Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1993 – โชคดีของการรับใช้ แม้จะเป็นตระกูลสูงส่งก็จะไม่มีสิทธิ์ได้ดูหมิ่น
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 1993 – โชคดีของการรับใช้ แม้จะเป็นตระกูลสูงส่งก็จะไม่มีสิทธิ์ได้ดูหมิ่น
ความแข็งแกร่งของอสูรสยบมังกรยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งของมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังทำลายล้าง แต่ขึ้นอยู่กับความเร็วที่เพิ่มขึ้น ส่วนพลังเต๋าพี่มันครอบครองจะใช้ขจัดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แน่นอนว่าด้วยร่างกายที่ผิดปกติ ทำให้ผิวหนังของมันแข็งแกร่งจนไม่มีสิ่งใดทำลายมันได้
และด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่จึงยิ่งบีบบังคับให้มีการโจมตีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไปถึงตัวมัน จนถึงตอนนี้ชิงสุ่ยยังมองไม่เห็นเลยว่าใครจะมาเป็นคู่ต่อกรของอสูรสยบมังกร ตราบใดที่คู่ต่อกรอ่อนแอกว่าแม้เพียงเสี้ยว ผู้นั้นจะถูกบดขยี้และสังหารทันที
พลังของเจ้าอสูรสยบมังกรตอนนี้บรรลุสู่ระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะอยู่ในขั้นแรกเริ่ม แต่ก็มีพลังมากพอจะสู้กับเหล่ายอดยุทธดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 ได้อย่างเท่าเทียม
ส่วนเจ้าอสูรนรกรัตติกาลที่ชิงสุ่ยมักจะใช้งานเพราะมันเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่มีความจงรักภักดีอย่างสุดหัวใจ ชิงสุ่ยจะใช้มันไปในทางด้านการป้องกันการโจมตี เนื่องด้วยตัวของมันนั้นไม่ได้แข็งแกร่งเรื่องความเร็ว
ความแข็งแกร่งของมังกรไอยราเกล็ดทองคำ วิหคอัคคีทมิฬ และอสูรแมงมุมมังกรก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพียงแต่แม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่ง หากทุกวันต้องเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งระดับชิงสุ่ยพวกมันก็ยังคงต่อกรไม่ได้ แต่ถ้าหากพวกมันรวมกันสู้ และประสานกำลังเสริมด้วยอสูรสยบมังกร โอกาสที่จะเอาชนะ ก็ยังพอเป็นไปได้
โดยปกติแล้วอสูรสยบมังกรและอสูรอัสนีคลั่งจะเป็นสัตว์อสูรที่คอยช่วยเหลือกันโดยใช้วิธีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเข้าโจมตีอย่างตรงไปตรงมา ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามพยายามโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างเช่นมันพยายามโจมตีอสูรอัสนีคลั่ง อสูรสยบมังกรจะใช้กระบวนท่าสูงสุดเข้าทำลายศัตรู ส่วนถ้าเป็นอสูรอัสนีคลั่ง มันก็ใช้ปราการสายฟ้าโจมตีเพื่อทำให้ศัตรูเกิดอาการมึนงง และให้เจ้าอสูรสยบมังกรเป็นฝ่ายสวนโจมตีศัตรูเพื่อสังหาร
……………………..
หลังจากฝนอย่างหนักให้กับเด็กๆเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน เด็กน้อยทั้งหมดก็แข็งแรงขึ้นอย่างมาก และครั้งนี้ชิงสุ่ยก็เป็นคนทดสอบพวกเขาทีละคน
คนที่พัฒนามากที่สุดคงจะเป็นเด็กที่เขาเจอเป็นครั้งแรก หรือก็คือเด็กที่คอยรับหน้าที่ดูแลพี่น้องคนอื่น เขามีร่างกายที่ดีกว่าคนอื่น และมีพรสวรรค์ในการเคลื่อนไหวท่วงท่าเพลงหมัดสันโดษ
แต่ถ้าหากในแง่ของพลัง คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คงจะเป็นชิงจิ๋ว(ลำดับ 9)
ก่อนหน้านี้ในช่วง 3 วันแรกหลังจากการฝึกฝน เด็กทุกคนจะได้รับผลเบญจธาตุ แน่นอนว่ามันเป็นผลไม้ที่ชิงสุ่ยเก็บเอาไว้ในดินแดนหยกยุพราชอมตะมาเป็นเวลาหลายปีผลไม้เหล่านี้ดูดซึมพลังปราณที่ซ่อนอยู่ในดินแดนพิศวง ทำให้มันเพิ่มพูนประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกาย
ถึงแม้ว่ามันจะมีผลเพียงแค่ครั้งเดียวแต่ ชิงสุ่ยก็ชอบกินพวกมันมาก เนื่องจากพวกมันเป็นผลไม้ที่มีรสชาติค่อนข้างอร่อย
“พวกเจ้าทุกคนพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก วันนี้ข้าจะมอบของขวัญให้กับพวกเจ้า ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าจะต้องชอบมัน”ชิงสุ่ยกล่าวขณะหยิบเม็ดยาพลังพยัคฆ์ออกมา
