Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1933 - แยกย้ายและเตรียมตัว
การปรากฏตัวของชายชรายิ่งทำให้ฝ่ายของชิงสุ่ยได้อยู่อย่างสงบสุขไม่ถูกใครรบกวนอีก ในช่วงบ่าย ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจที่เห็นตงฟ่างจือซิ่วและพี่ชายของเธอเดินทางมาเยี่ยมเขา
ทั้งสองคนเดินทางมาเพื่อกล่าวอำลา
”สหายสุ่ยพี่ชายของข้าและข้าคงต้องเดินทางกลับไปยังพระราชวังหมากรุกสวรรค์อมตะ”ตงฟ่างจือซิ่วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูอ้างว้าง ซึ่งพี่ชายของเธอก็เป็นคนฉลาด จึงรู้ว่าน้องสาวของเขากำลังคุยอยู่กับชายหนุ่มผู้มีความพิเศษเหนือผู้อื่น
”ข้าเองก็ต้องขอขอบคุณที่คอยช่วยเหลือข้าหยุดพวกพระราชวังอมตะเบญจพิษ”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าวเขาเองก็รู้ว่าสองพี่น้องตงฟ่างได้ทำอะไรไปบ้าง
นึกในใจของชิงสุ่ยเขายังคงปฏิบัติต่อตงฟ่างจือซิ่วในฐานะเพื่อนสนิท ”พระราชวังอมตะเบญจพิษเป็นปัญหาของน้องข้าต่างหากฉะนั้นคนที่เป็นฝ่ายขอบคุณก็ควรเป็นพวกเรา ท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าเลย ถ้าหากท่านต้องการมาเยี่ยมเยือนพระราชวังหมากรุกสวรรค์อมตะพวกเราก็พร้อมที่จะต้อนรับท่านตลอดเวลา” ใบหน้าของชายคนนั้นถูกเติมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ซึ่งมันก็สร้างความประทับใจให้กับชิงสุ่ยได้เป็นอย่างดี”ถ้าหากว่าข้ามีโอกาส ข้าจะต้องไปเยี่ยมเยียนอย่างแน่นอน”
ตงฟ่างจือซิ่วจ้องมองชิงสุ่ยด้วยรอยยิ้มที่แสนงดงาม แต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยที่ไม่อธิบายเป็นคำพูดได้ มันดูเหมือนว่าเธอพยายามจะพูดอะไรสักอย่างแต่เธอก็ไม่ได้พูดออกมา เธอทำแค่เพียงโบกมืออำลาชิงสุ่ย “เจ้าจะต้องมาเยี่ยมข้าบ้าง ไม่งั้น ข้าจะเกลียดเจ้าไปตลอดชีวิต”
ชิงสุ่ยยืนอึ้งไปชั่วขณะเมื่อเห็นการแสดงออกผ่านใบหน้าของเธอเขาก็พยักหน้า “ข้าสัญญาว่าข้าจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนเจ้าให้ได้อย่างแน่นอน”
”ดูเหมือนว่าสาวงามอีกคนนึงจะตกหลุมพรางของเจ้าอีกแล้ว”ชิงห่านอี้ที่อยู่ด้านข้างหัวเราะเบาๆ
ชิงสุ่ยได้ยินสิ่งที่เธอพูดอย่างชัดเจน”เจ้าแม่มดน้อย คืนนี้เจ้าจะต้องถูกข้าจัดการ”
”เอาเลยสิ!!ข้าไม่กลัวเจ้าหรอกนะ!!”คำตอบของชิงห่านอี้ยิ่งทำให้ชิงสุ่ยดุเดือดเลือดพล่าน ถ้าหากตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบๆ เขาคงจะจัดการเธอทันที
สองพี่น้องตงฟ่างก็จากไปแล้ว ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดปัญหาจากพระราชวังอมตะเบญจพิษก็คงจะสิ้นสุดตามไปเช่นกัน โชคดีที่ปัญหาของทั้งสองนิกายใหญ่ถูกแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว มันจึงไม่ได้ส่งผลให้ทั้งสองนิกายก่อสงครามกัน
