Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1935 - ความแข็งแกร่งที่เกรงขาม และการพัฒนาของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1935 - ความแข็งแกร่งที่เกรงขาม และการพัฒนาของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค
ชิงสุ่ยพึ่งพอใจในความแข็งแกร่งที่เขาได้รับเป็นอย่างมากแม้ว่าตอนที่เขาดูดซับพลังจากรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เขาจะสูญเสียมันไปบางส่วน แต่เพราะว่าก่อนหน้านี้ร่างกายของเขายังไม่ได้ยืดหยุ่นมาก เส้นลมปราณบางส่วนก็ไม่สามารถทนรับพลังได้ มันจะหลุดรอดออกมา แต่พลังที่เขาดูดซับมันได้ทำให้ปราณของเขา เพิ่มพูนก้าวขึ้นสู่ระดับน่าหวาดกลัว
ชิงสุ่ยค่อนข้างมีความสุขหลังจากตรวจสอบเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ก่อนหน้านี้มันสามารถป้องกันพลังปราณได้ 30 ล้านเต๋า แต่ตอนนี้ตราบใดที่พลังโจมตีของศัตรูน้อยกว่า 200 ล้านเต๋า มันจะไม่มีทางมาถึงตัวชิงสุ่ย และเมื่อรวมกับพลังป้องกันที่เขาครอบครองอีก 300 ล้านเต๋า ศัตรูที่แข็งแกร่งตอนนี้ก็เหลือไม่มาก
การดูดซับพลังงานในร่างกายมันเหมือนกับคนขอทานที่หิวกระหายได้รับเงินทองมหาศาลภายในชั่วข้ามคืนมันคือความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด
พลังปราณทั่วร่างกายหมุนวนอย่างรวดเร็วเหมือนมังกรชิงสุ่ยเคลื่อนที่พริบตาอยู่ภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาสามารถเดินทางไปไหนมาไหนก็ได้ โดยหลงเหลือแค่เพียงเงา มือของเขาโบกสะบัดแสดงท่วงท่าเพลงหมัดไทเก๊ก ย่างก้าวเทวบรรพกาล หัตถ์เทวะ และกระบวนท่าอื่นๆอย่างต่อเนื่อง
คุณลักษณะอันล้ำค่าที่สุดของรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นไปตามชื่อของมันคือการเสริมสร้างรากฐานพลังให้แข็งแกร่งมันถึงทำให้ชิงสุ่ยไม่ต้องกังวลที่จะต้องทำให้รากฐานพลังของเขามั่นคง เพราะหลังจากที่ดูดซับพลังของรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เข้าไป หลักฐานทางของเขาถือว่าแข็งแกร่ง เปรียบเทียบเท่ากับพลังทั้งหมด ”ดีจริงๆข้าจะได้ไม่ต้องกังวลมันก่อนหน้านี้อีก”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างมีความสุข
ตลอด3 ปีที่เขาละทางโลกเพื่อฝึกตน จริงๆจะเรียกว่าละทางโลกเต็มปากก็ไม่ได้ เขายังคงแวะเวียนออกมาช่วยเหลือผู้คน ซึ่งมันยิ่งทำให้ทักษะการรักษาของหอคอยจักรพรรดิเจ้าหน้า ส่งผลให้ชื่อเสียงของหอคอยจักรพรรดิแพร่สะพัดไปทั่วทั้งแผ่นดิน ตั้งแต่ที่เขากลายเป็นเวชมหาจักรวรรดิ ชื่อเสียงของเขาก็เพิ่มพูนขึ้น
ในมหาจักรวรรดิมีเวชมหาจักรวรรดิที่คอยรักษาผู้คนจำนวนมากมายสำหรับผู้อื่นอาจจะทำไปเพราะเสียง แต่สำหรับชิงสุ่ยแล้ว เขาปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมไม่ผูกติดกับขุมกำลังใดขุมกำลังหนึ่ง เขาไม่เคยต้องการเงินจากผู้ป่วย แต่สำหรับคนที่มีความสามารถโดยเฉพาะ ชิงสุ่ยจะให้คนผู้นั้นตอบแทนโดยทำสิ่งอื่น
ยิ่งเป็นนักรบที่แข็งแกร่งก็ยิ่งต้องรักชีวิตของตัวเองเพราะความเป็นความตายของผู้คนมันส่งผลถึงครอบครัวตนเองได้เสมอ การเป็นยอดยุทธที่อาศัยการฝึกตนเพื่อทำให้แข็งแกร่งต้องเผชิญหน้ากับการบาดเจ็บอยู่ตลอด ดังนั้นบนโลกนี้จะไม่มีใครกล้ารับประกันว่าชีวิตของตนเองจะอยู่โดยปราศจากการเผชิญหน้ากับความบาดเจ็บ มีอาการป่วย มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยที่มีตำแหน่งเป็นเวชมหาจักรวรรดิมีความสำคัญเป็นทวีคูณ
แม้ว่าจะมีใครหลายคนอยากจะล้มหอคอยจักรพรรดิแต่ทุกครั้งที่มีข่าวลือเรื่องนี้ออกมา ผู้คนมากมายจะออกมาต่อต้าน แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งก็พร้อมจะยืนเคียงข้างหอคอยจักรพรรดิที่คอยรักษาพวกเขา
………………….
