Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1888 - สกุลตงฟ่าง
”ตงฟ่าง?เจ้ากลายเป็นผู้นำเทวะแห่งมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ได้อย่างไร?” หลัว ชิงเฉิงถามด้วยสีหน้าจริงจัง
หญิงสาวคนนี้มีนามสกุล2 พยางค์คือตงฟ่าง อย่างไรก็ตามเธอยังไม่ได้เผยชื่อจริง ดังนั้นสาวๆทั้งหลายมักจะเรียกเธอด้วยนามสกุล
ตงฟางคือยอดยุทธที่น่าเกรงขามในโลกใบก่อนของชิงสุ่ยก็มีคนที่มีลักษณะเช่นนี้ ในโลกไปก่อนเธอเป็นเหมือนดารานักแสดงภาพยนตร์ ที่ปรากฏตัวพร้อมกับสร้างเสียงฮือฮาให้กับคนหมู่มาก ซึ่งในโลกนี้ความงามของเธอก็อยู่เหนือคำบรรยาย มันเป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่หาไม่ต่างกัน
จากบรรดาหญิงสาวทุกคนที่ชิงสุ่ยเคยพบเจอหญิงสาวคนนี้คงจะมีภาพลักษณ์ตัวตนที่แปลกที่สุด เธอเป็นคนที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเป็นคนที่มีจิตวิญญาณผู้กล้าสูง แต่ความเห็นอกเห็นใจของเธอไม่ได้เหมือนกับชางห่ายหมิงเยวี่ย มันเป็นความรู้สึกที่ชิงสุ่ยก็อธิบายไม่ได้ ความงดงามของเธอเกิดขึ้นจากผลผลิตของอารมณ์ อารมณ์ที่อยู่ในร่างกายซึ่งได้รับการผสมผสานกันอย่างลงตัว
”เจ้าอาจจะไม่เชื่อข้าแต่สิ่งที่ข้าจะบอกมันคือความจริง ตัวข้านั้นตั้งใจจะหยุดมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ แต่เนื่องจากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ในตอนนั้นพวกเขาสังเกตเห็นว่าข้ามีความแข็งแกร่งเหมาะสม ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ข้ากลายมาเป็นหนึ่งในผู้นำของพวกเขา แน่นอนว่าต่อให้พวกเจ้าเป็นข้า ถึงเวลานั้นพวกเจ้าก็ปฏิเสธไม่ได้ ข้าจึงตัดสินใจดำรงตำแหน่งแต่เพียงชั่วคราว”หญิงสาวคนนี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
”ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเราจะไม่เชื่อ?ข้าเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูด”หลัวชิงเฉิงกล่าวพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวคนนั้นตกตะลึงขณะมองหลัวชิงเฉิงและหญิงสาวคนอื่นๆก่อนจะหันไปมองชิงสุ่ย”เจ้าเชื่อในสิ่งที่ข้าพูดหรือไม่?” ”ไม่สำคัญหรอกว่าข้าจะเชื่อหรือไม่ที่จริงแล้วการที่จะออกเป็นใครมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเช่นกัน”ชิงสุ่ยกล่าวตอบ
เขาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเธอด้วยคําพูดแต่สิ่งที่เขาพยายามจะบอกคือไม่ว่าเธอจะเป็นใคร ไม่ว่าเธอจะพูดโกหกอะไร คนที่อยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านั้นเลย
แน่นอนว่าในเมื่อหญิงสาวที่กำลังพูดคุยกับทุกคนเป็นคนที่ฉลาดเธอจึงตีความหมายในคำพูดของชิงสุ่ยได้อย่างง่ายดาบ เธอนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดที่ชิงสุ่ยกล่าวในเรื่องความจริงใจ ก่อนที่เขาจะพยายามจากไป เธอจำเป็นต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ มิฉะนั้นเธอจะคุ้นเคยกับความจริงใจของผู้อื่นได้อย่างไร?
และเนื่องจากแต่ละคนไม่ได้รู้จักกันเลยชายที่อยู่เบื้องหน้าก็ไม่ได้มีภาระผูกพันอะไรกับเธอ มันจึงมีเหตุผลใดที่จะทำให้เขายอมรักษาอาการบาดเจ็บของเธอ?
