Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1881 - ความคลาดเคลื่อน ความพ่ายแพ้ ตัดแขนออกข้างหนึ่ง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1881 - ความคลาดเคลื่อน ความพ่ายแพ้ ตัดแขนออกข้างหนึ่ง
ชิงสุ่ยตกใจในสิ่งที่เห็นผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่มีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ หากพลังวิญญาณมังกรหยางของชิงสุ่ยพัฒนาช้ากว่านี้ก้าวเดียว วิญญาณของเขาคงต้องเผชิญหน้ากับการแตกสลาย และจบด้วยการสูญเสียพลังทั้งหมดไป
แต่โชคดีที่พลังของเขาปัจจุบันเหมือนได้ทะยานขึ้นสู่สวรรค์ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ดุดันจากชายชรา ชิงสุ่ยก็สามารถต่อกรได้ง่ายๆเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ฝ่ามือกระชากมังกร!!
ชิงสุ่ยใช้ง้าวทองทะลวงศัตรูผสานร่วมกับฝ่ามือกระชากมังกรก่อให้เกิดมังกรทองคำขนาดมหึมาพุ่งตรงไปที่ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ นี่คือการเผชิญหน้าระหว่างพลังปราณจิตและวิญญาณมังกรเก้าหยาง ดังนั้นแรงทำลายล้างที่เกิดขึ้นจึงรุนแรงยิ่งกว่าการโจมตีพลังปราณจิตทั่วไปหลายสิบเท่า
ทันทีที่พลังทั้งสองปะทะกันแสงสีขาวและแสงสีทองผสานรวมกันก่อให้เกิดทัศนียภาพแห่งแสงอันเต็มไปด้วยสีสันมากมาย
ทันทีที่พลังวิญญาณมังกรเก้าหยางกลืนกินแสงสีขาวชิงสุ่ยก็หยุดการกระทำชั่วคราว เบื้องหน้าของชิงสุ่ย คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนคนนี้จะเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส
แสงที่เปล่งประกายค่อยๆดับสลายไปอย่างช้าๆชิงสุ่ยยืนจ้องมองผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ที่อยู่ห่างออกไป ริมฝีปากของชายชราปรากฏให้เห็นรอยเลือดเล็กน้อยพร้อมใบหน้าอันซีดเซียวซึ่งเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าชายชราได้รับบาดเจ็บ เขามองดูชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ไม่คาดฝัน เขาไม่อาจจะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้
ชายชราเป็นคนที่ไม่เคยทำอะไรล้มเหลวและคู่ต่อสู้ที่เขาต้องเผชิญยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อย เขาระเบิดพลังเข้าโจมตีศัตรูแต่กลับรู้สึกอย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่พลังที่แท้จริงของศัตรู
ปีศาจมันจะต้องเป็นปีศาจ เด็กอัจฉริยะคนนี้คือคนที่ทุกคนไม่เคยกล่าวถึง
ภายในมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์เต็มไปด้วยเด็กหนุ่มอัจฉริยะมากมายแต่เมื่ออยู่ภายในสายตาของผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ เหล่าบุคคลอัจฉริยะที่อบรมเลี้ยงดูโดยมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์เป็นเพียงแค่ความว่างเปล่าไม่อยู่ในสายตาผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่
”สำนึกได้หรือยัง”ชิงสุ่ยยิ้ม ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้ใช้แม้แต่กระทั่งพลังปราณจักรพรรดิหรือทักษะปลิดชีพสังหาร เพราะเขารู้ดีว่าเขายังคงได้รับชัยชนะอยู่วันยังค่ำ
”อืม!!”