หลังจากผ่านการฝึกฝนไม่นานเวลาภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะก็หมดลงชิงสุ่ยจึงถูกขับออกมาจากดินแดนต่างมิติ
และเมื่อเขาออกมาสู่โลกภายนอกตอนนี้ก็เป็นเวลาตอนเช้า ท้องฟ้าเริ่มสดใส แต่ยังคงไว้ซึ่งเมฆหนาเหมือนทุกๆวัน ทันทีที่เขาเปิดประตูออกจากห้อง ชิงสุ่ยก็ชนเข้ากับถานท่ายหลิงเยียน
”อรุณสวัสดิ์!!”ชิงสุ่ยกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
ถานท่ายหลิงเยียนจ้องมองชิงสุ่ยด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดผ่านไปเพียงแค่คืนเดียว ทำไมชายคนนี้ถึงได้เปลี่ยนไป จริงๆแล้วมันคือการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดแต่เธอยังมองเห็นไม่ชัด สิ่งที่เธอเห็นคือชิงสุ่ยดูโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดวงตาของเขาสดใสกว่าเดิม และกลิ่นอายที่ทั้งแปลกและน่าหลงไหลในเวลาเดียวกัน แต่สิ่งที่เด่นชัดที่สุดก็คือความเป็นผู้ใหญ่ มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังมองคนที่มีวุฒิภาวะสูงกว่าตัวเธอเอง
”อืมอรุณสวัสดิ์ ทำไมวันนี้เจ้าดูแปลกเหลือเกิน”ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ภายในช่วงเวลา3 ปี ชิงสุ่ยมีความใกล้ชิดกับเธอมาก แต่ก็ยังไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา สิ่งที่มาไกลมากที่สุดก็คงเป็นการจูบซึ่งก็ต้องย้อนกลับไปหลายปี
”จริงเหรอน้องเยียนเยียน”ชิงสุ่ยจ้องมองริมฝีปากอันแสนงดงามของเธอ เขาก็ยังคงเป็นคนที่ไม่สามารถควบคุมความหื่นกระหายของตัวเองได้ แม้จะพัฒนาไปมากเท่าไหร่ เขาก็ยังคงรู้สึกละอายใจในนิสัยของตัวเองเสมอ
ถานท่ายหลิงเยียนเขกหัวชิงสุ่ย”ข้าว่าแล้ว สงสัยข้าจะสังเกตผิดไป”
ชิงสุ่ยเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นบุคลิกของเขาเองเมื่ออยู่กับคนภายนอก เขาจะแสดงออกมาในลักษณะเป็นบุคคลที่น่านับถือ แต่เมื่ออยู่กับบรรดาหญิงสาวของตน เขาพร้อมจะแสดงความไร้ยางอายอยู่ตลอดเวลา
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาพยายามมาโดยตลอดคือการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบรรดาหญิงสาวเขาตราบใดที่พวกเธอแข็งแกร่งและโดดเด่น ชิงสุ่ยก็จะยิ่งมีคนคอยช่วยเหลือมากยิ่งขึ้น และพวกเธอจะได้กลายเป็นตัวแทนในการดูแลสิ่งสำคัญของเขา
”อืมชิงสุ่ย ในเมื่อเจ้าว่าง เจ้าก็มาเป็นผู้ฝึกฝนเพลงกระบี่ให้ข้าหน่อยแล้วกัน “ถานท่ายหลิงเยียนกล่าวต่อ
”ก็ได้ไม่มีปัญหา”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชิงสุ่ยช่วยเธอฝนขัดเกลาเพลงกระบี่ ชิงสุ่ยจ้องมองเธอจนเธอเริ่มเขินอาย จากนั้นเขาก็คว้าตัวเธอ หายไปจากหน้าประตูห้อง
ย่างก้าว9 เทวา!!