ยาพลังพยัคฆ์ไม่เหมือนกับตัวยาเมื่อในอดีต แต่ก่อนมันเพิ่มพูนพลังผู้ใช้ได้เพียงแค่ 1000 จิน แต่ปัจจุบันสามารถเพิ่มพูนได้ถึง 3000 จิน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากร่างกายของบรรดาเด็กทุกคนไม่ได้ถูกปรับสภาพ พวกเขาก็คงไม่สามารถรับมือยาชิงสุ่ยได้
หลังจากกินยาพลังพยัคฆ์เข้าไป เมื่อผ่านไปประมาณ 1 ชั่วยาม เด็กทุกคนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับความรู้สึกประหลาดใจที่ร่างกายของตนมีพลังเพิ่มพูนขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่า
มันอาจกล่าวได้ว่าทุกคนได้ผ่านจุดความแข็งแกร่งของมนุษย์ทั่วไปๆแล้ว สำหรับมนุษย์ปกติทุกคนจะมีพลังสูงสุดเพียงแค่ 500 จินและไม่มีความพัฒนาอีกต่อไป
แต่ในกรณีของบรรดาเด็กทุกคน พลัง 3500 จิน เป็นพลังที่พวกเขาไม่เคยฝันถึง จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาล้วนรู้สึกประหลาดใจ
ตั้งแต่แรกเริ่มชิงสุ่ยเด็กฝึกฝนทุกคนด้วยพื้นฐานและพยายามเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของร่างกายรวมถึงขจัดคราบสกปรกที่ติดอยู่ในเส้นลมปราณ เพื่อทำให้ทุกคนสามารถพัฒนาพลังได้อย่างต่อเนื่องโดยมีนัยยะสำคัญ รากฐานคือสิ่งจำเป็น โชคดีที่ชิงสุ่ยไม่ใช่มนุษย์ทั่วไป จึงสามารถจัดเตรียมทุกอย่างเพื่อทำให้ผลลัพธ์จากความพยายามก้าวกระโดดเพิ่มอีก 2 เท่า
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เขายังคงต้องใช้เวลาอีกนานในการบ่มเพาะบรรดาเด็กน้อยให้พร้อม หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ เหลียนหลิงเฟิงและคนอื่นๆรวมถึงองค์ชายสิบสามก็ได้เดินทางมาหาชิงสุ่ยตามคำบอกเล่าขององค์จักรพรรดิคลั่ง เมื่อทั้งหมดรวมตัวกันคอยสนับสนุนชิงสุ่ย ผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเมืองมหานครฉางก็คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากกลุ่มชิงสุ่ย
แต่มันก็ยังคงห่างไกลจากสิ่งที่ชิงสุ่ยต้องการ เนื่องจากความสามารถในทางการรักษาที่น่าเกรงขาม ชิงสุ่ยจึงต้องการให้พอจักรพรรดิไม่ได้คงอยู่ในรูปแบบธรรมดา แม้ว่าหอคอยจักรพรรดิจะถูกฝังให้คนธรรมดาคอยดูแล เขาก็ต้องทำให้แน่ใจว่ามันจะยังคงยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่มีตระกูลสูงสุดตระกูลใดกล้าดูหมิ่นเหยียดหยาม
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้คนที่คอยรับผิดชอบในการจัดเก็บตัวยาภายในหอคอยจักรพรรดิก็ได้รับการฝึกฝนจากชิงสุ่ย มีเพียง 5 คนที่มีพรสวรรค์แม้เพียงน้อยนิดจาก 45 คน โดยปกติแล้วพวกเขาเองก็ไม่เคยได้รับการฝึกฝนเพราะพวกเขาทำการค้ามาโดยตลอดจึงไม่จำเป็นต้องใช้การฝึกฝน ดังนั้นชิงสุ่ยจึงหยิบยาเม็ดทองคำเซียนเทียนออกมาให้กับพวกเขา เพื่อให้บรรดาคนเหล่านี้คอยช่วยเหลือสนับสนุนชิงซีที่เป็นผู้ดูแลหลักของหอคอยจักรพรรดิ
ทันทีที่บรรลุดินแดนเทวะเซียนเทียน บรรดาผู้ช่วยผู้ดูแลก็พัฒนาก้าวกระโดดเก่งกาจเหนือกว่าบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์มากมาย อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ได้รู้ว่าตลอดช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของพวกเขาจะไม่มีทางบรรลุระดับพลังไปเหนือมากกว่านี้ได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อน ซ้ำยังรู้สึกพึงพอใจ ภูเขามีชีวิตยืนยาวกว่ามนุษย์ธรรมดามากถึง 3 เท่า ยิ่งกว่านั้นระดับเทวะเซียนเทียนก็ยังเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยฝันถึง ตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นจริงเพียงเพราะคอยรับใช้ชิงสุ่ย
“ขอบคุณมากนายท่าน!!”บรรดาคนรับใช้เริ่มคุกเข่ากราบขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
ชิงซีสามารถใช้ทักษะรักษาห่วงวิญญาณได้อย่างคล่องแคล่ว แม้จะยังไม่สามารถคงเวลาการใช้งานได้นานมากพอ แต่มันก็ต่างจากช่วงแรกที่เธอเริ่มฝึกฝนอย่างสิ้นเชิง อันที่จริงก็ต้องขอบคุณพรสวรรค์ที่เธอมี มันทำให้เธอสามารถเรียนรู้ทักษะวิชาที่ยากได้โดยใช้เวลาอันสั้น
นอกจากนี้เธอยังได้รับการดูแลโดยตรงจากชิงสุ่ย ปัญหาที่พบกันชิงสุ่ยก็รู้ถึงศักยภาพในตัวชิงซี เขายิ่งปล่อยศักยภาพในตัวของเธอได้อย่างมีประสิทธิภาพ