Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1945 - ต่อกรกับตาเฒ่าปีศาจดาราจรัส
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1945 - ต่อกรกับตาเฒ่าปีศาจดาราจรัส
ชิงสุ่ยกำลังสังเกตชายชราร่างผอมหลังโค้งที่ทุกคนเรียกกันว่าผู้อาวุโสดาราจรัสเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเขาก็ดูเป็นเสื้อคลุมของคนทั่วไป แม้ว่าชายชราคนนี้จะขึ้นมายืนอยู่บนลานราชกิจสวรรค์ แต่ชิงสุ่ยก็ยังรู้สึกว่าชายชราคนนี้เป็นเพียงชายชราทั่วไป
พระราชวังอมตะดาราจรัสคือขุมอำนาจที่มีพลังเทียบเท่ากับมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ มหาจักรวรรดิซางเเหลียน และจักรวรรดิหมาป่าจันทรา ตัวของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ตั้งอยู่บริเวณในสุดของทิศตะวันตก ส่วนพระราชวังอมตะดาราจรัสจะตั้งอยู่ทางตอนเหนือ และเป็นกลุ่มที่มีพลังลึกลับที่สุดท่ามกลางบริเวณโดยรอบของตอนภาคเหนือ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยเช่นกัน
”พ่อหนุ่มน้อยสนใจจะเข้าร่วมพระราชวังอมตะของข้าหรือไม่? ถ้าหากเราต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษก็บอกมาได้เลย”ชายชรายิ้มกว้างให้กับชิงสุ่ย ซึ่งรอยยิ้มนี้มันสร้างความรู้สึกน่าขนลุกให้กับเขาอย่างมาก
และในเมื่อเขารับรู้ถึงความน่าขนลุกมันก็พอจะบ่งบอกได้แล้วว่าชายชราคนนี้จะต้องเป็นปีศาจในร่างมนุษย์ ที่พร้อมจะบดขยี้ทุกคนที่ต่อต้าน
”ในพระราชวังอมตะดาราจรัสเต็มไปด้วยสาวงามมากมายและพวกนางต่างก็ไร้คู่ ถ้าหากเจ้าเข้าร่วมกับพวกเราเจ้าจะได้ครอบครองสาวงามตามที่เจ้าต้องการ และเจ้ายังสามารถสับเปลี่ยนหมุนเวียนพวกนางไม่ซ้ำหน้าแต่ละวันได้โดยไม่ต้องกังวล”ผู้อาวุโสดาราจรัสยังคงกล่าวเพิ่มเติม
ชิงสุ่ยได้แต่ขมวดคิ้วชายชราพูดเรื่องนี้ออกมาท่ามกลางที่สาธารณะ โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดกับเขาเช่นไร และดูเหมือนผู้คนส่วนมากกำลังแสดงสีหน้าปรารถนาอยากจะมาเป็นตัวของชิงสุ่ยแทน ”ข้าสงสัยเหลือเกินว่าท่านได้เล่นสนุกกับพวกนางทุกคนแล้วหรือยัง”ชิงสุ่ยหัวเราะขณะถามกลับ
”มันจะเป็นไปได้อย่างไร?ตัวข้าก็แก่ปูนนี้แล้ว ข้าคงเทียบกับเด็กหนุ่มอย่างเจ้าไม่ได้ และข้าก็ไม่ได้ฝักใฝ่เรื่องอย่างว่าอีกแล้ว”ผู้อาวุโสดาราจรัสกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ตัวเขารู้ดีว่าอายุของเขามันก้าวขึ้นสู่ระดับใดเขาถึงกล้าพูดเรื่องนี้อย่างเปิดเผยเพราะเขาไม่สามารถทำเรื่องอย่างว่าได้อีกแล้ว และเมื่อไม่สามารถทำได้ความรู้สึกอยากก็จะหายไป ซึ่งต่างจากเด็กหนุ่มที่ถ้าหากใครไม่สามารถทำเรื่องอย่างว่าได้ จะต้องเผชิญหน้ากับความอับอาย
”ดูเหมือนเจ้าจะไม่สนใจข้อเสนอของข้า?” ชายชรากล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่น่าขนลุกอีกครั้ง
ชิงสุ่ยส่ายหน้า”ข้าไม่ชอบนิกายที่เอาตัณหาความใคร่เข้ามาข้องเกี่ยว”
ตาเฒ่าปีศาจดาราจรัสแสดงดวงตาที่แสนน่ากลัวเขาตั้งใจจะใช้เรื่องอย่างว่าในการหลอกล่อชิงสุ่ยให้เข้าร่วมกับนิกาย แต่ชายคนนี้กับกล้าใช้คำยอกย้อนคืนกลับมาหาเขา
”พ่อหนุ่มน้อยเจ้าช่างกล้ายอกย้อนข้า เอาแบบนี้แล้วกัน การต่อสู้ของเราในวันนี้ ถ้าหากใครพ่ายแพ้ จะต้องยอมทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย จะว่าอย่างไรบ้าง?”ผู้อาวุโสดาราจรัสจดจ่อสายตาไปที่ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยสายหน้าอย่างรวดเร็ว”ข้าไม่สนใจ”
ชายชราผู้นี้รู้สึกโกรธอีกเล็กน้อยดวงตาสามเหลี่ยมของเขาอัดแน่นไปด้วยความโหดเหี้ยมมากขึ้น “ตอนแรกข้าก็คิดว่าเจ้าจะเป็นคนใจกล้า แต่ดูเหมือนตอนนี้เจ้าจะเป็นคนใจเสาะเสียแล้ว”
ชิงสุ่ยยิ้ม”ท่านจะพูดอะไรก็เรื่องของท่าน แต่ทั้งๆที่มีผู้หญิงล้อมรอบมากมาย ท่านกลับไม่สนใจผู้หญิง ข้าว่าท่านต่างหากที่เป็นคนใจเสาะ หาใช่ข้าไม่”
”ก็ได้เราจะไม่พูดเรื่องไร้สาระแบบนี้กันอีกแล้ว มาเถิด มาดูกันว่าใครจะเป็นคนพ่ายแพ้”ชายชรากรอกตาไปมา
”ข้าไม่มีทางแพ้อยู่แล้วในฐานะที่ท่านแก่กว่า ข้าให้ท่านเริ่มก่อน”ชิงสุ่ยขยับขาขวาถอยหลังไปครึ่งก้าว แล้วตั้งท่าเตรียมรับการโจมตี
ผู้อาวุโสดาราจรัสยิ้มอย่างน่าสยดสยองจากนั้นร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น3 เท่า แขนแต่ละข้างปรากฏให้เห็นเป็นงูยาว 3 ฟุตตัวสีฟ้าครามมีลายแถบสีทองพันรอบตัว ลิ้นของพวกมันยืดยาวพันรอบเอวของผู้อาวุโส และกำลังสะบัดไปมาสร้างขึ้นสีแดงสดที่น่ากลัว
อสรพิษทองคำคราม!!