ในชั่วพริบตาทั้งสองคนก็ไปปรากฏอยู่บนภูเขาที่แสนงดงามซึ่งเป็นสถานที่ที่ทั้งสองคนมักจะแวะเวียนไปชมธรรมชาติ
ภูเขาแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็สามารถมองเห็นพื้นที่ทุกอย่างโดยรอบได้อย่างชัดเจน บนภูเขาเต็มไปด้วยหญ้าและพวกไม้สีเขียว ส่วนใหญ่จะเป็นต้นเตี้ย แต่ก็พอให้เห็นต้นไม้สูงกระจัดกระจายทั่วภูเขาทั้งโลก
ตรงกลางของภูเขามีทะเลสาบขนาดเล็กน้ำใสสะอาดนกน้อยจำนวนมากมายกำลังดื่มน้ำจากทะเลสาบ และในขณะเดียวกัน อสูรบางตัวก็จำเป็นต้องดื่มน้ำจากที่นี่เช่น
อากาศของที่แห่งนี้สดชื่นแตกต่างจากเมืองหลินห่ายสายลมพัดผ่านร่างกายของทั้งสองคน ทำให้เสื้อผ้าพริ้วไหวไปตามสายลม
”เริ่มกันเลยดีกว่า!!”ถานท่ายหลิงเยียนยิ้มและยกกระบี่ขึ้นมาอยู่ในท่าเตรียม
ชิงสุ่ยพยักหน้าและกวักมือให้เธอเข้ามาจู่โจม
”หืมเจ้าจะไม่ใช้อาวุธอะไรเลยหรือ?” ตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา พลังของถานท่ายหลิงเยียนก็มีพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน ซึ่งเมื่อผสานกับศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เธอใช้อย่างกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สายธารเยือกแข็ง มันจึงทำให้พลังของเธอทะลุระดับ 3 ล้านเต๋า
มีเพียงถานท่ายหลิงเยียนคนเดียวเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สายธารเยือกแข็งจนมาถึงระดับนี้ได้และเวลาในการฝึกฝนของเธอก็ถือว่าเป็นระยะเวลาสั้นมาก สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่จะได้ครอบครองพลังระดับหลักล้านเต๋า
และการพัฒนาของเธอภายในช่วง3 ปี มันจึงทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำ
”ตอนนี้ข้าได้กลั่นรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ให้เข้ามาอยู่ในร่างกายของข้าแล้ว”ชิงสุ่ยตอบกลับแต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม
ถานท่ายหลิงเยียนตกใจเป็นอย่างมากเพราะตัวของชิงสุ่ยเองตลอดช่วงเวลา 3 ปีเขาแทบไม่แตะต้องมันเลย แต่มาวันนี้เขากลับบอกว่าเขาดูดซับพลังของรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ไปจนหมดแล้ว ซึ่งจากคำตอบของเขามันทำให้เธอรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และใช้กระบี่ในมือพุ่งเข้าโจมตีชิงสุ่ยด้วยความเย็นและทุ่มสุดกำลัง
อุณหภูมิบริเวณโดยรอบจากที่เคยอบอุ่นกลายสภาพเข้าสู่ฤดูหนาวต้นไม้ทุกต้นถูกผนึกจนกลายเป็นต้นไม้น้ำแข็ง อากาศอบอุ่นที่มีความชื้น ควบแน่นกลายเป็นเกล็ดหิมะบางส่วนก็กลายเป็นหยดน้ำแข็ง มันคือการระเบิดพลังปราณที่แปรสภาพพื้นที่ไปตามตัวผู้ใช้ปราณต้องการ
เวทมายาผนึกเหมันต์!!
พลังปราณน้ำแข็งความยาว3 เมตร พุ่งทะลวงออกมาจากกระบี่ในมือถานท่ายหลิงเยียน มันกระจายไปทั่วอากาศ มวยรอบร่างกายที่แสนสง่างาม เธอเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับเงา วาดกระแสปราณให้ลอยไปทั่วอากาศผ่านกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สายธารเยือกแข็ง