Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1932 – จงทำดีต่อผู้อื่น
ผู้อาวุโสเป็นคนตรงไปตรงมาเขาจากไปทันทีที่กล่าวจบ โดยไม่สนใจและไม่กังวลเลยว่าชิงสุ่ยจะเล่นแง้เอาแต่ผลประโยชน์โดยไม่ทำอะไร
ซึ่งจริงๆแล้วชิงสุ่ยก็รู้ดีว่าดวงตาของชายชราก็มีความพิเศษเขาเลยรู้ว่าชิงสุ่ยไม่ใช่คนแบบนั้น เขาจึงกล้าเสี่ยงที่จะทำ เพื่อช่วยเหลือองค์ชายสิบสาม
องค์ชายสิบสามเกิดมาพร้อมกับชีวิตที่สุขสบายดุจจักรพรรดิ แต่ที่สำคัญกว่าคือเขาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ครอบครองมรดกเทพสงคราม
”องค์ชายสิบสาม!!”ชิงสุ่ยจ้องมองไปยังชายที่อยู่เบื้องหน้า
”ท่านอาจารย์มีอะไรที่ท่านอยากให้ค่าทำเป็นพิเศษหรือไม่?”องค์ชายสิบสามกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ”เนื่องจากอายุของท่านนั้นมากกว่าข้ามันคงจะดีกว่าถ้าหากเราเรียกแทนกันแบบมิตรสหาย”ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เขาจ้องมองชายหนุ่มและรับรู้ได้ถึงความคล้ายคลึงกับองค์จักรพรรดิคลั่ง
”มันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะได้เรียนรู้ก่อนกันในเมื่อท่านยอมรับข้าเป็นศิษย์ ข้าก็จะขอเรียกท่านว่าอาจารย์ และข้าจะไม่มีวันกลับคำพูดของข้า ผู้คนบนโลกบางคนอายุยังน้อยแต่ก็แข็งแกร่งกว่าผู้อื่น รวมทั้งแกร่งกว่าข้า และข้าก็ยอมรับความจริงข้อนี้ ท่านอาจารย์ ได้โปรดอย่ากังวลในเรื่องเหล่านี้อีกเลย”องค์ชายสิบสามกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ชิงสุ่ยถึงกับพูดไม่ออกที่จริงแล้วทั้งสองคนก็เป็นถึงผู้สืบทอดมรดกแห่งเทพสงครามด้วยกัน การที่จะเรียกว่าสหายก็คงจะดีกว่าเหมือนที่เขาทำกับ เหลียนหลิงเฟิงและหยินต้ง แต่ดูเหมือนว่าองค์ชายสิบสามจะยึดมั่นในคำพูดและไม่ยอมเปลี่ยนแปลง บางทีเขาอาจจะเป็นคนดื้อรั้นก็เป็นได้ อันที่จริงแล้วองค์ชายสิบสามก็ไม่ใช่คนโง่ กลับกันเลยก็ยิ่งกว่า เขาเป็นคนที่ฉลาดมากและรู้ได้ทันทีว่าทำไมปู่ของเขาถึงได้ทำเช่นนี้ ในเมื่อปู่ของเขาเน้นย้ำให้เขาปฏิบัติตัวต่อชิงสุ่ยเยี่ยงบิดาและอาจารยฺ ทั้งยังยอมมอบของขวัญล้ำค่าที่สุดให้ แสดงว่าชายคนนี้จะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในสายตาปูของเขาอย่างแน่นอน
”เอาล่ะเรื่องการเรียกชื่อก็ปล่อยให้ท่านตัดสินใจแล้วกัน แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกได้เลยว่าท่านเองก็เป็นผู้สืบทอดมรดกแห่งเทพสงคราม ท่านก็คงรู้สึกได้เช่นกันใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว
องค์ชายสิบสามจ้องมองชิงสุ่ยด้วยความประหลาดใจก่อนที่เขาจะหันไปมองเหลียนหลิงเฟิง หยินต้ง มูหยุนชิงเก้อและฉินชิง ที่กำลังเดินผ่าน ก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจสั้นๆ “โห พวกท่านก็เป็นผู้สืบทอดมรดกเทพสงครามด้วย สุดยอดมาก!!”
นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยมองเห็นแววตากระฉับกระเฉงขององค์ชายสิบสามเขายิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อท่านรู้สึกได้? พวกเราทุกคนต่างก็เป็นผู้สืบทอดมรดกเทพสงคราม แล้วพวกเราก็เคารพกันดุจพี่น้อง ท่านอยากจะเรียกพวกเราแบบเดียวกับที่พวกเราให้ความเคารพกันหรือไม่?”
องค์ชายสิบสามยิ้มและกล่าวว่า”มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย ท่านเป็นอาจารย์ของข้า สำหรับผู้อื่นข้าจะแยกแยะในฐานะบรรดามิตรสหาย แต่สำหรับภรรยาของท่านอาจารย์ ข้าจะให้ความเคารพเหล่าภรรยาของท่าน ในฐานะอาจารย์หญิงของข้า”
ชิงสุ่ยทำอะไรไม่ถูกอีกแล้วเขาน่าจะปล่อยให้องค์ชายสิบสามทำตามที่ตัวเองพอใจ
วันนี้เป็นวันที่เขาคาดไม่ถึงมากที่สุดในเมื่อตอนนี้เขากลายเป็นอาจารย์ขององค์ชายสิบสาม ในอนาคต องค์ชายสิบสามก็จะขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ ซึ่งมันจะทำให้เขากลายเป็นอาจารย์แห่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์
องค์ชายสิบสามเลือกที่จะลงหลักปักฐานอยู่ภายในหอคอยจักรพรรดิและกลายเป็นศิษย์อย่างสมบูรณ์ของชิงสุ่ย จะบอกว่าชิงสุ่ยไม่มีลูกศิษย์เลยก็คงไม่ใช่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าอ้วนน้อย ชิงซาหรือคนอื่นๆ เพียงแค่องค์ชายสิบสามเป็นลูกศิษย์อย่างเป็นทางการคนแรกของชิงสุ่ยก็เท่านั้น
หลังจากใช้เวลาไปกับการเพลิดเพลินอาหารชิงสุ่ยและองค์ชายสิบสามก็นั่งลงที่สวนหลังหอคอยจักรพรรดิ
”องค์ชายสิบสามในเมื่อท่านยืนยันจะเป็นลูกศิษย์ของข้า ข้าก็จะพยายามอย่างเต็มที่ในการสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ารู้ให้กับท่าน ท่านเป็นคนฉลาด และมีหลายๆสิ่งที่ท่านรู้มากกว่าข้า ตัวของข้าจะไม่บังคับให้ท่านทำอะไรทุกอย่างที่ท่านไม่ต้องการ แต่เมื่อท่านมาอยู่ใต้ปีกแห่งการเรียนรู้ของข้าแล้ว มันก็มีกฎบางอย่างที่ท่านจะต้องให้ความเคารพกับมัน”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
ลมพัดเล็กน้อยผ่านสวนหลังบ้านทำให้อากาศตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ เมื่อมีใครดมกลิ่นหอมเหล่านี้ทุกคนก็จะรู้สึกถึงความผ่อนคลายและกังวล
”ท่านอาจารย์โปรดบอกข้ามาได้เลย ข้าพร้อมจะทำทุกอย่างและพร้อมปฏิบัติตาม”
”จงทำดีต่อผู้อื่น”ชิงสุ่ยกล่าวเพียงแค่คำ6 คำ
องค์ชายสิบสามได้แต่ตกตะลึงอย่างไรก็ตามเขาก็พยักหน้า “ศิษย์รับทราบ”
ชิงสุ่ยไม่จำเป็นต้องพูดอธิบายให้มากความการกลั่นแกล้งผู้อื่น รังแกผู้ที่อ่อนแอ ใช้อำนาจ เข้าข้างตัวเองสังหารผู้บริสุทธิ์ เพียงแค่คำ 6 คำที่เขากล่าวออกมาก็ครอบคลุมหลักปฏิบัติทุกอย่าง