ส่วนปัญหาอื่นๆที่เกิดขึ้นรอบๆมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ก็ยังคงมีมากมายชิงสุ่ยที่เป็นถึงอาจารย์ขององค์จักรพรรดิคนต่อไปจึงต้องช่วยจัดการปัญหา แม้ว่ามหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์จะเป็นจักรวรรดิที่ทรงอำนาจและร่ำรวยแต่เมื่อเขาเข้าไปจัดการปัญหาภายใน มันทำให้เขารู้ได้เลยว่ามหาจักรวรรดิแห่งนี้เป็นไปด้วยบาดแผลที่พร้อมจะปะทุ มันเป็นเหตุผลว่าทำไมมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ถึงจะหยุดขยายขอบเขตดินแดนของตัวเอง และมุ่งเน้นไปในการพัฒนาความแข็งแกร่งจากภายใน
เหล่าหญิงสาวจากพระราชวังอาทิตย์อัสดงและพระราชวังหมาป่ามังกรก็เดินทางแยกย้ายกลับไปยังที่ของตนโดยมีชิงสุ่ยตามไปส่งพวกเธอด้วยตัวเอง
หลังจากหอคอยจักรพรรดิสามารถดำเนินกิจการไปได้ด้วยดีชิงสุ่ยก็พาพวกเธอกลับมาที่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์
และเร่งรีบเดินทางตรงไปยังพระราชวังหมาป่ามังกรบรรดาหญิงสาวทั้งหมดไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้ว และพบว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มันจึงทำให้พวกเธอรู้สึกสบายใจ แน่นอนว่าในเมื่อพระราชวังหมาป่ามังกรทรงอำนาจที่สุดในพื้นที่ หากอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติก็คงไม่มีใครกล้ามารุกรานกลุ่มคนที่แข็งแกร่งกลุ่มนี้
ชิงห่านอี้ก็เพิ่งกลายเป็นเจ้านายของราชันย์มังกรพิษมันจะทำให้เธอแข็งแกร่งยิ่งกว่าเก่า ตอนนี้ทั้งพระราชวังอาทิตย์อัสดงและพระราชวังหมาป่ามังกร ได้กลายเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งตามที่ชิงสุ่ยต้องการ ต่อให้มีเขา เมื่อทั้งสองกลุ่มรวมพลังกัน พวกเธอก็จะไม่หวั่นเกรงศัตรูหน้าไหนทั้งสิ้น
……………………
”ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเต็มที่สักที”อีเย่เจี้ยนเก้อถอนหายใจด้วยความโล่งอก
”เอาเด็กน้อยน่ารักคนนั้นมาให้ข้าอุ้มเถอะส่วนเจ้าก็คอยแต่เป็นห่วงคนนู้นคนนี้ พักผ่อนบ้างก็ดีนะ”หลัวชิงเฉินอุ้มเด็กน้อยชิงซิ่วขณะกล่าว
”ชิงเฉินเจ้าเป็นคนรักเด็กมากทำไมไม่มีลูกเองสักคนล่ะ?”ชิงห่านอี้ยิ้ม ขณะพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ชิงสุ่ยได้แต่มองดูเหล่าบรรดาหญิงสาวที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานพวกเธอแต่ละคนมีร่างกายที่ทรงเสน่ห์ดวงตาที่งดงาม หลายๆครั้งชิงสุ่ยเองก็รู้สึกได้ว่าโชคชะตาช่างเป็นใจที่ทำให้เขาได้มาเจอกับพวกเธอ การที่เราจะเจอใครสักคนมันเป็นเรื่องที่ยากมาก และการที่ทุกคนจะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกัน มันต้องใช้ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เหนือคำว่าโชคชะตา
”อีเอ๋อเจ้ามีเพิ่มอีกสักคนสิ…..”
ชิงห่านอี้ยังคงหยอกล้ออย่างต่อเนื่องซึ่งมันทำให้เขาได้แต่ลูบหน้าผาก ถอนหายใจ
………………………
ชิงสุ่ยใช้ชีวิตอยู่กับพวกเธออีกประมาณไม่กี่วันจากนั้นเขาก็เดินทางกลับมาที่หอคอยจักรพรรดิ
ชิงสุ่ยย้ำเตือนให้พวกเธอไม่ลืมการฝึกฝนนอกจากนี้เขายังทิ้ง ยาเม็ด9โคจรทองคำ ยาเม็ดโชคชะตาทอง และยาเม็ดหยางเพื่อให้พวกเธอได้ใช้ช่วยพัฒนาฝีมือของตนเอง
หลังจากมุ่งหน้ากลับมาที่หอคอยจักรพรรดิบรรดาผู้คนตามถนนก็กล่าวทักทายชิงสุ่ย และแล้วชิงสุ่ยก็กลับเข้าไปที่สวนหลังบ้าน เพื่อส่งเข้าไปหาองค์ชายสิบสาม
”ท่านอาจารย์!!”
