Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1979 – เสือมันยังไม่ฆ่าลูกตัวเอง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1979 – เสือมันยังไม่ฆ่าลูกตัวเอง
ชิงสุ่ยครุ่นคิดถึงปัญหา โดยพื้นฐานแล้วเขาเองก็ไม่คุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้ ทางที่ดีที่สุดก็ไม่ควรจะสร้างเรื่องโกรธเคืองกับใคร โชคดีที่หอคอยจักรพรรดิยังไม่เปิดทำการ บางทีเขาอาจจะต้องคัดเลือกคนและเริ่มสร้างขุมกำลังเป็นของตนเอง
“ที่นี่คือหอรักษาใช่หรือเปล่า?”เสียงของใครบางคนดังขึ้น
ชิงสุ่ยหันหน้ามามองไม่เห็นหญิงสาวและเด็ก หญิงสาวผู้นี้อายุน่าจะน้อยกว่า 30 ปี และเป็นคนที่ดูสงบเยือกเย็น แต่ที่น่าประหลาดใจกว่าคือชิงสุ่ยกลับมองไม่เห็นร่องรอยของการฝึกฝนเลย
เครื่องแต่งกายของเธอดูเรียบง่าย แต่เสื้อผ้าไร้ซึ่งฝุ่นควัน อารมณ์รอบตัวของเธอกลมกลืนไปกับบรรยากาศไม่เป็นที่ดึงดูดผู้คน แต่น้ำเสียงของเธอนั้นดูนุ่มนวลสง่างามเกินบรรยาย เด็กชายอายุประมาณ 5 ขวบยืนอยู่ด้านข้างเธอ ใบหน้าของเขาดูซีดเล็กน้อย แต่ดวงตายังคงเปล่งประกายสดใส เธอยืนจ้องมองชิงสุ่ยและหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง
ชิงสุ่ยยิ้มและลุกขึ้นยืน “พวกเรายังไม่เปิดทำการเลย เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่คือหอรักษา?”
“ข้าเห็นสมุนไพร และการจัดแต่งที่ดูเหมือนหอรักษา”หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงรู้สึกสบายใจ เขาจึงยิ้มตอบกลับไปว่า “ข้ากำลังจะเปิดหอยาในวันพรุ่ง และเจ้าก็เป็นลูกค้าคนแรกของข้า ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอย่างไร ถือว่าวันนี้เป็นวันฤกษ์งามยามดี ทุกอย่างข้าจะไม่คิดค่าใช้จ่าย”
ชิงสุ่ยตั้งข้อสังเกตอันดับแรกว่าหญิงสาวผู้นี้จะต้องไม่ได้มีฐานะทางการเงินที่ดี เขาจึงมอบสิทธิพิเศษให้กับเธอ
“ขอบคุณท่านมาก ท่านพอจะช่วยดูลูกชายของข้าได้หรือ? เขามักจะเป็นลมบ่อยครั้ง บางครั้งเขาก็ปกติ บางครั้งเขาก็ผิดแปลกไป”หญิงสาวพาเด็กชายตัวน้อยเดินตรงไปด้านข้างชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยดูดิว่าหญิงสาวคนนี้คงจะพาลูกชายของเธอไปหาหมอมากมายหลายคน แต่พวกเขาก็คงแก้ปัญหาให้กับเธอไม่ได้ มันอาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษาให้หาย หรือบางทีมันอาจจะเป็นตัวเงินที่ใช้ในการรักษา
ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้า “การรักษาครั้งก่อนของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้าพาเด็กน้อยคนนี้ไปหาหมอหลายต่อหลายคน แต่พวกเขากลับไม่สามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้เลย ถ้าพยายามแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหาทางแก้มันได้”ขณะที่เธอกล่าวดวงตาของเธอก็แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยรักษาเขาที่นี่เอง”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
“ขอบคุณมาก!!”หญิงสาวผู้นั้นมองกลับมาด้วยความซาบซึ้งบุญคุณ แต่สายตาของเธอดูไม่มั่นใจ เธอทำได้แค่หวังว่าเขาจะรักษาลูกชายของเธอได้ สิ่งที่เธอทำได้คือมีแค่เพียงความเชื่อ
