Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1989 – เจ้ามันน่ารังเกียจ
“อ๊า…..แม่นางบำเรอ….คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะรู้วิธีการรักษาคน“
เสียงที่น่ารังเกียจดังก้องเข้ามาในตัวหอคอยจักรพรรดิ มันเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม เมื่อชิงซีได้ยินน้ำเสียงของคนที่พูด ร่างกายของเธอก็สั่นเครือ เธอได้ยินคำพูดแบบนี้บ่อยมาก แม้ว่าหญิงสาวที่พูดจะไม่ได้ฝึกวรยุทธ แต่เธอก็มักจะถูกหญิงสาวผู้นี้ใช้ประโยชน์เป็นประจำ
หญิงสาวผู้นี้เป็นคนมีภูมิหลังที่ดีไม่เป็นคนของตระกูลฉาง ซ้ำยังเป็นภรรยาของผู้นำตระกูลหลาง ชิงซีจำยอมต้องถูกรังแกหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนเธอกำลังจะถูกฆ่า สุดท้ายเธอก็ต้องแบกรับทุกอย่างเอาไว้ และถือว่าเป็นข้อผิดพลาดของตนเอง
“ไม่เป็นไรถ้าหากเจ้าจะไม่กังวลเรื่องของตนเอง แต่ลูกชายของเจ้า มันคงเป็นเรื่องน่าสังเวชใจหากเขาเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีแม่“
ประโยคนี้คือประโยคที่เธอจําได้ขึ้นใจ!! หญิงสาวจากตระกูลฉางใช้ลูกของเธอเป็นข้อต่อรอง ชิงซีจำใจต้องยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้เธอได้มีชีวิตต่อ
ในตอนที่หญิงสาวผู้นี้เป็นภรรยาของผู้นำตระกูลหลาง เธอก็รู้ดีว่าผู้นำตระกูลหลางไม่ได้ชอบเธอ แต่จำใจต้องแต่งงานเพื่อตะกูลของเขา หญิงสาวผู้นี้จึงใช้ลูกของชิงซีมาเป็นเครื่องต่อรองรับอารมณ์ใส่ชิงซี
เมื่อชิงซีเห็นหญิงสาวจากตระกูลฉาง เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำไมท่านจะมาที่นี่? พวกเราไม่ต้อนรับท่าน“
“นางบำเรอก็ควรจะอยู่ส่วนนางบำเรอ ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะหาชายใหม่ได้ในระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้ เจ้าคงจะเบื่อที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวไร้ชายใดครอบครองมาหลายปีสินะ“หญิงสาวจากตระกูลฉางกล่าวด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ผู้คนที่อยู่บริเวณข้างเคียงต่างก็หันมาสนใจทั้งสองคนโดยเฉพาะชิงซีที่มีรูปร่างงดงาม
“ท่านจะดูถูกข้าก็แล้วแต่ใจท่าน แต่อย่าได้ดูถูกนายท่านของข้าเป็นอันขาด ผ่อนไม่มีคุณสมบัติมากพอจะทำเช่นนั้น “ชิงซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง เธอทนทุกข์ทรมานมาหลายปี ทุกสิ่งที่เธอโดนกระทำมันรุนแรงยิ่งกว่าคำสบประมาทเหล่านี้ทั้งหมด
“นายท่าน? ฮ่าฮ่าฮ่า ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะตกหลุมรักชายคนนี้จริงๆ!!“หญิงสาวตระกูลฉาง หัวเราะด้วยความอวดดี
“เอาล่ะ ข้าได้บอกท่านไปแล้วว่าที่นี่เราไม่ต้อนรับท่าน ได้โปรดอย่าสร้างความรำคาญ ข้ายังคงต้องรักษาผู้คนต่อ“ชิงซีกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งไร้อารมณ์
“เจ้าไม่ต้อนรับข้า? คนอื่นอาจจะไม่ทราบ แต่เจ้ารู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าคฤหาสน์หลังนี้มันเป็นของตระกูลหลาง?”หญิงสาวจากตระกูลฉางกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ชิงซีไม่สนใจแม้แต่จะหันมามอง “สิ่งที่ท่านรู้เป็นเพียงแค่อดีต แต่ที่ข้ารู้ตอนนี้คือคฤหาสน์หลังนี้เป็นของนายท่านของข้า “