”ข้ารู้หลายๆเรื่องซึ่งรวมไปถึงไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาการต่อสู้ ทักษะการแพทย์ ทักษะการทำอาหาร หากจะพูด ข้าบอกได้เลยว่าตัวข้านั้นอยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่ผู้ที่มีพรสวรรค์จะได้รับมัน ฉะนั้น ข้าจึงหวังว่าท่านจะเลือกตัดสินใจ เรียนรู้ การเรียนรู้มากกว่า 1 อย่างถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็มีผลกระทบพอสมควร มันจะดีกว่าถ้าคนเรามุ่งเน้นไปในด้านใดด้านหนึ่ง”
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าองค์ชายสิบสามไม่มีวันเลือกเส้นทางอาหารสำหรับการรักษา มันมีโอกาสมากพอสมควรที่เขาจะไม่เลือกมันเช่นกัน หากไม่ผิดแปลกไปจากสิ่งที่เขาคิด ทักษะการต่อสู้จะเป็นตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวของเขา
”ท่านอาจารย์ข้าขอเลือกเส้นทางแห่งการต่อสู้”องค์ชายสิบสามตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องคิด
”เอาล่ะถ้าดูไม่ผิด ท่านจะต้องเป็นผู้สืบทอดมรดกเทพสงครามหมีอำมหิตธาราม”ชิงสุ่ยสังเกตจากสรีระขององค์ชายสิบสาม
”ถูกต้องแล้วท่านอาจารย์!!”องค์ชายสิบสามดูเหมือนจะแปลกใจอยู่เล็กน้อย
”ข้าคิดว่าท่านคงได้รับพลังสืบทอดมรดกมาเมื่อไม่นานมานี้ หรือไม่ก็เพราะท่านไม่ได้หมั่นฝึกฝนจึงทำให้ความแข็งแกร่งของท่านมันไม่ได้อยู่ในจุดที่ควร เส้นทางแห่งหมีคลั่งจะมุ่งเน้นไปในความแข็งแกร่ง มันจะต้องมีความเสถียรภาพ และมีพลังที่ไม่อาจมีผู้ใดหยุดมันได้ เอาล่ะ เดี๋ยวข้าจะแสดงทักษะพลังแห่งหมีให้ท่านดู แล้วท่านค่อยกลับมาหาข้า เมื่อท่านสามารถฝึกฝนจนทำให้ร่างกายของท่านแข็งแรงขึ้นเป็น 2 เท่าได้”ชิงสุ่ยลุกขึ้นยืนทันทีที่กล่าวจบ
องค์ชายสิบสามก็ลุกขึ้นยืนตามเช่นกัน
ชิงสุ่ยเริ่มแสดงเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์9 อสูรรูปลักษณ์หมีให้กับองค์ชายสิบสาม การสร้างรากฐานให้กับผู้สืบทอดมรดกเทพสงครามหมีอำมหิตธารามจะนำประโยชน์มาให้องค์ชายสิบสามมากที่สุด
ชิงสุ่ยค่อยๆแสดงกระบวนท่ามากมายซึ่งองค์ชายสิบสามก็ตั้งใจดูแล้วจดจำท่าทางทุกกระบวนท่า นอกเหนือจากการสอบถามเรื่องกระบวนท่า เขาก็ไม่พูดอะไรอีกเลย หลังจากที่สั่งสอนทุกกระบวนท่าจะเสร็จสิ้นชิงสุ่ยก็ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว ตลอดครึ่งเช้า องค์จักรพรรดิคลั่งเดินทางมาหาด้วยสีหน้าแสนสุขไร้กังวล
”น้องชาย!!”องค์จักรพรรดิคลั่งกล่าวคำเรียกอย่างเป็นปกติ
”ดูเหมือนท่านจะหายดีแล้วหากพิจารณาจากปัจจัย อีกไม่กี่วัน ส่วนโค้งที่พังทลายในพลังของท่านก็คงจะถูกฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม วันนั้น สมองของท่านก็จะกลับมาในสภาพสมบูรณ์” ชิงสุ่ยและองค์จักรพรรดิคลั่งพูดคุยขณะเดินไปที่ห้องพิเศษในโถงใหญ่ มันคือห้องที่สร้างขึ้นมาเพื่อต้อนรับแขกคนพิเศษ
”ดูเหมือนว่าท่านอัครบิดาเองก็เพิ่งเดินทางมาหาท่าน”องค์จักรพรรดิคลั่งกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
”ใช่แล้วล่ะ!!”