ชิงสุ่ยเดินเข้าใกล้เด็กน้อย แล้วค่อยๆตรวจสอบอย่างละเอียด ก่อนจะเริ่มตั้งคำถามกับหญิงสาว
ในขณะที่ชิงสุ่ยกล่าว เขาก็พยายามสังเกตสภาพเด็กน้อยโดยอาศัยทักษะเบิกเนตรสวรรค์ จากนั้นก็มองหญิงสาว หญิงสาวผู้นี้เป็นเพียงหญิงธรรมดาที่ไม่มีการฝึกฝน แต่กลิ่นอายรอบตัวเธอกลับไม่ธรรมดาเลย
ชิงสุ่ยรู้แล้วว่าสภาพของเด็กน้อยไม่ใช่เกิดจากอาการบาดเจ็บหรือถูกพิษ มันเกิดจากใครบางคนที่ใช้ทักษะพิเศษปิดผนึกเส้นลมปราณของเขา ด้วยภายใต้พลังที่แฝงอยู่ภายใน โอกาสที่เด็กน้อยจะมีอายุยืนยาวมากกว่า 9 ขวบแทบเป็นไปไม่ได้ ชิงสุ่ยสงสัยเหลือเกินว่าใครที่มันกล้ากระทำการโหดเหี้ยมเช่นนี้? แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือคนผู้นั้นจะต้องปิดผนึกเส้นลมปราณตั้งแต่เด็กน้อยยังเยาว์วัย และทำทุกวิถีทางขัดขวางไม่ให้เด็กน้อยคนนี้ได้เติบโต
“มันรักษายากหรือไม่?”หญิงสาวรู้ดีว่ามันยากทันทีที่เธอเห็นชิงสุ่ยขมวดคิ้ว เธอเสี่ยงโชคมาในวันนี้ แต่ในใจของเธอก็ยอมรับความผิดหวัง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้แปลกใจอะไรมาก
“บอกตามตรง ข้ารักษาเขาได้ แต่นี่ไม่ใช่อาการบาดเจ็บหรืออาการเจ็บป่วย มีใครบางคนไม่ต้องการให้เด็กน้อยคนนี้มีอายุยืน” ชิงสุ่ยปล่อยให้เด็กน้อยไปวิ่งเล่นด้านข้าง ก่อนที่เขาจะคุยกับหญิงสาวตัวต่อตัว
หญิงสาวผู้นั้นถึงกับตัวสั่น ชิงสุ่ยเองก็คาดว่าเธอคงจะรู้ว่าใครบงการอยู่เบื้องหลัง เธอมองลูกชายของเธอด้วยสายตาอ้างว้าง ใบหน้าของเธอซีดเผือดไปตามกาลเวลา ดูเหมือนว่าเธอกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดอะไรบางอย่าง ชิงสุ่ยจึงปล่อยให้เธอคิด
เมื่อมองหญิงสาวที่แสนน่ารันทด ชิงสุ่ยก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะรู้ดีว่าบนโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เธอคนเดียวที่ต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมาน
“นายท่าน ได้โปรดช่วยเขาด้วย เด็กคนนี้ยังเยาว์วัยและเขาก็ควรมีสิทธิ์ได้ใช้ชีวิตบนโลกที่แสนกว้างใหญ่นี้”หญิงสาวเม้มริมฝีปากแสดงความลังเลก่อนจะกล่าว
ชิงสุ่ยพยักหน้าและเคารพในการตัดสินใจของเธอ แน่นอนว่าเขาเองก็คงต้องทำตามสัญญา คือการรักษาเด็กน้อยโดยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่ารักษาแม้แต่เสี้ยวเดียว
สำหรับตัวชิงสุ่ยแล้วการปลดผนึกพันธนาการเส้นลมปราณให้กับเด็กน้อยไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เขาฝังเข็มสวรรค์แห่งธาตุทั้ง 5 ลงบนร่างกายของเด็กน้อย จากนั้นก็ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามก็สามารถปลดผนึกที่พันธนาการเส้นลมปราณได้อย่างง่ายดาย ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็รู้สึกถึงความแปลกประหลาด
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเหมือนกับมีพลังที่ส่งต่อไปถึงตัวผู้บงการให้รับรู้ได้ว่าผนึกถูกคลายแล้ว “เอาล่ะมีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องเตือนเจ้า คนที่ทำผนึกนี้เอาไว้ รับรู้แล้วว่าผนึกที่อยู่ในตัวเด็กน้อยถูกคลายแล้ว”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงบางเบา เขารู้ว่าเธอจะต้องเข้าใจ
