Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 1998 – ความโกรธของชิงสุ่ย
ชิงซีตัวสั่นเมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา เธอจึงรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “ในตอนนี้ ข้ารู้และเขียนได้เฉพาะวิธีการรักษาจุดตันเถียนเท่านั้น จางเหมาหยุนยังไม่ได้รับการรักษาเส้นลมปราณ ดังนั้นอาจารย์ของข้า จึงยังไม่ได้สอนข้า”
ชายชราจ้องมองชิงซีและรู้ว่าเธอพูดความจริง ในใจของชายชราคาดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถบังคับให้เธอเขียนวิธีการรักษาจุดตันเถียนได้ มันเป็นอะไรที่เขาไม่คิดว่าจะได้มาจากตัวของชิงซี
ชายชราจึงรู้สึกมีความสุขอย่างมาก เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าชิงสุ่ยจะยอมสอนสิ่งสำคัญมากที่สุดในชีวิตของคนนึงให้กับชิงซีหลังจากที่เธอมาเป็นลูกศิษย์ของเขาได้เพียงแค่ไม่กี่วัน แค่นี้ก็พอจะสื่อได้แล้วว่าชิงสุ่ยไอ้กวางกับชิงซีมากเพียงใด
“เอาล่ะ รีบเขียนวิธีการรักษาจุดตันเถียนมาเดี๋ยวนี้”ชายชรากล่าวหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่หนึ่ง
“ข้าจะเขียนทุกอย่างให้กับท่าน ได้โปรดอย่าทำร้ายลูกชายของข้าเลย”ชิงซีจ้องมองชายชรา
“แน่นอน ข้ารับรองได้”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ชิงซีผู้การออกมาเริ่มเขียนข้อความบนแผ่นหลังสัตว์ เธอเขียนตัวอักษรอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ชายชราสงสัย แล้วเธอก็เขียนมันเสร็จหลังจากผ่านไป 2 ก้านธูป
ชายชราซื้อแผ่นหนังสักทีได้มาจากชิงซี เขาหมกมุ่นอยู่กับการอ่านบันทึกหนังสัตว์สักพักใหญ่ ทุกอย่างบันทึกวิธีการที่มันลึกลับมากเกินไป เขาเองยังเข้าใจได้เพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ดูเหมือนว่าการเรียนรู้วิธีการรักษานี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เขาคิด เขาจึงหันไปมองชิงซี
“อธิบายมันให้ข้าเข้าใจ!!”ชายชรากล่าว ชายชราพอจะเข้าใจแนวคิดคร่าวๆ ดังนั้นเขาจึงอยากรู้ว่าชิงซีจะสามารถอธิบายให้กับเขาได้หรือไม่ ถ้าหากเธอไม่ได้โกหก เธอก็ต้องพูดและเข้าใจในเนื้อหาทั้งหมดได้ แต่ถ้าหากเธอเกิดพูดตะกุกตะกัก นั่นก็หมายความว่าเธอได้บิดเบือนทฤษฎีส่วนใดส่วนหนึ่งของมันไป
ชิงซีเองก็รู้เรื่องนี้ดี และคาดหวังไว้แล้วว่ามันจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ดังนั้นเธอจึง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเนื้อหาใดๆขณะอธิบาย แน่นอนว่าเธอก็รู้ดีว่าเนื้อหาที่อยู่บนแผ่นหนังไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้เป็นหมอคนอื่นๆก็อาจจะไม่เข้าใจ
ความตื่นเต้นส่องประกายในแววตาของชายชรา เนื่องจากเขาเป็นคนมีความรู้ความสามารถที่กว้างขวาง ทำให้เขารู้โดยธรรมชาติหน่อยว่าชิงซีกำลังพูดความจริง
“ท่านปล่อยลูกข้าไปได้หรือยัง”ชิงซีจ้องมองชายชราขณะกล่าวถาม
