Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1973 – ถ้าหากเจ้าไม่อยากเป็นหนี้ชีวิตข้า หนทางรอดอย่างเดียวคือฆ่าตัวตาย
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1973 – ถ้าหากเจ้าไม่อยากเป็นหนี้ชีวิตข้า หนทางรอดอย่างเดียวคือฆ่าตัวตาย
โซว่อานสีหน้าดูไม่สบายใจแต่เขาก็พยายามทำให้มันดูเหมือนปกติ พร้อมกับยื่นมือออกไป “เชิญ!!”
โซว่อานไม่ใช้อาวุธเพราะชิงสุ่ยเองก็ไม่ใช้ ชิงสุ่ยไม่รู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้จำเป็นต้องใช้อาวุธใดๆทั้งสิ้น เขารู้ถึงพลังสูงสุดของโซว่อานเป็นอย่างดี เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 5
ชิงสุ่ยยิ้ม และพุ่งเข้าหาโซว่อานยื่นมือออกมาโดยไม่รีรอ!!
โซว่อานหน้าตึง ยอดยุทธย่อมต้องรู้ความแข็งแรงของผู้อื่นได้ทันทีที่เห็นกระบวนท่า
นิ้วของชิงสุ่ยเชื่องช้า มันดูช้ามากแต่โซว่อานกลับหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่ปลดปล่อยหมัดเข้าปะทะกับนิ้วของชิงสุ่ย ปังงงง!!!
ร่างกายของโซว่อานถอยหลังฉับพลัน ขณะที่ชิงสุ่ยยังคงก้าวเดินต่อมาข้างหน้า พร้อมกับปลดปล่อยนิ้วมือโจมตีอีกครั้ง
ภาพที่เกิดขึ้นแทบจะเหมือนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า
สีหน้าการแสดงออกของโซว่อานเต็มไปด้วยความมืดมน เขารีบปลดปล่อยมันออกไปอีกครั้ง
ปังงง!!
แล้วเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ร่างกายของโซว่อานถูกอัดกระเด็น ชิงสุ่ยเคลื่อนไหวตามหลอกหลอนเหมือนภูตผี เต็มไปด้วยความสง่างาม เมื่อเขาเข้าใกล้เขาก็ปลดปล่อยกระบวนท่าเดิม
ในครั้งนี้เขาทำได้แค่หลับตาลงอย่างช้าๆ พร้อมกับยอมรับชะตากรรมของตนเอง เขาไม่สามารถป้องกันตัวได้อีกแล้ว และนิ้วมือที่เข้าโจมตีมาก็รุนแรงมากพอจะปลิดชีวิตของเขา เสี้ยววินาทีสุดท้าย ชิงสุ่ยหยุดนิ้ว จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ เจ้าเป็นหนี้ชีวิตของข้าแล้ว ถ้าหากเจ้าไม่อยากเป็นหนี้ชีวิตข้า หนทางรอดอย่างเดียวคือฆ่าตัวตาย”
หลังจากกล่าวจบ ชิงสุ่ยก็บินตรงกลับมาที่ภัตตาคาร และกวักมือเรียกหญิงสาวทั้งสองคน
หญิงสาวทั้งสองเดินลงบันไดและกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “ท่านลุง ท่านเก่งกาจมาก!!”
ชิงสุ่ยถึงกับริมฝีปากกระตุก และจ้องมองไปที่หญิงสาวก่อนจะกล่าวว่า “ไปกันเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปส่งพวกเจ้ากลับไปยังเมืองหิมะอุดรเอง”
ทุกฝีก้าวของชิงสุ่ย ไม่มีใครกล้าขวางทางอีกต่อไปแล้ว เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ก็บีบบังคับให้โซว่อานจมดิ่งลงสู่ความสิ้นหวัง ชายชราอีก 2 คนที่อยู่ด้านข้างก็แข็งแกร่งพอๆกับโซว่อาน พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าต่อให้รวมกำลังกันก็สู้กับชิงสุ่ยไม่ได้ โซว่อานสูญเสียเกียรติ มันไม่ใช่เพราะตระกูลโซว่อ่อนแอ แต่เพราะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งเกินไป
“ชายคนนี้เป็นใครกัน? เขาเอาชนะโซว่อานได้ภายในกระบวนท่าเดียว เมืองต้าฉางมียอดยุทธที่แข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“อืม ชายผู้นี้กำลังพาหญิงสาวทั้งสองไปส่งที่เมืองหิมะอุดร หรือว่าเขาจะเป็นคนของพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธา?”
“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อยอดยุทธที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธามาก่อนเลย”
“เจ้าจะไปรู้อะไร? ในเมื่อความแข็งแกร่งของเจ้ายังอ่อนแออยู่เลย”
……………
……….
……..
“เจ้ารู้ภูมิหลังของชายคนนั้นหรือไม่?”เสียงผู้คนกำลังถกเถียงกันอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ตระกูลโซว่
“ไม่เลย ชายคนนี้เหมือนตกลงมาจากฟ้า เขาไม่ใช่คนของเมืองต้าฉาง”ชายวัยกลางคนกล่าว
“โซว่ป้า เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะเป็นคนของพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธา?”ผู้อาวุโสผมหงอกกล่าว
เขามีเส้นผมสีขาวเทา ใบหน้าสดใสแดงกล่ำเหมือนผิวทารก ปราศจากริ้วรอย มีเพียงแค่ดวงตาที่บ่งบอกถึงอายุที่มากขึ้น
“อาจจะไม่ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธาครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ไม่มีทางที่พวกเธอจะสอนนักรบที่เก่งกาจเอาไว้ และจากข้อมูลที่ได้รับ ดูเหมือนยอดยุทธคนนี้อย่าเพิ่งเคยมาถึงเมืองต้าฉางเป็นครั้งแรก”
“ท่านพ่อ พวกเราควรทำเช่นไรดี? แม้ว่าเราจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเจ้าแห่งพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธา แต่คนอื่นแล้ว ไม่คณามือพวกเรา พวกเราจะสร้างแรงกดดันให้กับพวกเธออย่างไรดี?”ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงกดดัน
“โซว่ติง เจ้ายังไม่เลิกคิดที่จะแต่งงานกับหญิงคนนั้นอีกหรือ เจ้าต้องการให้ตระกูลโซว่ตายไปพร้อมกับเจ้าอย่างนั้นสินะ?”ชายชราจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ
โซว่ติงหน้าซีดหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พ่อของเขาเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวและมีจิตใจที่เหี้ยมโหด ก่อนหน้านี้พี่ชายทั้งสามของพวกเขาเคยถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอด แต่ปัจจุบันได้ถูกถอนสิทธิ์หมดแล้ว
“ข้ามิกล้า ว่าแต่ชายหนุ่มคนนี้ถือเป็นอุปสรรคขวากหนามหรือไม่?”โซว่ติงกระซิบถาม
“ข้าจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ผิดพลาดในตระกูลโซว่เป็นอันขาด ข้ามักจะบอกกับพวกเจ้าว่าพวกเจ้าจะต้องระงับความรู้สึกส่วนตัว และอย่าเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเองออกไปคนเห็น นอกจากนี้ ศักดิ์ศรีของตระกูลก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความอยู่รอดและความคงอยู่ต่างหากที่สำคัญสุด บางครั้ง ตัวศักดิ์ศรีเอง รังแต่จะนำมาซึ่งความอับอายแก่พวกเจ้า”ชายชรากล่าวอย่างเชื่องช้าขณะที่เขาชำเลืองมองผู้คนโดยรอบ
โซว่อานสีหน้าอึดอัดไม่สบายใจ ก่อนที่เขาจะกล่าวกับชายชราว่า “ข้าขอโทษท่านพ่อ ลูกชายคนนี้ไร้ประโยชน์ ข้าทำให้ท่านต้องอับอาย”
ชายชราสะบัดมือ “ไม่มีเรื่องน่าอาย วันนี้เจ้าทำดีมาก”
โซว่ติงจ้องมองโซว่อานด้วยสายตาเย็นชา แต่เขาก็ทำได้แค่ก้มหน้า
“เอาล่ะ อย่าเคลื่อนไหวใดๆถ้าไม่จำเป็น อย่านำพาตระกูลโซว่ไปอยู่ในจุดอันตราย ไม่อย่างนั้น ข้าคงต้องทำให้เขาเสียใจที่มายังโลกใบนี้”ชายชรากล่าวด้วยนำเสียงเบาบาง
“แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าหากพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธาคุกคามพวกเรา?”ชายชราอีกคนนึงลุกขึ้นยืน เขาก็คือพี่ชายของผู้นำ โซว่เจียง ชายคนนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มตระกูลสาขาของตระกูลโซว่ มีข่าวลือหนาหูว่า เขากำลังวางแผนเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำ
“ข้าก็ไม่ได้บอกเจ้าให้แสดงความขี้ขลาด”ชายชรากับโซว่เจียงทิ้งท้ายก่อนจากไป
โซว่เจียงมองดูเงาของชายชรา ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงแผดเผา แต่ไฟแห่งความโกรธก็หายวับไปในพริบตา ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลง
เหล่าชายฉกรรจ์เริ่มถกเถียงกันหลังจากที่ชายชราจากไป พวกเขามาจากตระกูลสาขาทั้ง 3 แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางหมู่คนมากมาย แต่ก็มีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะแย่งชิงตำแหน่งผู้นำ เนื่องด้วยโอกาสพิเศษที่ทุกคนมารวมตัวกัน พวกเขาจึงอยากใช้เวลาให้มากที่สุด
ชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้งสองมุ่งหน้าสู่เมืองหิมะอุดรสำหรับคนอื่นการเดินข้ามเมืองอาจจะใช้เวลานาน แต่สำหรับชิงสุ่ยแล้ว การจะไปถึงเมืองหิมะอุดรใช้เวลาเพียงไม่กี่ก้าว
แม้ว่าเมืองจะชื่อหิมะอุดร แต่กลับไร้ซึ่งหิมะ ส่วนที่เป็นขาวโพลนกลับกลายเป็นท้องฟ้า ทั้งเมืองดูสดใสสะอาดตา และที่ชิงสุ่ยอยากจะตรวจสอบพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธาก็เพราะว่าหลวนหลวนอยู่ที่นั่น
ชิงสุ่ยไม่มีแผนการใดๆ เขาเพียงแค่อยากจะถามเกี่ยวกับนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะ เขาได้แต่สงสัยว่าในเมื่อนิกายที่เขากำลังมาเป็นนิกายอมตะ บางทีตอนนี้มันอาจจะกลายเป็นพระราชวังอมตะ 5 พยัคฆ์ไปแล้วก็เป็นได้
เทือกเขาใต้อุดรพสุธา!!
เทือกเขาใต้อุดรพสุธาเป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่ตั้งท่ามกลางเมืองหิมะอุดรและแบ่งเมืองแห่งนี้ออกเป็นฝั่งเหนือและฝั่งใต้ มันคือภูเขาลูกที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในเมือง ต้นไม้มากมายเติบโตเหมือนมังกรเขียวที่พร้อมจะออกทะยานบินไปเหนือท้องฟ้า พระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธาจะตั้งอยู่บริเวณยอดเขาทางเหนือในใจกลางเทือกเขาใต้อุดรพสุธา อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ถูกทหารยามสกัดกั้นไม่ให้ขึ้นไปข้างบน หญิงสาวทั้งสองคนจึงรับอาสาขึ้นไปแจ้งให้เบื้องบนรับทราบการมาของเขาเอง
ชิงสุ่ยก็ยอมรับเงื่อนไขและกล่าวขอบคุณ ��