Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1919 - ราชาครึ่งภูผาตระกูลหลิน องค์จักรพรรดิคลั่ง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1919 - ราชาครึ่งภูผาตระกูลหลิน องค์จักรพรรดิคลั่ง
หลังจากคนอื่นๆทยอยกลับไปชิงสุ่ยก็พาทุกคนกลับเข้าไปในหอคอยจักรพรรดิ ตอนนี้ทุกคนมีกำลังใจที่ดีมาก เพราะเห็นแล้วว่าชิงสุ่ยสามารถรับมือกับศัตรูได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาเองก็รู้สึกเสียใจที่ได้แต่ยืนดูโดยช่วยอะไรไม่ได้
ชิงสุ่ยรับรู้ถึงความคิดของคนอื่นจึงแกล้งถามไปว่า”มันมีอะไรผิดแปลกเหรอ? หรือว่าพวกเจ้าไม่มีความสุขที่พวกเราขับไล่มันไปได้?”
”ชิงสุ่ยพวกเราช่วยอะไรเจ้าไม่ได้เลย พวกเราไร้ประโยชน์ใช่หรือไม่?”เหลียนหลิงเฟิงกล่าวด้วยคำพูดที่ดูเศร้าหมอง
คนอื่นได้แต่ยืนเงียบและจ้องมองดูชิงสุ่ยคำพูดของเหลียนหลิงเฟิงเปรียบเสมือนตัวแทนคำพูดของพวกเขา ท้ายที่สุดชิงสุ่ยก็กลายเป็นคนเดียวที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมดเอาไว้
”เจ้าคิดมากเกินไปแล้วพวกเราแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน เจ้าเองก็เป็นผู้สืบทอดของเทพสงคราม หากได้ฝึกฝนมากขึ้น ในอนาคต พวกเจ้าบางคนก็อาจจะเอาชนะข้าได้ เพียงแค่ตอนนี้ข้าโชคดีมีพลังและแข็งแรงก็เท่านั้นเอง”ชิงสุ่ยกล่าวให้กำลังใจ
”ข้าจะพยายามฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่ข้าจะได้มายืนอยู่เคียงข้างเจ้าให้เร็วที่สุด”ดวงตาของเหลียนหลิงเฟิงถูกเติมเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับความหวังใหม่อีกครั้ง
”เรื่องนั้นจะต้องเกิดขึ้นกับเจ้าอย่างแน่นอนเพียงแต่เจ้าต้องใช้เวลา”ชิงสุ่ยตบไหล่พร้อมกับรอยยิ้ม
”น้องสาวตงฟ่างเรื่องเกี่ยวกับมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ เจ้าพอจะรู้เรื่องของผู้นำหมาป่าอมตะ องค์ชายน้อย และผู้นำคนที่ 3 บ้างหรือไม่?”ชิงสุ่ยพาคนทั้งหมดเดินตรงสู่ห้องรับแขกของหอคอยจักรพรรดิ ตงฟ่างจือซิ่วจ้องมองกลับมาที่ชิงสุ่ย เธอรู้ดีว่าชิงสุ่ยนั้นมีอายุน้อยกว่าเธอ แต่เธอก็ชอบคำพูดที่เขาพยายามแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่กว่า เธอจึงแทนเขาว่าพี่ใหญ่ชิงสุ่ย และเขาก็เลยแทนการเรียกเธอว่าน้องสาวตงฟ่าง
”ข้าเคยพบเจอองค์จักรพรรดิอยู่ครั้งหนึ่งเขาคือผู้นำที่แท้จริงของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ ลักษณะของเขาคล้ายกับชายวัยกลางคน ที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในกิจการของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ ส่วนหน้าที่ในการรับผิดชอบจะเป็นขององค์จักรพรรดิคลั่ง อย่างไรก็ตามเขามีร่างกายที่แข็งแกร่งมากแต่มีจิตใจที่อ่อนโยน ส่วนทั้งสามคนนั้นที่เราพูดถึงคือคนที่โดดเด่นที่สุด ซึ่งมีอยู่คนหนึ่งเป็นลูกชายของท่านองค์จักรพรรดิ เขาเป็นชายที่มีความเฉลียวฉลาดและมีพรสวรรค์ เป็นที่รักขององค์จักรพรรดิมาก คนคนนั้นก็คือองค์ชายน้อย”