องค์ชายสิบสามรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นหน้าอาจารย์ของเขาอีกครั้ง ทักษะรูปลักษณ์หมีที่ชิงสุ่ยสอนให้กับเขา มันสร้างประโยชน์ให้กับเขามากมาย
”การฝึกฝนของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?ท่านคงจะต้องสาธิตให้ข้าได้ดู”ชิงสุ่ยอยากทดสอบว่าองค์ชายสิบสามเข้าใจทักษะที่เขาสอนดีเพียงใด
”ได้เลย!!”
ชิงสุ่ยสังเกตได้เลยว่าร่างกายขององค์ชายสิบสามหนาและใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนทั้งๆที่เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น มันจึงทำให้ชิงสุ่ยรู้เลยว่าองค์ชายสิบสามจะต้องเป็นคนพิเศษ เขาเลยอยากรู้ว่ารูปลักษณ์หมีที่เขาสอนมันพัฒนาไปมากเพียงใด
ดูเหมือนว่าองค์ชายสิบสามจะเข้าใจในทักษะตัวนี้ดีแม้ระดับความเข้าใจยังอยู่ในดินแดนที่ค่อนข้างต่ำ แต่มันก็เพิ่งผ่านมาเพียงแค่ไม่กี่วัน ตราบใดที่เขาทุ่มเทฝึกฝน เขาก็จะบรรลุดินแดนสูงสุด
”ดีเยี่ยมเอกลักษณ์ของรูปแบบหมีคือพละกำลัง แต่ที่สำคัญที่สุดคือรากฐานที่แข็งแรง ไม่ต่างอะไรจากภูเขายักษ์ที่ถูกแรงกระแทกมากเพียงใดก็ไม่ขยับ”
องค์ชายสิบสามเข้าใจในสิ่งที่ชิงสุ่ยพยายามจะบอกเมื่อชิงสุ่ยกล่าวจบเขาก็เดินออกไปปล่อยให้องค์ชายสิบสามไต่ตรองในสิ่งที่เขาพูด ยิ่งเขาฝึกฝนมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรับรู้ถึงพลังของมัน และเขาก็เริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าระดับมรดกหมีอำมหิตธารามก็กำลังพัฒนาขึ้นไปสู่อีกระดับ หลังจากติดอยู่ในดินแดนเดิมมาเป็นเวลายาวนานแสนนาน
มันจะทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเขาได้หลุดพ้นจากบ่วงโซ่ที่พันธนาการร่างกายของเขาไว้
…………………….
คลื่นพลังโค้งจากสมองขององค์จักรพรรดิคลั่งก็ถูกชิงสุ่ยแก้ไขใหม่หมดมันทำให้องค์จักรพรรดิคลั่งรู้สึกเหมือนตัวเองพึ่งได้เกิดใหม่ เขาเข้าใจสิ่งต่างๆมากมายที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน แล้วได้ตัดสินใจไปยังโลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริงพร้อมกับชิงสุ่ย ชิงสุ่ยเป็นผู้มอบชีวิตใหม่ให้กับเขา มันจึงทำให้เขาตัดสินใจติดตามชิงสุ่ย
ซึ่งชิงสุ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาให้ความสำคัญกับองค์จักรพรรดิคลั่งเยี่ยงสหาย เหมือนที่เขาให้ความสำคัญกับหยินต่งและเหลียนหลิงเฟิง
แต่จนกระทั่งตอนนี้ชิงสุ่ยยังไม่ได้แตะต้องรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่ครั้งเดียว เขายังคงรอคอย รอคอยให้ร่างกายของเขาสมดุล ชิงสุ่ยรู้จักร่างกายของตนเองดีกว่าใครๆ มันทำให้เขารู้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะใช้รากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เพิ่มพูนความแข็งแรงของร่างกายตนเอง