“อีนางบำเรอ ข้ามาที่นี่เพื่อทวงคฤหาสน์ของข้ากลับคืน เจ้าคิดว่านายท่านของเจ้านั้นจะหยุดทั้งตระกูลหลางและตระกูลฉางได้อย่างนั้นหรือ?”หญิงสาวตระกูลฉางกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกพร้อมหัวเราะ
“หญิงสาวที่น่ารังเกียจคนนี้มาจากไหนกัน? ไสหัวกลับไปอยู่ในที่ขยะของเจ้าซะ เจ้านี่มันสารเลว ยิ่งกว่าหน้าตาจริงๆ“ในขณะเดียวกันนั้นชิงสุ่ยก็มาปรากฏกาย ก่อนหน้านี้เขาทำการรักษาผู้ป่วยอยู่ในห้องชั้นใน แต่เขาก็ได้ยินทุกคำพูดที่ออกมาจากปากหญิงสาวคนนี้อย่างชัดเจน
ในอดีตชิงซีจะต้องแบกรับและเป็นผู้ที่ผิดเสมอ แต่เมื่อเธอมาเป็นลูกศิษย์ของเขา นั่นก็หมายความว่าเธอไม่ต่างอะไรจากลูกสาวเขา ดังนั้นชิงสุ่ยจึงโกรธจัดเป็นธรรมดา และไม่คิดจะมีมิตรไมตรีอะไรกับหญิงสาวผู้นี้อีก
“เจ้า…..เจ้ากล้าด่าข้า? โอ้ ดูเหมือนว่าเจ้าก็คือนายน้อยของชิงซีสินะ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าคืนนี้จะนอนกับลูกศิษย์ของเจ้าทั้งคืนอีก….. “
ปังงงง!!
ก่อนที่หญิงสาวจะกล่าวจบ ชิงสุ่ยก็ตบหน้าเธออย่างจัง การเคลื่อนไหวของเขาเป็นเหมือนภาพกระพริบ ที่ไม่มีใครตอบสนองได้ทันเวลา เมื่อบรรดากลุ่มคนที่อยู่รอบข้างเธอรู้สึกตัว หญิงสาวตระกูลฉางก็ถูกตบปลิวลอยออกนอกหอคอยจักรพรรดิไปเสียแล้ว
แต่ท่ามกลางกลุ่มคนที่เธอนำมาด้วย ชายชราเหมือนจะรู้สึกตัวได้ทันเวลาและขยับร่างกายอย่างรวดเร็ว เขารีบคว้าตัวของหญิงสาว พาเธอกลับมายังจุดยืนจุดเดิม
“เจ้ากล้าดียังไงถึงได้มาตบข้า?” หญิงสาวตระกูลฉางเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอตกใจอย่างมาก
“จะเชื่อข้าหรือไม่ก็ช่างปะไร แต่ถ้าเจ้าพูดอีกคำเดียว ข้าก็จะตบหน้าเจ้าอีก คนที่เจ้าแต่งงานด้วยต้องเจอโชคร้ายก็เพราะเจ้า นอกจากเจ้าจะดูน่าเกลียดแล้ว เจ้ายังดูโง่!!ชายคนนั้นคงต้องตาบอด!! ต่อให้ร่างกายของเจ้านั้นพร้อมพลีกายให้กับข้า ข้าก็คงจะเอาเจ้าไปทิ้งถังขยะ” ชิงสุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ก็เต็มไปด้วยความดูถูกที่รุนแรง
“เจ้ามันเลว!! หืม ข้าบอกได้เลยว่าเจ้ากำลังหลงมายาของนางบำเรอคนนี้!! หญิงสาวมากมายดีกว่านาง ข้ามาที่นี่เพื่อเอาของข้ากลับ เดิมทีมันเป็นของตระกูลหลาง“หญิงสาวไม่อยากโต้เถียงกับชิงสุ่ย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าทำให้เธออับอายมาก
อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยก็ยังคงขมวดคิ้ว เขามองเธอด้วยสายตาเย็นชา “หญิงชั่วไร้พลัง ข้าแนะนำให้เจ้าอยู่บ้านคอยปรนนิบัติสามีและคอยเลี้ยงลูก ถ้าเจ้าทำตามที่เขาบอกชีวิตเจ้าจะปลอดภัย คงจะมีแค่คนตาบอดเท่านั้นแหละที่อยากจับมือสกปรกของเจ้า ฃ“