ตงฟ่างจือซิ่วหยุดชั่วครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อไปว่า”มกุฎราชกุมารคืออีกหนึ่งคนที่อยู่นอกเหนือจากองค์ชายน้อย เขาควรจะเป็นคนสืบทอดมงกุฎจากท่านองค์จักรพรรดิ แต่องค์ชายน้อยก็กลายมาเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ของเขา ส่วนผู้นำหมาป่าอมตะ คือพ่อตาของท่านมกุฎราชกุมาร”
ชิงสุ่ยมีคำถามบางอย่างจะถามแต่เขาก็ต้องปิดปากเพราะรู้ว่าเธอยังกล่าวไม่จบ
”นอกจากนี้ยังมีบางคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลราชวงศ์ราชาครึ่งภูผา เขาคือผู้ครอบครองครึ่งหนึ่งของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ ซึ่งมาจากตระกูลหลิน ในตอนนี้ท่านองค์จักรพรรดิอาจจะยังดูปกติ ทำตัวเหมือนสบายดี แต่ขาข้างหนึ่งของท่านกำลังก้าวลงหลุม เขาอาจจะมีชีวิตอยู่อีกได้ไม่ถึง 10 ปี ผู้คนบางส่วนจึงวางแผนลงมือกระทำการบางอย่างตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน”
ชิงสุ่ยขมวดคิ้ว”ใครคือองค์จักรพรรดิคลั่ง?”
ตงฟ่างจือซิ่วไม่แปลกใจที่ได้ยินคำถามนี้”องค์จักรพรรดิคลั่งไม่ได้มาจากตระกูลราชวงศ์ เขาคือผู้ติดตามของท่านองค์จักรพรรดิ และติดตามท่านองค์จักรพรรดิมายาวนานมากกว่า 100 ปี ซึ่งเขาไม่ถูกช่วยเหลือโดยองค์จักรพรรดิ ชายคนนี้มีร่างกายที่กับยำ แม้ว่าจะมีไหวพริบที่น้อย แต่เขาก็ทุ่มเทอุทิศตนเองคอยรับใช้องค์จักรพรรดิโดยไม่เคยคิดเปลี่ยนใจ”
”แล้วคนที่มีไหวพริบน้อยแบบนี้มีส่วนในการตัดสินใจได้อย่างไร?”ชิงสุ่ยได้แต่สงสัย
”การตัดสินใจทั้งหมดจึงตกมาเป็นกลุ่มคนที่อยู่ระดับล่างกว่านั่นคือขุมกำลังทั้ง 3″
ชิงสุ่ยพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว”ในเมื่อองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ใครจะได้มงกุฎจักรพรรดิไปครอง? ใครจะกลายมาเป็นองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งมหาจักรพรรดิ์ราชันย์ปราชญ์?”นี่คือสิ่งที่เขาอยากรู้
”แม้ว่าราชาครึ่งภูเขาจะไม่ได้ของอีกครึ่งหนึ่งของมหาจักรพรรดิ์ราชันย์ปราชญ์เขาอาจจะยังเกรงกลัวจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แต่ความแข็งแกร่งของเขาเป็นของจริง ส่วนผู้นำหมาป่าอมตะและมกุฎราชกุมารก็เป็นอีกกลุ่มคนนึงที่อยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบ พวกเขาเป็นญาติสนิทของราชวงศ์ โดยเฉพาะมกุฎราชกุมารที่เปรียบเสมือนทายาทคนสำคัญ อย่างไรก็ตาม องค์มกุฎราชกุมารเป็นคนที่โหดเหี้ยม แม้จะดูมีความสง่างามและยึดมั่น แต่เขาก็เป็นคนที่ชอบหลอกลวง เลวร้าย บ้าคลั่ง ชายคนนี้ผ่านการทำชั่วมานับครั้งไม่ถ้วน และไม่มีใครกล้าหยุดชายคนนี้”
”ช่างน่าสนใจจริงๆดูเหมือนว่าสงครามภายในจะเกิดขึ้นทุกย่อมหญ้าจนกลายเป็นเรื่องปกติ”