หลังจากยืนสงบนิ่งได้ชั่วคราวผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ก็ตอบกลับด้วยเสียงฮัมเบาๆ มันคือการกระทำที่ถูกบีบบังคับให้ต้องยอมรับความจริง เขาค่อยๆเงยหน้ากล่าวถามชิงสุ่ยว่า “ทำไมเจ้าถึงไว้ชีวิตข้า?” หากเป็นสถานการณ์ปกติเขามั่นใจว่าตัวของเขาเองจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออาจตายไปจากการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ผลที่เกิดขึ้นกับกลายเป็นเขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเหมือนกับชายหนุ่มที่ออกไปเผชิญตอนหน้าก่อนหน้า
”ข้าไม่เคยลงมือฆ่าใครโดยไม่จำเป็นและข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าเป็นคนที่สมควรถูกฆ่า”ชิงสุ่ยตอบตามตรง
”ข้ารู้ว่าข้าทำผิดไปแล้วข้าคงไม่อัดเรียนเชิญคุณชายชิงได้อีก ว่าแต่เจ้าพอจะปล่อยให้พวกเรากลับไปได้หรือไม่?”ผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่เหลือบมองชิงสุ่ยด้วยสายตาสิ้นหวัง
”แน่นอนแต่ทว่า การจะปล่อยให้กลับไปง่ายๆก็คงเป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าไม่สมควรที่จะมายุ่งเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ตัดแขนข้างหนึ่งทิ้งเอาไว้แล้วจากไป นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุด”ชิงสุ่ยชี้ไปยังชายหนุ่มคนแรกที่ต้องการสังหารเขา
”เจ้าเจ้า……..”ข้อมือของเขาแหลกเป็นเนื้อบด แต่ก็ยังดีกว่าต้องพิการทางแขน ฉะนั้นร่างกายของเขาจึงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อหนาวเหน็บ ดวงตาของเขาเหลือบมองชิงสุ่ยด้วยความหวาดกลัวถึงกับพูดไม่ออก
”ข้าจะให้เวลา3 ลมหายใจ หากเจ้ายังไม่ทำ ข้าจะเป็นผู้ทำให้และไม่รับประกันว่าแขนของเจ้าหรือชีวิตของเจ้าจะดับสูญ”ชิงสุ่ยต้องมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาเย็นยะเยือก ชิงสุ่ยรังเกียจคนที่แสดงความยินดียะโสแล้วยังไม่เจียมตัว นี่คือบทเรียนอันลึกซึ้งเพื่อเตือนให้คนผู้นั้นได้รับรู้
ชิงสุ่ยยังคงนิ่งเงียบเฝ้ามองดูภาพผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ชักกระบี่ออกจากฝักอย่างช้าๆ
อร๊ากกกกก!!
เสียงกรีดร้องอัดเจ็บปวดพร้อมกับแขนที่หลุดออกจากบ่าค่อยๆตกกระแทกพื้น
”พวกเจ้าไปได้แล้วก็เอาแขนของชายหนุ่มผู้นั้นกลับไปด้วย”
การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้สมาชิกที่อยู่ในหอคอยจักรพรรดิได้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งที่ชิงสุ่ยครอบครองในตอนแรกทุกคนต่างพยายามฝึกฝนกินเวลาหลายปีจนคิดว่าตัวเองลดระยะช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขากับชิงสุ่ยได้
แต่ผลสุดท้ายพวกเขาก็ไม่อาจจินตนาการวันที่พวกเขายืนอยู่ในระดับเดียวกับชิงสุ่ยได้อีกแต่อย่างน้อยทุกคนก็ยังมีความสุขที่ได้เห็นความก้าวหน้าของชิงสุ่ย พวกเขาใช้ความต่างที่เกิดขึ้นเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองต้องฝึกฝน กลั้นลมหายใจสาบานว่าจะฝึกฝนให้หนักกว่าเดิม ง
ถานท่ายหลิงเยียนคือคนหนึ่งที่มีโอกาสทัดเทียมกับชิงสุ่ยแต่เธอก็ยังไม่สามารถวัดพลังที่แท้จริงของชิงสุ่ยได้ สิ่งที่เธอรู้คือพลังที่ชิงสุ่ยได้แสดงออกมาไม่อาจเทียบกับทางที่แท้จริงได้
ชิงสุ่ยเดินตรงไปจับมือถานท่ายหลิงเยียนก่อนจะเดินกลับเข้าไปภายในห้องโถงหอคอยจักรพรรดิบุคลิกของชิงสุ่ยเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเขาและความคิดเริ่มดูชัดเจนเป็นผู้ใหญ่
”ชิงสุ่ยวันนี้เจ้าเอาชนะผู้อาวุโสเจี้ยนหนู่ แต่ในวันหน้าพวกเขาจะต้องส่งคนที่แข็งแกร่งกว่ามาหาเจ้าอีก”หยินต่งเริ่มต้นบทสนทนา
”ปล่อยให้พวกมันมาเออ จริงสิ ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าพวกมันต้องการให้ข้าไปรักษาใคร?”ชิงสุ่ยเริ่มถามคำถาม
”ข้าเองก็ไม่แน่ใจนักแต่ดูเหมือนคนที่พวกมันต้องการให้เจ้ารักษาอาจจะเป็นหนึ่งในผู้นำจักรวรรดิ” หยิงต่งส่ายหน้า
”หืมผู้นำจักรวรรดิ ผู้นำที่สามารถเขียนกฎของจักรวรรดิ และเป็นผู้นำของกองทหารแห่งจักรวรรดิอันเกรียงไกร มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่ง ฉะนั้นผู้นำคนนี้คงจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่”ชิงสุ่ยเผยรอยยิ้มหลังจากคบคิดอะไรบางอย่าง
��