ทุกคนร่วมรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยอาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในชีวิตของหญิงสาวโฉมงามตราบเท่าที่เคยกินมา ยิ่งเธอรู้ว่าคนที่ทำอาหารคือชิงสุ่ย เธอถึงกับตกใจ เมื่อเธอเป็นถึงระดับผู้นำของจักรวรรดิ อาหารที่รสชาติดีขนาดนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะปรุงได้
จริงๆแล้วในหอคอยจักรพรรดิก็มีพ่อครัวคอยทำอาหารแต่เหตุผลที่ทำให้ชิงสุ่ยต้องลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง ก็เพราะเขามีความลังเลที่จะให้ผู้อื่นทำอาหารต้อนรับแขก และตัวของเขาเองไม่ชอบการทำอาหารใหม่ๆ ใส่เครื่องปรุงใหม่ๆ ใส่ส่วนผสมใหม่ๆให้ได้รสชาติสัมผัสที่อร่อยกว่าเดิม
เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเสร็จสิ้นหญิงสาวคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวคำอำลาพร้อมจะจากไป
ตั้งแต่ต้นจนจบเธอไม่เคยเอ่ยถึงอาการเจ็บปวดที่ต้องการให้รักษาเลยแม้แต่คำเดียว ชิงสุ่ยเป็นคนอาสาเดินไปส่งเธอช่วยตัวเอง ซึ่งตลอดเวลาที่เขาสังเกต หญิงสาวผู้นี้เหมือนจะไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของตนอีกแล้ว และไม่มีความคิดที่จะขอความช่วยเหลือจากเขา
”เอาล่ะสหายสุ่ย เจ้าส่งข้าแค่นี้ก็พอ”หญิงสาวผู้นั้นกล่าวกับชิงสุ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
เธอรู้จักชื่อของชิงสุ่ยและเป็นครั้งแรกที่เรียกชื่อของเขาอย่างเป็นมิตร ชิงสุ่ยค่อนข้างประหลาดใจแต่ก็รู้สึกถึงความพิเศษ มันเป็นความรู้สึกชวนให้นึกถึงคำที่ไม่อาจอธิบายได้ คล้ายๆกับคำพูดที่คนต้องการให้ผู้อื่นเรียก
”สหายสุ่ยมีอะไรผิดปกติเหรอ?”หญิงสาวผู้นั้นจ้องมองชิงสุ่ยที่กำลังมองดูเธอด้วยตาไม่กระพริบ เธอจึงพยายามเรียกสติชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่งก่อนที่เขาจะฟื้นคืนสติจากนั้นก็ลูบจมูกและส่ายหน้า “ตัวข้าที่ไม่ยอมรับการรักษาให้กับเจ้า เจ้าโกรธและคิดจะฆ่าข้าบ้างหรือไม่?”
”ผู้เป็นหมอไม่ได้ถูกพันธนาการที่จะต้องช่วยเหลือผู้ป่วยทุกคนทำไมข้าถึงต้องโทษเจ้าด้วย ก่อนหน้านี้ข้าก็เพิ่งได้เพลิดเพลินกับอาหารแสนล้ำเลิศที่สุดในชีวิตของข้า หากนับอาหารมื้อนี้ ความรู้สึกเสียใจที่ข้ามีมันก็ได้ลดลงอีกนิดนึงแล้ว ข้าควรจะขอบคุณสหายสุ่ยแทนต่างหาก”
หญิงสาวเริ่มเรียกชื่อชิงสุ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ
”เจ้ายอมเรียกข้าว่าสหายทั้งๆที่ข้าปฏิเสธการรักษาเจ้า แลดูข้าจะเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยม”ชิงสุ่ยมองดูหญิงสาว ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ที่จริงแล้วหญิงสาวคนนี้มีอายุน้อยกว่าชิงสุ่ยไม่มากนักหากอยู่ในโลกใบก่อน ชิงสุ่ยก็คือชายวัยกลางคน แต่เมื่ออยู่ในโลกใบนี้ เขาเทียบได้กับหนุ่มวัยรุ่น และคำพูดที่เธอใช้เรียกชิงสุ่ยก็เป็นการเรียกแบบเพื่อนเรียกเพื่อน
”ช่างน่าเสียดายที่ค่าไม่มีสิ่งใดสามารถมอบให้เจ้าได้ แม้แต่ความจริงใจ ข้าเองก็ไม่รู้จะมอบให้กับเจ้าอย่างไร”หญิงสาวคนนั้นกล่าวพร้อมกับรอย
”ข้ารับรู้ถึงความจริงใจที่จะมอบให้กับข้าแล้วฉะนั้น ข้าก็สามารถรักษาเจ้าได้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน”ชิงสุ่ยกล่าว
”จริงเหรอ?”หญิงสาวมองดูด้วยสายตาที่อธิบายถึงคำว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
”แน่นอนข้าไม่มีเหตุผลอันใดจะต้องโกหกเจ้า ไปที่ที่สะอาดกันเถอะ เดี๋ยวข้าจะรักษาพิษให้กับเจ้าเอง” ชิงสุ่ยขวามือของเธอจากนั้นก็เริ่มโคจรทักษะย่าง 9 ก้าวเทวา
สถานที่แห่งนี้เป็นเกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ภายในแดนทะเลเหนือมันเป็นเกาะที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลไร้พรมแดน ขนาดของเกาะแห่งนี้มีความกว้างประมาณ 100 ตารางกิโลเมตร บนเกาะเต็มไปด้วยภูเขา หิน น้ำและป่าสีเขียว ลมทะเลที่วัดผ่านส่งกลิ่นหอมเหมาะสมสำหรับการพักผ่อนและเฝ้าดูท้องทะเล
ภายในเขตแดนทะเลเหนือเต็มไปด้วยเกาะเล็กๆมากมาย ซึ่งเกาะที่ชิงสุ่ยเลือกไม่ได้มีอาณาเขตแนวโน้มว่าจะใกล้ชายฝั่ง ดังนั้นมันจึงกลายเป็นเกาะที่มีผู้คนเพียงแค่หยิบมือ ชิงสุ่ยและหญิงสาวยืนอยู่บนยอดเขาโดยที่ใต้เท้าของทั้งสองเป็นไปด้วยความเรียบเหมือนกระจก พร้อมรับคลื่นลมหนาวจากทะเล