หลังจากได้ฟังคำพูดของชิงสุ่ยตงฟ่างจือซิ่วก็กล่าวเพิ่มเติมว่า “ส่วนองค์ชายน้อย คือบุตรคนสุดท้องของท่านองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นคนที่ได้รับคะแนนความนิยมมากที่สุดจากหมู่ประชาชน สิ่งสำคัญที่สุดคือเขามีความแข็งแกร่งที่เหมือนกับผู้สืบทอดราชวงศ์คนอื่นๆ เขามีผู้ติดตามที่ทรงพลังจำนวนมาก เขาจึงเป็นความคาดหวังที่ดีของมวลชน และกลายเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดขององค์มกุฎราชกุมาร”
”ผู้สืบทอดราชวงศ์น่าสนใจมากๆเลย”
ชิงสุ่ยรู้ว่าผู้สืบทอดราชวงศ์นั้นคือคนที่เกิดมาเพื่อเป็นจักรพรรดิและโอกาสที่จะเกิดผู้สืบทอดราชวงศ์มีน้อยมาก โดยจะเกิดขึ้นกับราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่เกินขนาดของฟ้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเหล่าผู้นำของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ องค์ชายน้อยน่าจะเป็นคนที่น่าสนใจมากที่สุด แล้วก็เป็นคนที่ดูจากการยากมากที่สุด เขาคงจะไม่ใช่คนธรรมดาเพราะสามารถทำให้เฉินหยวนและคนอื่นๆยอมติดตามด้วยความเต็มใจ ทันใดนั้นคำถามนึงก็ผุดขึ้นในจิตใจของชิงสุ่ย “องค์ชายน้อย เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือยัง?”
ตงฟ่างจือซิ่วกรอกสายตาไปมาก่อนจะกล่าวว่า”เจ้าคิดว่าทุกคนเป็นเด็กเหมือนเจ้าอย่างนั้นเหรอ? ถึงแม้ว่าจะเรียกว่าองค์ชายน้อย แต่เขาก็มีอายุครบ 130 ปีแล้ว”
”อะไรกันน้องสาวตงฟ่างข้าเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้วเหมือนกันนะ”ชิงสุ่ยจ้องมองตงฟ่างจือซิ่วด้วยสายตาจริงจัง
เหลียนหลิงเฟิงมองดูชิงสุ่ยด้วยสายตาชื่นชมเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ชายเจ้าชู้ แต่เมื่อเทียบกับชิงสุ่ยแล้ว เขาเป็นเหมือนมดตัวเล็กๆที่กำลังมองดูพญายักษ์ เขาไม่แม้แต่จะมีความกล้าเรียกผู้นำเทวะตงฟ่างว่าน้องสาว เขาทำได้เพียงแค่แสดงตัวตนอันแสนดี ไม่ต่างจากคนปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ
ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เหลียนหลิงเฟิงจะกระทำการเช่นนั้นพลังที่ตงฟ่างจือซิ่วปลดปล่อยออกมา มันสร้างแรงกดดันให้กับคนอื่นโดยที่ไม่รู้ตัว หลายคนถึงกับหวาดกลัวไม่กล้ามอง
ตอนนี้การหลีกเลี่ยงของชิงสุ่ยอาจจะทำให้ทุกคนปลอดภัยชั่วคราวแต่สุดท้ายเขาก็คงต้องเลือก การเลือกระหว่าง 3 ขุมกำลัง และเมื่อเข้าร่วม 1 ใน 3 คงกำลัง เขาก็จะกลายเป็นผู้ต่อสู้ของอีก 2 ขุมกำลังทันที ยิ่งกว่านั้นชิงสุ่ยเองก็จำเป็นต้องขยายความแข็งแกร่งของเขาโดยอาศัยการตีสนิทกับผู้ที่ทรงพลังกว่า ดังนั้นเขาจึงเริ่มวางแผนที่จะช่วยเหลือ 1 ใน 3 ขุมกำลัง
คำถามอีกหนึ่งคำถามที่อยู่ในใจของเขาคือเขาไม่รู้ว่าเขาจะตัดสินใจเข้าร่วมขุมกำลังใด นอกจากนี้ กลุ่มพระราชวังหมากรุกสวรรค์อมตะ และกลุ่มพระราชวังอมตะเบญจพิษจะต้องมาตามหาเขาในไม่ช้า ส่วนอีกด้านหนึ่ง ชิงสุ่ยก็คาดเดาสถานการณ์ความโกลาหลที่กำลังจะเกิดขึ้นในมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ อีกไม่นานมันจะต้องเกิดความขัดแย้งภายใน ความขัดแย้งที่ไม่มีใครแก้ไขได้