“เจ้า……..ที่นี่คือคฤหาสน์ของตระกูลหลาง!!! ข้ามาเพื่อทวงคืน ไสหัวออกจากที่นี่ซะ!!“หญิงสาวจากตระกูลหลาง ชี้นิ้วไปที่หน้าของชิงสุ่ยและกล่าวด้วยความโกรธ “ของตระกูลหลางงั้นรึ? สงสัยว่าเจ้าจะเกิดมาลืมเอาสมองมาด้วย หาหลักฐานมาพิสูจน์สิว่ามันคือของตระกูลหลาง“ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“เจ้าอย่าคิดว่าที่นี่เป็นของเจ้าเพียงเพราะเจ้าแย่งชิงมาจากตระกูลหลาง ข้าขอถามเจ้าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เจ้าจะออกไปหรือไม่?”หญิงสาวจ้องมองชิงสุ่ย นับตั้งแต่ที่เธอถูกชายคนนี้ตบ เธอก็เกลียดชายคนนี้เข้ากระดูกดำ และหวังว่าชายคนนี้จะต้องตาย
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ทำไมเจ้าไม่ลองหาวิธีทำให้ข้าออกจากที่นี่ดูล่ะ?”ชิงสุ่ยปลดปล่อยทักษะก้าวพสุธาเอราวัณ และด้วยความสามารถในการควบคุมพลังเขาปล่อยเพียงแค่คลื่นกระแทก โดยที่ทุกอย่างที่อยู่บริเวณรอบข้างไม่ได้รับผลกระทบ
ชายชราส่งเสียงตะคอก!! และกระทืบเท้าเพื่อที่จะต้านทานแรงกระทบจากชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยปล่อยกระบวนท่าฝ่ามือ
ฝ่ามือกระชากมังกร!! เขาแขวนหญิงสาวตระกูลฉางขว้างเธอออกไป เหมือนก้อนหินกลิ้งออกจากหอคอยจักรพรรดิ ภาพที่เธอล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้นเป็นอะไรที่ไม่น่าดูอย่างยิ่ง เมื่อเธอลุกขึ้นยืนร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยพกช้ำ บางส่วนก็มีเลือดซึมออกมา
หญิงสาวจากตระกูลฉางโกรธจนควันออกหู ตลอดช่วงชีวิตของเธอนี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกทำร้าย และต้องนอนกลิ้งอยู่บนพื้นดินท่ามกลางสายตาของผู้คน เธอจึงมองไปยังชายสูงอายุ 2 คนและตะโกนออกมาว่า “ฆ่ามัน!! ฆ่ามันซะ!!“
ท่ามกลางกลุ่มคนทั้งหมด ผู้อาวุโสสองคนนี้คือยอดยุทธจากตระกูลฉางที่ถูกส่งมาเพื่อรักษาหญิงสาว
ผู้อาวุโสทั้งสองคนและชิงสุ่ยเข้าโจมตีพร้อมกัน
“พวกเจ้ายังหนีได้ ข้าให้โอกาสตอนนี้ มิฉะนั้นต่อให้เป็นตระกูลฉางก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้ “ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ในขณะเดียวกัน องค์จักรพรรดิคลั่งก็เดินออกมาดู ตอนแรกเขาอยากจะเข้าร่วมการต่อสู้ แต่ก็ถูกชิงสุ่ยหยุดยั้งเอาไว้ นอกจากนี้เขาเองก็รู้ว่าชิงสุ่ยแข็งแกร่งเพียงใด เขาจึงไร้กังวลและคอยมองดูจากด้านข้าง
“ฆ่ามัน!! ข้าต้องการให้มันตาย!! หากมีอะไรเกิดขึ้น ตระกูลฉางพร้อมรับผิดชอบ“หญิงสาวกลายเป็นคนไร้เหตุผล สิ่งที่เธอต้องการคือการฆ่าชิงสุ่ย มิฉะนั้นเธอเองก็คงจะอกแตกตาย
ชิงสุ่ยขยับฝ่ามือและร่างกาย แม้ว่าชายชราทั้งสองคนจะแข็งแกร่งแต่ระดับพลังพลังของพวกเขาก็อยู่ในระดับเดียวกับผู้นำตระกูลหลาง อันที่จริงแล้วด้อยกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ เพียงแค่ประสบการณ์ความต่อสู้ ชายชราทั้งสองคนมีมากกว่า
อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่ได้เห็นคือวิธีที่ชิงสุ่ยเอาชนะผู้นำตระกูลหลาง แน่นอนว่าข้อมูลที่ได้รับไปย่อมบิดเบือนในระดับหนึ่ง ตั้งแต่ชิงสุ่ยช่วยชิงซี ตระกูลฉางก็คิดว่าผู้นำตระกูลหลางสมรู้ร่วมคิด และเจตนายอมแพ้เพื่อให้ชิงซีได้หลุดพ้นจากบ่วงกรรม