“ขอบคุณมากท่านหมอ” หญิงสาวตัวสั่น ก่อนจะหันหลังออกไปพร้อมกับความสิ้นหวังอย่างแท้จริง
“รอเดี๋ยวก่อน”ชิงสุ่ยฝ้าอย่างรวดเร็ว
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าหญิงสาวผู้นี้จะต้องมีเรื่องราวความเป็นมา ซึ่งมันทำให้เขาเห็นภาพเธอทับซ้อนอยู่กับภาพพี่สาวของเขาชิงชิง แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้มีบุญคุณต่อกัน แต่กลิ่นอายที่ออกมาจากตัวของเธอนั้นช่างคล้ายคลึงกับอวี้เนียง ชิงสุ่ยจึงไม่อยากให้กลิ่นอายเหล่านี้ต้องสูญสลายหายไป
หญิงสาวหันกลับมามองชิงสุ่ยด้วยสายตาประหลาดใจ “นายท่าน”
ชิงสุ่ยถูจมูก “บางทีการบอกเล่าเรื่องราวของเจ้า ข้าอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง” หญิงสาวคนนั้นส่ายหน้า “ท่านคือคนที่ช่วยชีวิตข้า ข้าคงทนสร้างปัญหาให้กับท่านไม่ได้”
“ข้าไม่ใช่คนธรรมดา เจ้าไม่กังวลเรื่องลูกของเจ้าหรือ? เจ้าไม่อยากเห็นเขาเติบใหญ่อย่างนั้นหรือ?”ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเธอห่วงใยสิ่งใดมากที่สุด
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดคิดเอาไว้ หญิงสาวคนนั้นหยุดนิ่งและจ้องมองชิงสุ่ย “คนผู้นั้นน่ากลัวมาก ข้าคิดว่าท่านก็ไม่สามารถเทียบเคียงเขาได้ เขาจะต้องลงมือฆ่าท่านแน่”
“มันคงสายเกินไปแล้ว ลูกชายของเจ้าถูกตราประทับปิดผนึกเส้นลมปราณ และตัวข้าก็เป็นคนปลดผนึกตราประทับนั้น เขาจะต้องรู้สึกโกรธเคืองข้าเป็นธรรมดา ดังนั้นข้าเองก็ได้รับปัญหามาแล้วไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลย”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยถ้อยคำเรียบง่าย
หญิงสาวผู้นั้นถอนหายใจ “ข้าต้องขอโทษท่านจริงๆ!!”
“ไม่เป็นไร ก็อย่างที่ข้าได้ออกไปก่อนหน้า ข้าไม่ใช่คนธรรมดา อธิบายปัญหาให้ข้าฟัง ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าข้าจะช่วยเจ้าได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้เจ้ากับลูกของเจ้าได้อยู่อย่างปลอดภัย”ชิงสุ่ยมั่นใจในความสามารถของตนเอง
ดวงตาของหญิงสาวส่องประกายความหวังอันแสนสดใส รัศมีรอบดวงตาของเธอเป็นไปด้วยความงดงามอย่างน่าอัศจรรย์ อย่างไรก็ตามมันก็เกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงสั้นๆก่อนจะกลับคืนสู่ความปกติ
“ผู้ที่บ่งการเรื่องนี้คือตระกูลหลาง เขาน่าจะเป็นผู้นำตระกูลหลางคนปัจจุบัน ตอนนี้ตระกูลหลางมีสถานะเทียบเคียงกับตระกูลฉางไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย ตอนที่ข้าได้เจอเขา เขายังไม่ได้เป็นผู้นำตระกูลหลาง ถ้าจะให้อธิบาย ชายคนนั้นถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะเพียงแต่ทำตัวสาระเลว เขาทำทุกวิถีทางเพื่อประโยชน์ส่วนตน ไม่สนใจว่าจะต้องลงมือทำด้วยความชั่ว และพร้อมจะทำอย่างไรความปราณี โชคร้าย ที่ข้าเคยเป็นผู้หญิงของเขาแล้วยังให้กำเนิดลูกชายของเขาด้วย เขาอยากจะฆ่าลูกชายของเขาเพื่อจะได้แต่งงานกับหญิงสาวตระกูลฉาง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไล่พวกเรา และยังทำลายวรยุทธของข้า จากนั้นก็ทำสิ่งชั่วร้ายกับลูกชายของเขาเอง แม้แต่เสือมันยังไม่ฆ่าลูกตัวเอง แต่เขาเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน”
��