเธอจะเริ่มชินกับการมีเขาอยู่ ในอดีตเธอเองก็เคยมีความสัมพันธ์กับชาย 2-3 คน แต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้เธอรู้สึกเช่นนี้ได้
เธอยังคงยืนมองชิงสุ่ยอย่างเงียบๆโดยที่ความคิดของเธอกำลังเลื่อนลอยไกลออกไป
แม้รู้ว่าชิงสุ่ยจะต้องจากไปแต่เวลามันช่างกระชั้นชิดเหลือเกิน เธอไม่รู้ว่าเธอควรตอบสนองสิ่งที่เกิดขึ้นโดยวิธีใดนอกจากยิ้มรับมัน “เจ้าเร่งรีบที่จะต้องไปหรือไม่?”
”ข้าสามารถอยู่ต่อได้นะถ้าหากเจ้าคิดถึงข้า”ชิงสุ่ยกล่าวล้อเล่นอีกครั้ง
”ข้าคิดถึงเจ้าแล้วทำไมเจ้ายังเลือกจะจากไปละ?”เฉินเจินกล่าวโดยตรง
ชิงสุ่ยตกตะลึงก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจ เขารู้ว่าเฉินเจินไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่มันเป็นเพราะเขากำลังจะจากไปจริงๆ
”เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอ?แล้วทำไมเพื่อนถึงไม่อยู่ด้วยกันล่ะ”
”มันมีความแตกต่างอยู่เจ้าเคยเห็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลาและตลอดไปหรือไม่?”
”แต่เจ้าสัญญาเช่นนั้นเอาไว้”เฉินเจินกล่าวอย่างหมดหนทางแววตาของชิงสุ่ยทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
”ในอนาคตข้าจะกลับมาหาเจ้า”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
”เจ้าจะต้องทำตามคำพูดของเจ้านะ”เฉินเจินกล่าวด้วยความดีใจ
เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงมีความสุขแต่คำพูดที่เขาบอกมันทำให้ขึ้นในใจของเธอที่เคยถาโถมกลายเป็นน้ำที่ไม่ไหวติง
”แน่นอนข้าจะต้องกลับมา แล้วเราจะได้พบกันใหม่!!”ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้า
รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นในขณะที่ชิงสุ่ยยืนนิ่ง เฉินเจินกลับเป็นฝ่ายเดินเข้าไปกอดเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่บางว่า “เจ้าอย่าคิดมากล่ะ นี่เป็นแค่การกอดก่อนการจากลาเท่านั้น”
ชิงสุ่ยค่อยๆโอบกอดเธออย่างช้าๆแน่นอนว่าเขารู้ดีว่าเธอไม่ได้ต้องการที่จะทำอะไรเกินเลยกว่านั้น แต่ในใจของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกกระสับกระส่าย บางทีเธอคงไม่เข้าใจการกระทำของตัวเอง
เฉินเจินก็ค่อยๆเอามือโอบกอดรอบคอชิงสุ่ยทั้งสองจะคงกอดกันท่ามกลางความสงบนิ่งและกลิ่นหอมจางๆ รูปร่างที่เพรียวบางและหน้าอกที่กระปรี้กระเปร่าทำให้ชิงสุ่ยเริ่มสั่นไหว
ร่างกายของชิงสุ่ยตอบสนองต่อความรู้สึกครั้งแรกก็ตอนที่สอนให้เธอร่ายรำกระบี่ ครั้งนี้เขาพยายามหลีกเลี่ยงสุดชีวิตที่จะสัมผัสร่างกายของเธอ แต่เนื่องจากเธอกอดเขาแน่นมากจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ต่อไป สิ่งเล็กๆที่อยู่ใต้ขาของเขาค่อยๆขยายร่าง สัมผัสกับบริเวณจุดซ่อนเร้นส่วนล่างของเธออย่างช้าๆ
เฉินเจินร่างกายสั่นไหวอย่างต่อเนื่องเธอเงยหน้ามองชิงสุ่ยพร้อมใบหน้าที่ดูซีดจาง ในขณะที่ชิงสุ่ยพยายามจะก้าวถอยหลังทีละก้าว เฉินเจินก็ถอยหลังกลับและปล่อยชิงสุ่ยออกจากอ้อมแขน
”เจ้ามันคนลามกจริงๆ”เฉินเจินมองส่วนล่างที่ยืดขยาย
”แม่นางสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าหากผู้หญิงอย่างเจ้าสามารถทำให้ข้าไม่มีความรู้สึกได้ ผู้คนบนโลกนี้ก็คงจะสูญพันธุ์”ชิงสุ่ยเผยให้เห็นรอยยิ้มอันแสนขมขืน
”สิ่งเหล่านี้คงทำให้ชีวิตของเจ้ายุ่งเหยิงน่าดู”