”องค์ชายสิบสามเป็นเด็กที่ดี แท้จริงแล้ว ข้าเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา แม้ว่าพ่อของเขาจะเคยทำผิดกับข้ามาก่อน แต่เรื่องนั้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับองค์ชายสิบสามเลย”องค์จักรพรรดิคลั่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
ชิงสุ่ยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมเขาทำเพียงแค่ยิ้มและจ้องมององค์จักรพรรดิคลั่ง ชิงสุ่ยรู้ดีว่าถ้าหากชายคนนี้อยากจะพูดคุยอะไร เขาก็จะพูดออกมาเองโดยไม่จำเป็นต้องถาม
”แท้จริงแล้วพ่อขององค์ชายสิบสามคือพี่น้องของข้าเองแต่ทว่าตัวข้านั้นมีสถานะที่ต้อยต่ำกว่ามาก แม่ของข้าไม่ใช่คนที่มาจากมหาจักรวรรดิ มันจึงทำให้ตัวของข้าดำมีฐานะต่ำต้อยต่ำ หากจะพูด มันก็คงรู้สึกดีข้ากลายมาเป็นหนึ่งในเจ้าชาย แต่แน่นอนว่ามหาจักรวรรดิเองก็ไม่ได้สร้างตระกูลขึ้นมาด้วยความรัก ฉะนั้นคนที่มีต้นกำเนิดต้อยต่ำเช่นข้า จึงถูกคนส่วนใหญ่รังเกียจ”
ในขณะที่เพลิดเพลินกับการจิบน้ำชาที่ชิงสุ่ยเป็นคนทำองค์จักรพรรดิคลั่งก็เผยให้เห็นรอยยิ้มอันแสนข่มขื่นพร้อมกับกล่าวต่อไปว่า “อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนสวรรค์จะส่งข้ามาให้เป็นเด็กมีพรสวรรค์ ข้าจึงถูกเชิญเข้ามาอยู่ในวัง และปัญหาที่ข้าก่อ มันกลายเป็นภัยคุกคามต่อสถานะของผู้อื่น ผลสุดท้ายข้าก็เลยลงเอยเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเคยเห็นข้าเป็นองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนต่อไป แต่มันก็เป็นเพียงแค่ฉากหน้า สุดท้ายข้าก็กลายเป็นคนที่โดนปั่นหัว และคนที่วางยาข้าก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล เขาคือพี่ชายของข้า องค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนก่อน……”
ชิงสุ่ยได้แต่ถอนหายใจในประวัติศาสตร์ที่เขาเคยอ่านมา เรื่องแบบนี้มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นสูงมาก บางคนก็ต้องการฆ่าพ่อฆ่าพี่ เพื่อขึ้นสู่ราชบัลลังก์ ความโลภมาทำให้คนกลายเป็นบ้าได้ มันทำให้พวกเขาลืมตัวตน และกรีดหัวใจตนเองแทนที่มันด้วยหิน สุดท้ายก็กลายเป็นปีศาจ
”การข้าได้ระบายมันออกมามันทำให้ข้ารู้สึกสบายใจมากกว่า ข้าหวังว่าน้องชายจะเก็บเรื่องที่ข้าเล่าเป็นความลับ “องค์จักรพรรดิคลั่งยิ้ม ”ข้ารู้ดีมั่นใจได้เลย พวกเราก็เป็นเหมือนพี่น้องกันแล้ว และข้าก็ไม่ใช่คนที่จะชอบเอาความลับของอีกคนไปประกาศให้กับอีกคนนึงได้รู้”
”ข้าขอบใจมากน้องชาย”
หลังจากทำการรักษาจนเกือบเที่ยงองค์จักรพรรดิคลั่งก็ไม่ได้อยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วย เขามีสิ่งจำเป็นและเร่งรีบออกเดินทาง