Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1966 – หุบปาก
ผู้อาวุโสเฉิงกระอักเลือดคำโตออกมาเต็มปาก กระดูกซี่โครงของเขาแตกออกเป็นเสี่ยง ชิงสุ่ยถึงกับขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่าชายชราเฉิงคนนี้แข็งแกร่งเพียงใด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทุบตีกลับมาได้โดยง่ายดาย ชายที่เป็นคู่ต่อสู้ตอนนี้แข็งแกร่งเพียงใดกัน? หรือว่าชายผู้นั้นจะบรรลุขั้นปลายของดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 แล้ว? บางทีเขาอาจจะมีพลังมากกว่านั้น?
แม้ว่าการรับรู้ผ่านพลังปราณจิตของชิงสุ่ยจะไม่สามารถบ่งบอกพลังของอีกฝั่งได้อย่างชัดเจน แต่ที่เขายืนยันได้ทันทีคือศัตรูคนนี้จะต้องมีพลังมากกว่าเขา มันจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงยังไม่ลงมือเคลื่อนไหวอะไร อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสเฉิงจะพ่ายแพ้เร็วขนาดนี้
“ไอ้พวกตระกูลขยะ!! พวกเจ้ายังกล้าบอกตัวเองอีกหรือว่าเป็นตระกูลชนชั้นสูง!! น่าสมเพช!!”ชายคนนั้นสถบคำด่าหยาบคาย พูดจาถากถางหรือเยาะเย้ย
“ท่านปู่!! ท่านพ่อ!!”
“ข้าจะฆ่าเจ้าาให้ได้!!!”เฉิงสือชางดวงตาแดงก่ำและรีบพุ่งไปข้างหน้า
“กลับมาเดี๋ยวนี้!!”เสียงที่แสนอ่อนแอของผู้อาวุโสเฉิงดังขึ้น
เสียงตะโกน เฉิงสือชางก็รีบหยุดอยู่กับที่
ผู้คนที่อยู่รอบข้างพยายามพยุงผู้อาวุโสเฉิงให้ลุกขึ้น แม้ว่ากระดูกซี่โครงหักจะแตกสลาย แต่สำหรับยอดยุทธแล้ว บาดแผลพวกนี้ไม่ได้สำคัญอะไร
“ท่านพ่อ!! ข้าคงไม่อาจยืนดูอยู่เฉยได้ ข้าขอยอมรับความเสี่ยงและทำให้ทุกอย่างมันจบลง!!”เฉิงสือชางกล่าวด้วยความโกรธเคืองจนร่างกายสั่นเครือ
ในตอนแรก ชิงสุ่ยกำลังจะออกหน้าด้วยตัวเอง แต่เขาได้เห็นการกระทำของทุกคนจึงเลือกที่จะอยู่เฉยและอยากจะเห็นว่าผู้อาวุโสเฉิงจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
“ตาเฒ่าปีศาจอู๋ ตระกูลเฉิงของข้ายอมลี้ภัยจำยอมถูกบีบบังคับมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมพวกเจ้าถึงยังต้องการจะกำจัดพวกเราอีก? เจ้าคิดว่าตระกูลเฉิงของข้าจะไม่มีไพ่ตายบ้างเหรอ?”ใบหน้าของผู้อาวุโสเฉิงเต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียน ดวงตาของเขาจ้องมองตาเฒ่าปีศาจอู๋โดยไม่มีความตั้งใจว่าจะถอยอีกแล้ว
“ไพ่ตาย? เจ้าคิดว่าพวกเราโง่อย่างนั้นเหรอ? เจ้าเหลือไพ่ตายอะไรอีกบ้างล่ะ? เก่งจริงก็แสดงออกมาให้ข้าเห็น”ตาเฒ่าปีศาจอู๋ไม่สนใจคำพูดนี้เลยแม้แต่น้อย
“ในฐานะที่เราเป็นลูกผู้ชาย มาพูดคุยประนีประนอมกันดีกว่า บอกมาเลยว่าเจ้าต้องการอะไร?”ผู้อาวุโสเฉิงถามอย่างใจเย็น
“มันไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับข้า ที่จะไม่ฆ่าล้างบางตระกูลของเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าอยากได้ข้อเสนอข้าก็พร้อมจะสนอง”ตาเฒ่าปีศาจอู๋แสดงสีหน้าลามกอนาจาร รอยยิ้มของเขาทำให้คนตระกูลเฉิงถึงกับเสียวสันหลังวาบ แม้จะไม่ได้พูดสิ่งที่ต้องการ แต่ทุกคนก็รู้ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องบอก
“ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น ลูกชายของข้าเจ้าฆ่าเพียงเพราะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวในตระกูลของเจ้า เขาคือลูกชายสุดที่รักของข้า ลึกๆแล้วข้ายังคงเสียใจในสิ่งที่เจ้าทำ ข้ารู้ว่าตระกูลเฉิงมีสาวโฉมงามอยู่มากมาย เงื่อนไขของข้าคือ เจ้าจะต้องมอบหญิงสาวทุกคนในตระกูลมาให้ข้า”ตาเฒ่าปีศาจอู๋กล่าวด้วยน้ำเสียงแสนสุข
เมื่อตาเฒ่าปีศาจอู๋ประโยคนี้ออกมา ประโยคอันแสนน่ารังเกียจ แม้แต่ชิงสุ่ยก็เริ่มคิดแล้วว่าตระกูลอู๋มันเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ในเมื่อเขากล้าพูดคำพูดอันแสนบัดซบนี้ออกมาได้ ชิงสุ่ยก็ไม่เข้าใจแล้วว่าคนพวกนี้มันมีสมองคิดเรื่องอะไร
สิ่งหนึ่งที่เขายืนยันได้อันดับแรกคือศัตรูมีความแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ได้มากเกินกว่ากำลังที่เขาจะรับมือ คนพวกนี้เกิดมาด้วยจิตใจอันแสนสกปรก หากเป็นมนุษย์ทั่วไปคงไม่มีใครกล้าเปิดเผยคำพูดอันแสนเลวทรามต่อหน้าสาธารณชน แน่นอนว่าทุกคนจะต้องมองกลับไปถึงข้างหลัง เพื่อปกป้องคนในครอบครัว มนุษย์ย่อมเสแสร้งตัวเองว่าเป็นพวกใสสะอาด แม้กระทั่งคนเลวทรามก็ยังรู้จักรักครอบครัวตัวเอง
“ตาเฒ่าปีศาจอู๋ มันจะมากเกินไปแล้ว”ใบหน้าของผู้อาวุโสเฉิงบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ คำพูดที่เขาได้ยินเป็นคำดูถูกอย่างแน่นอน
เฉิงสือชางกำลังจะก้าวไปข้างหน้าแล้วเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงตาย
“ก็ได้ ข้าเองก็รู้สึกว่ามันมากเกินไป เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะไม่แตะต้องคนของตระกูลเฉิง ถ้าพวกเจ้ายอมมอบตัวเจ้าสาวที่โดดเด่นในงานวันนี้มาให้ข้า”ตาเฒ่าปีศาจอู๋ชี้นิ้วไปทางชิงเป่ย
“ฝันไปเถิด!!”เฉิงหยวนตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ในเมื่อนางแต่งงานเข้าตระกูลเฉิง วันนี้นางก็คือหนึ่งในคนของตระกูลเฉิง!! ฝันไปเถอะ!!”เฉิงสือชางโกรธมากจนตัวสั่น
“ฮ่าฮ่า คนของตระกูลเฉิง ใช่แล้วล่ะ ข้าต้องการเจาะจงไปยังคนของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้ามีปัญญาทำอะไรบ้าง? หากวันนี้ข้าต้องการพาสาวน้อยคนนั้นกลับบ้าน นางก็จะต้องกลับบ้านกับข้า”ตาเฒ่าปีศาจอู๋ระเบิดเสียงหัวเราะ
“หุบปากอันแสนโสโครกเดี๋ยวนี้ สิ่งเดียวที่เจ้าจะได้คือการกลับไปเอากับแม่เจ้า อะไรดลใจให้เจ้าพูดเรื่องบัดซบเช่นนี้ออกมา?”ชิงสุ่ยลุกขึ้นยืนโดยพลัน และเริ่มกล่าวคำสบถ
เขาไม่ใช่คนบ้า แต่การที่เขาสบประมาทก็เพื่อดึงความสนใจ คำพูดของเขาเปรียบเสมือนค้อนที่เอาตะปูไปตอกกลางใจฝั่งศัตรู
ทุกคนทั่วทั้งหมดต่างตกใจ
แม้แต่ตาเฒ่าปีศาจอู๋ก็ยังตกใจไม่ต่างกันเขาจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ “เจ้ากล้าลองดีกับข้าหรือ?”