ชิงสุ่ยรู้ได้ทันทีว่ามันคือสัตว์อสูรกลายพันธุ์ตั้งแต่ยุคโบราณอาการพวกมันมีความน่ากลัวสุดหยั่งรู้ ทั้งมีความแข็งแกร่งและรวดเร็ว มีคนเคยกล่าวกันว่าพี่ของมันเพียงแค่ 1 หยด ก็สามารถสังหารมังกรได้ในพริบตา
สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆแต่กลับทรงพลังยังน่าเหลือเชื่อชิงสุ่ยค่อนข้างชอบพวกมัน แต่ตอนนี้เขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ถ้าหากเขาโดนพิษของพวกมันเข้าไปเขาอาจจะกลายเป็นรูปปั้นทองคำได้ในพริบตา และถึงแม้ว่าเขาจะมีร่างกายเก้าหยางที่พัฒนา จะทำให้พี่ของมันอาจจะไม่ได้ผลกับเขา แต่เขาก็ไม่กล้าจะลองเสี่ยงอย่างประมาท
ลำนำอสรพิษคลั้ง!!
แพ็คของผู้อาวุโสดาราจรัสกวัดแกว่งด้วยความประหลาดพร้อมกับภาพเงาตราประทับที่เพิ่มความเร็วให้กับแขนและงู จนปรากฏเป็นร่างเงาแยกถึง 3 ตัว
ฟ่ออออฟ่ออออออ……………
เสียงร้องของงูสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้าเจาะทะลวงเข้ามาภายในจิตใจของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาของชิงสุ่ยเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นรูปภาพหยินหยางที่อยู่ในทะเลแห่งปัญญาก็เริ่มโคจรทำลายล้างสิ่งที่เข้ามารบกวนจิตใจเปลี่ยนแปลงท้องฟ้าที่มืดครึ้ม กลับคืนสู่ท้องฟ้าที่มีแสงสว่างสดใส แม้แต่เจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ก็ไม่สามารถโจมตีคลื่นเสียงที่เข้ามารบกวนจิตใจของเขาได้เลยนั่นก็หมายความว่าพิษเองก็คงจะไม่สามารถป้องกันได้เช่นกัน แต่ที่เขารู้ตอนนี้ก็คือเขาสามารถต้านทานคลื่นเสียง จนทำให้มันไม่มีผลต่อเขาได้
เขาเองก็ไม่รู้ว่าคลื่นเสียงที่โจมตีใส่เขามันเป็นคลื่นเสียงประเภทใดแต่ที่เขาคาดคะเนมันจะต้องเป็นการโจมตีโดยอาศัยพลังปราณจิต ซึ่งตัวของเขาเองก็สามารถลบล้างผลของมันได้เกือบ 70 ส่วน
ภาพท้องฟ้ามืดฝนพายุปั่นป่วนเป็นสิ่งที่เขามองเห็นเพียงแค่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงรีบขับเคลื่อนทักษะเบิกเนตรสวรรค์ เพื่อลบล้างภาพลวงตาที่เกิดขึ้น จากนั้นก็เคลื่อนไหวพริบตาเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของเจ้าอสรพิษทองคำคราม และโจมตีสวนกลับโดยทักษะฝามือ
ฝ่ามือกระชากมังกร
ตัวของชายชรายังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงชิงสุ่ยก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันคืออะไร แต่เนื่องจากคู่ต่อสู้ไม่ได้โจมตีเขา เขาก็จะเป็นฝ่ายบังคับให้คู่ต่อสู้ต้องทำ
ฝ่ามือกระชากมังกรแม่นยำเป็นอย่างมากและไม่สามารถหลบหลีกได้มันคือฝ่ามือของมังกรที่พร้อมจะตะปบเหยื่อ ตัวของชิงสุ่ยฟุตบอลกระบวนท่านี้เป็นอย่างหนัก ถ้าหากให้เปรียบเทียบกระบวนท่าฝ่ามือมังกรแล้ว เขาเชื่อมั่นว่าฝ่ามือของเขาไม่มีทางแพ้ผู้ใด
ชายชรากำลังถูกแรงกดดันจากตัวของชิงสุ่ยแต่เขาก็สามารถเบี่ยงตัวหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย และหนีออกไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
เขาหันกลับมามองดูชิงสุ่ยด้วยสายตาประหลาดใจเขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถต้านทานคลื่นเสียงจากอสรพิษทองคำครามที่แข็งแกร่ง ทั้งยังเคลื่อนที่มาโจมตีเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว มันช่างเป็นความเร็วที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับชายชรา