Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1978 – ภัตตาคารหยกรัญจวน โฉมงามผู้เป็นเจ้าของ สมุนไพร
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1978 – ภัตตาคารหยกรัญจวน โฉมงามผู้เป็นเจ้าของ สมุนไพร
ภัตตาคารหยกรัญจวนตั้งอยู่บนถนนอวี้ฉางซึ่งอยู่ห่างจากที่อยู่ของชิงสุ่ยไม่ถึง 300 เมตร แม้ว่าจะเป็นภัตตาคารที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็ใหญ่มากกว่าหอคอยจักรพรรดิที่ชิงสุ่ยอยู่ในปัจจุบัน
“ท่านผู้อาวุโส ภัตตาคารหยกรัญจวนแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็โด่งดังเป็นที่นิยม ที่สำคัญพวกเขามีสุรารสเลิศที่สุดในดินแดนอุดรเหมันต์ อาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดไม่ได้ใช้จับจ่ายใช้สอยโดยเงินสด แต่ผู้ที่จะเข้าไปข้างในได้จะต้องใช้วิธีการแลกหยก”
ณ ทางเข้า หลางซีนำหยกเวทออกมาแสดงให้ทหารยามเฝ้าประตูดู จากนั้นก็นำทางชิงสุ่ยเข้าไปภายในตัวภัตตาคาร หยกเวทระดับทั่วๆไป 1 ชิ้นสามารถพาผู้ติดตามเข้าไปได้มากสุด 3 คน หยกแต่ละชิ้นจะมีระดับแตกต่างกัน สำหรับหยกระดับสูงสุด จะสามารถนำผู้ติดตามเข้าไปด้วยได้ถึง 10 คน แต่สำหรับหยกที่หลางซีใช้ ถือว่าไม่ใช่หยกที่อยู่ระดับต่ำสุด แล้วอยู่ของเขาจะพาคนเข้าไปได้ถึง 5 คน
“ท่านผู้อาวุโส หยกชิ้นนี้เป็นของท่าน”หลางซีพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหนักใจขณะที่เขายื่นหยกสำหรับเข้าภัตตาคารให้ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยโบกมือ “ข้าไม่สนใจมัน”
หลางซีรีบถอนมือกับ “ขอบคุณมากท่านผู้อาวุโส! ข้ากลายเป็นผู้ครอบครองผลึกหยกชิ้นนี้โดยบังเอิญ อาหารในภัตตาคารแห่งนี้อร่อยรสเลิศ ข้าคงเสียใจสุดชีวิตหากไม่ได้กลับมาลิ้มลองรสชาติของมันอีก”
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน หญิงสาวคนนึงก็เดินลงมาจากบันไดพร้อมกับรอยยิ้ม “มีทราบว่าข้าควรเรียกนายท่านทั้งสองว่าอย่างไร”
ชิงสุ่ยเพิ่งสังเกตเห็นหญิงสาวผู้นี้หลังจากได้ยินเสียงอันแสนนุ่มนวล น้ำเสียงของเธอดูเหมือนสาววัยประมาณ 30 ปี ซึ่งเป็นวัยที่มีเสน่ห์ แต่เมื่อดูจากผิวพรรณและใบหน้าแล้ว เธอน่าจะมีอายุมากกว่า 20 ปีอยู่เล็กน้อย
ดวงตาอันแสนสดใสเต็มไปด้วยประกายรอยยิ้ม มันช่างเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ ความสะอาดและความมีเกียรติ ผิวพรรณของเธองดงามเหมือนหยกไร้ที่ติ ผมสีดำยิ่งทำให้เธอดูสง่างาม เรียวคอรวมไปถึงรูปลักษณ์ที่ผอมเพียว ยิ่งทำให้เธองดงามเพิ่มเป็นเท่าตัว
ชุดสีเขียวเข้มที่ทำขึ้นมาจากผ้าบางยิ่งเปิดเผยรูปร่างอันแสนยั่วยวนใจ โดยเฉพาะหน้าอกขนาดอวบอิ่ม ประสานกับบั้นท้ายยิ่งทำให้ทุกคนหลงใหลในตัวเธอ
ขณะที่เธอเดินลงมาจากบันได ความสง่างามและเสน่ห์อันแสนอ่อนโยน ส่งกระทบมาถึงความรู้สึกที่อยู่ภายในตัวชิงสุ่ยและหลางซี
ชิงสุ่ยไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับสาวงามที่แสนน่าชื่นเช่นนี้ ถ้าหากให้เปรียบเทียบ ความงามของเธออยู่ในระดับเดียวกับห่าวหยุนลิ่วลี่หรืออาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ
“สวัสดี นายหญิงอวี้”
ชิงสุ่ยแสดงสีหน้าประหลาดใจ นายหญิงอวี้? ดูเหมือนว่าเธอคนนี้จะเป็นเจ้าของภัตตาคารหยกรัญจวน
หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้าให้กับหลางซี จากนั้นก็ชำเลืองมองชิงสุ่ย
” ข้ามาที่นี่เพื่อรับประทานอาหาร ตัวข้านามสกุลชิง”ชิงสุ่ยกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายชิง ดูเหมือนว่าท่านคงจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก”
ชิงสุ่ยพยักหน้า
“เอาละ ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงไม่รบกวนพวกท่านแล้ว ไว้มีโอกาสพวกเราก็คงได้เจอกันอีก”หญิงสาวก็หนักได้ว่าชิงสุ่ยเหมือนไม่เต็มใจสนทนาต่อ เธอจึงยิ้มให้กับชิงสุ่ยและจากไป นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอชายหนุ่มที่เลือกปฏิเสธไม่คุยกับเธอ
“ท่านผู้อาวุโส เจ้าของภัตตาคารคนนี้เป็นคนที่ลึกลับมาก มีข่าวลือหนาหูบอกต่อกันว่าเธอนั้นแข็งแกร่ง บางคนก็บอกกันว่าเธอมีภูมิหลังที่น่าสะพรึงกลัว จึงทำให้ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาให้กับภัตตาคารแห่งนี้”
หลังจากหาโต๊ะนั่งได้ หลางซีก็เริ่มสั่งอาหารจานนิยม ซึ่งราคาของมันก็แพงกว่าอาหารทั่วไปหลายเท่า
หลางซีไม่ได้สนใจราคา เขาสนใจความอร่อยอย่างเดียว
1 ก้านธูปผ่านไป อาหารจานร้อนก็ถูกนำมาจัดแจงกระจายทั่วทั้งโต๊ะ จานที่ใช้บรรจุอาหารทำขึ้นมาจากหยกม่วง ยิ่งเสริมสร้างให้อาหารดูละเอียดอ่อน ข้ามระดับขั้น
อันที่จริงแล้วชิงสุ่ยรับรู้ถึงกลิ่นหอมทันทีที่เข้าสู่ภัตตาคารหยกรัญจวน เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ากลิ่นหอมนี้มันไม่ใช่กลิ่นของอาหารแต่กลิ่นหอมที่มาจากสมุนไพรพิเศษ ดูเหมือนว่าสมุนไพรชนิดนี้จะสามารถรังสรรค์อาหารรสเลิศออกมาได้ แม้แต่ผู้ที่ทำอาหารไม่เป็นก็สามารถทำอาหารให้มีกลิ่นหอมรัญจวนใจได้ แต่สมุนไพรที่เขาได้กลิ่น ก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับสมุนไพรที่อยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะได้เลย เพราะว่าภายในดินแดนต่างมิติ สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยดินที่อุดมสมบูรณ์อัดแน่นไปด้วยพลังปราณ รวมไปถึงการหล่อเลี้ยงโดยฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต
“ท่านผู้อาวุโส ลองชิมดู อาหารเหล่านี้คืออาหารยอดนิยมมากที่สุดในภัตตาคาร ผู้คนมากมายต่างมาที่นี่เพื่อลิ้มลองรสชาติอาหาร”หลางซีแนะนำอาหารแต่ละจาน
ชิงสุ่ยปักอาหารขึ้นมาและค่อยๆชิม
รสชาติอาหารถือว่าอร่อย เพียงแต่มันก็ยังคงได้กว่าอาหารที่ชิงสุ่ยทำ
“อืม ไม่เลวเลย!”
หลางซีดื่มด่ำรสชาติยังมีความสุข และสั่งอาหารเพิ่มเติมอีกมากมาย
ชิงสุ่ยชิมอาหารเพียงแค่เล็กน้อย ส่วนที่เหลือหลางซีรับหน้าที่ในการกิน เขากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจพร้อมกับถอนหายใจ “เห้อออ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าใครจะเป็นผู้โชคดีได้แต่งกับนายหญิงอวี้ ชายผู้นั้นคงอิ่มเอมใจที่ได้ลิ้มรสชาติอาหารแสนเลิศทุกวัน “
ชิงสุ่ยยิ้มตอบ มันคงเป็นสวรรค์ของนักชิมอย่างแท้จริง อีกทั้งนายหญิงอวี้คนนี้ยังมีเสน่ห์เหนือผู้คน มันคงจะน่าแปลกมากกว่า หากผู้ใดได้ชิมอาหารรสเลิศพร้อมกับโฉมงาม แล้วยังกล้าบอกว่าไม่พอใจ
………………
…………
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้น ทั้งสองก็เดินทางกลับมายังหอคอยจักรพรรดิ ซึ่งก็เป็นเวลาประมาณบ่ายสายๆแล้ว ชิงสุ่ยยังไม่ได้ต้องการเปิดหอคอยจักรพรรดิในวันนี้ เขาจึงบอกกลับหลางซีว่า ” พรุ่งนี้ จะเป็นวันเปิดทำการ มาช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่”
“ได้เลยไม่มีปัญหาท่านผู้อาวุโส!! ส่วนตอนนี้ ข้า…..” “ไปทำสิ่งที่เจ้าต้องการทำได้เลย เพียงแค่อย่าลืมว่าพรุ่งนี้ต้องมาให้เช้า”ชิงสุ่ยโบกมือ
หลางซีพยักหน้าและจากไป
ชิงสุ่ยไม่ได้ติดตามหลางซีไป เขาไม่สนใจว่าหลางซีจะไปที่ตระกูลฉางหรือไปที่ใด ชิงสุ่ยกลับเข้าไปในบ้านและนั่งลงที่เก้าอี้พร้อมกับคิดไตร่ตรอง เขากำลังพิจารณาหาแนวทางเดินให้กลับหอคอยจักรพรรดิ ไม่ว่าจะเป็นการค้าสมุนไพรและตัวยา จรดไปถึงอาหารที่จะไม่เข้าไปขัดแย้งกับภัตตาคารหยกรัญจวน