“เปล่าเลย ข้าแค่บอกให้เจ้ากลับไปเอากับแม่ของเจ้าแทน จะได้ไม่ต้องมาเจอความอับอายกลางสาธารณะ เจ้ารู้จักตัวของเจ้าเองหรือไม่? ดูเหมือนเจ้าจะไม่ต่างจากสุนัขจรจัดเลย”ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะ
“เจ้ากำลังขุดหลุมฝังตัวเอง!!”ตาเฒ่าปีศาจอู๋โกรธจัดอย่างมาก
“เฮ้อ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าทำไมขยะมันถึงได้มีชีวิตรอดจนแก่ได้ขนาดนี้ เจ้าควรจะรู้ตัวซะบ้างว่าเจ้านั้นโชคดีเพียงใด ถ้าหากเจ้ามีรากฐานตระกูลอยู่ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ ข้าก็คงจะฆ่าเจ้าตายไปนานแล้ว เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าคนอย่างเจ้า แต่ยังกล้ามาแสดงความหยิ่งยโสต่อหน้าข้าได้?”ชิงสุ่ยจ้องมองตาเฒ่าปีศาจอู๋ตาไม่กระพริบ
จริงๆแล้วชิงสุ่ยเองก็โกรธมากเช่นกัน คงเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นคนที่ไร้ยางอายถึงขีดสุด จิตใจคิดแต่เรื่องสกปรก และยังใช้ในการฝึกฝน แน่นอนว่าของชิงสุ่ยเองก็มีเหมือนกันแต่มันคือการฝึกฝนผ่านคู่รักของตนเอง และใช้ความรักเป็นตัวประสานพลัง
ซึ่งในกรณีของการฝึกฝนเคล็ดวิชาทวิบ่มเพาะ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงล้วนได้ประโยชน์จากมัน มนุษย์เกิดขึ้นมาเพราะความรู้สึก ฉะนั้นการคืนสมดุลสู่หยินหยางจึงนำมาซึ่งประโยชน์ให้กับร่างกายของทั้งคู่มากกว่าการดูดกลืนหยินของอีกฝ่าย
“ก็ดี เจ้านี่มันโง่เขลานัก ข้ามีชีวิตอยู่มานานมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นเด็กเหลือขอที่กล้าแสดงความเย่อหยิ่งเท่ากับเจ้ามาก่อนเลย วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้จักคำว่านรกบนดินมันเป็นเช่นไร”ตาเฒ่าปีศาจอู๋จ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาเหี้ยมโหด
“พี่ชายชิงสุ่ย ตาเฒ่าปีศาจอู๋ผู้นี้คือศัตรูที่มีพลังสูงส่งมาก”เฉิงหยวนกล่าวเตือนด้วยความกังวล
ชิงสุ่ยสะบัดมือ แม้ว่าวิธีการปกป้องของตระกูลเฉิงจะไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่ดี ดังนั้นชิงสุ่ยจึงยอมรับวิธีการแสดงออกของพวกเขา
ชิงสุ่ยรู้สึกได้เลยว่าตระกูลเฉิงเป็นตระกูลที่ดีและมีเกียรติ
“ข้าจะลบล้างตระกูลอู๋ให้หายไปซะ มิฉะนั้นจิตใจของข้าคงสงบลงไม่ได้”ลำแสงอำมหิตสะท้อนผ่านดวงตาชิงสุ่ย
“ตาย!!”
ตาเฒ่าปีศาจอู๋ขยับมือทั้งสองข้าง พุ่งโจมตีเข้าหาชิงสุ่ย
อากาศและเอกภาพบิดเบี้ยว คลื่นปานสีเขียวยังๆเคลื่อนไหวเข้าหาชิงสุ่ยราวกับงูพิษ
ต้องขอบคุณเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ที่เพิ่มความสามารถในการหักเหการโจมตีของศัตรู 400 ล้านเต๋า เมื่อรวมกับพลังป้องกันตัวของอีก 300 ล้านเต๋า มันทำให้คลื่นพลังป้องกันที่อยู่ในตัวของเขามีขีดจำกัดสูงสุดถึง 700 ล้านเต๋าทันที
มือทั้งสองข้างของชิงสุ่ยเองก็เริ่มเคลื่อนไหวพริบตาแปรสภาพเป็นลำแสงสีทอง
ฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้าน!!
คลื่นลำแสงสีทองก่อรูปร่างกลายเป็นพระพุทธองค์ทองคำขยายใหญ่ตั้งตระหง่านต่อหน้าชิงสุ่ย จากนั้นพืชลำแสงสีทองก็พุ่งเข้าหาตาเฒ่าปีศาจอู๋
แต่ละพื้นที่ปลดปล่อยออกไปแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ ฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้านที่แข็งแกร่งที่สุดคือคลื่นที่ 9 และเรียกได้ว่าเป็นขอบเขตแดนสูงสุดเท่าที่คนคนนึงจะฝึกฝนได้ อย่างไรก็ตามทักษะที่แข็งแกร่งขนาดนี้ย่อมมีข้อเสีย นั่นก็คือยิ่งขึ้นลูกหลังยิ่งโจมตีช้า ทำให้ศัตรูหลบหลีกได้ง่ายขึ้น
ชิงสุ่ยเลือกใช้กระบวนท่านี้ก็เพราะศัตรูเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง เขาเชื่อมั่นว่าตาเฒ่าปีศาจอู๋จะไม่มีทางหลบและพยายามแสดงความเหนือกว่า
ปังง!! ปังงง!!……..
ตาเฒ่าปีศาจอู๋ป้องกันการโจมตีคลื่นพลังทองคำทั้ง 5 ลูก ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าตัวเองกำลังทำผิดพลาด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะหลบคลื่นลูกต่อไป
ฝ่ามือกระชากมังกร
แน่นอนว่าชิงสุ่ยย่อมไม่มีทางยอมให้เขาหลบหลีกการโจมตีด้วย
ปังงงง!!
ฝ่ามือกระชากมังกรสะกดร่างตาเฒ่าปีศาจอู๋ได้ชั่วขณะ แม้ว่าเขาจะเอาตัวรอดหลุดกันจับกุมมาได้อย่างทันท่วงที แต่ฝ่ามือพุทธองค์ลำดับที่ 6 ก็เข้าปะทะกับร่างของตาเฒ่าปีศาจอู๋อย่างจัง ทำให้เกิดแรงระเบิดผลักตัวตาเฒ่าปีศาจอู๋ กระเด็นกลับไปข้างหลัง สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างหนัก ในเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา ชิงสุ่ยก็กำลังสร้างตราประทับขึ้นบนมือ
ฝ่ามือราชันย์ราชสีห์!!
หัวราชสีห์ขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นทันทีที่ตาเฒ่าปีศาจอู๋หลุดออกจากฝ่ามือกระชากมังกร
ซึ่งฝ่ามือพุทธองค์ทองคำลำดับที่ 7 เองก็ปรากฏขึ้น ณ ที่แห่งเดียวกันด้วย!!