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา แต่ข้าจะให้เจ้าใช้เวลากับลูกของเจ้าหนึ่งคืน ข้าจะปล่อยเจ้าไปก็ต่อเมื่อเจ้ายอมมอบวิธีการรักษาเส้นลมปราณ”ชายชราหัวเราะ
“ท่านไม่รักษาสัญญา”ชิงซีโมโหเป็นอย่างมาก
“ข้ารักษาสัญญาของข้าแล้ว ข้าตั้งใจจะตัดมือลูกของเจ้า แต่หลังจากที่เจ้าอธิบายมาให้ข้าฟัง เจ้าก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่ามือลูกของเจ้ายังคงอยู่ ข้าไม่ได้ผิดสัญญาอะไร”ชายชราจ้องมองชิงซีด้วยสายตาเย็นชา
ชิงซีตัวสั่นเครือ เธอรับรู้ถึงความชั่วร้ายจากภายในดวงตา ในครั้งนี้ เธอได้มอบสิ่งที่เขาต้องการ และเขาก็ยังเล่นลิ้น นั่นก็หมายความว่า ในอนาคตชายคนนี้คงจะต้องลงมือสังหารลูกชายของเธออย่างแน่นอน
“ถ้าเจ้ายังไม่เห็นด้วย ข้าก็จะตัดมือลูกของเจ้าซะ แต่ถ้าหากพรุ่งนี้เจ้ายังปฏิเสธ ข้าก็จะเป็นคนลงมือตัดมือลูกของเจ้า แล้วจะเริ่มตัดมืออีกข้าง ต่อด้วยขา จากนั้นก็ค่อยๆเฉือนเนื้อทีละชิ้นจนกว่าจะได้คำตอบ ข้ามั่นใจว่าเด็กคนนี้จะต้องมีชีวิตอยู่ทนทุกข์ทรมานอย่างน้อย 1-2 เดือน”
ชิงซีตกอยู่ในความเงียบงัน เธอไม่กล้าคุกคามเพราะรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ชิงสุ่ยเป็นถึงอาจารย์ของเธอ เธอจึงไม่อยากให้ทักษะอันแสนวิเศษของเขาต้องถูกเผยแพร่ต่อหน้าสาธารณะ และเธอก็รู้สึกว่าปีศาจร้ายที่อยู่เบื้องหน้าจะไม่มีวันยอมปล่อยเธอไปจนกว่าเธอจะมอบสิ่งที่มันต้องการ
“โม่เอ๋อ แม่ได้ทำผิดต่ออาจารย์ พวกเราทั้งคู่ต่างรอดชีวิตมาได้เพราะท่านอาจารย์ แม่เสียใจมาก…..และแม่ก็ไม่อยากทำผิดต่ออาจารย์ได้อีกแล้ว “ชิงซีร้องไห้ขณะที่เธอกอดลูกและยังคงพูดคำพูดเดิมๆซ้ำๆ
การแสดงออกของชายชราสีหน้ามืดมน เขาไม่คาดหวังเลยว่าเรื่องมันจะจบลงเช่นนี้ เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าหมองว่า “เอาล่ะ เพื่อเป็นตัวอย่าง ข้าจะเริ่มตัดนิ้วลูกชายของเจ้าทีละนิ้ว”
ชายชราหยิบกรรไกรคมกริช “ข้าจะเริ่มตัดนิ้วลูกชายของเจ้า เจ้าคิดว่าลูกของเจ้าแต่เจ็บหรือไม่?”
” ไม่ ได้โปรดทำข้าแทน ปล่อยลูกชายของข้าไปเถิด”ชิงซีใบหน้าซีดเผือด
“ตราบใดที่เจ้ารักษาสัญญา ข้ารับรองได้เลยว่าเจ้ากับลูกจะต้องปลอดภัย อาหารและเสื้อผ้าดี แต่ถ้าเจ้าตาย เจ้าอยากให้ลูกของเจ้าเห็นเจ้าตายด้วยตาตัวเองทั้งที่ยังเด็กอย่างนั้นหรือ? เขายังต้องเติบโต และมีอนาคตที่สดใสรออยู่”ชายชราพยายามบันทอนจิตใจชิงซีทีละเล็กทีละน้อย
“ในเมื่อนางไม่เห็นด้วยกับเจ้า ข้าว่าเจ้ามาเล่นกับข้าดีกว่า” เสียงคำพูดของใครบางคนดังก้องอยู่ในหูของชายชรา
ชายชราตกใจอย่างมากและหันไปรอบ พร้อมกับเห็นประตูที่เปิดออก ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงประตูทางเข้าด้วยรอยยิ้มที่เปล่งประกายบนใบหน้า “เจ้าเป็นใครกัน? โอ้ เจ้าอยู่ที่นี่ และคิดว่าเจ้าคนเดียวจะช่วยอะไรได้ ช่างกล้ายิ่งนักที่เปิดเผยตัวตน”ในตอนแรกชายชรารู้สึกตกใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็กลับคืนสู่ความสงบ
ชายชรารีบพุ่งตรงไปที่ชิงซีและโม่เอ๋อ จากนั้นก็จับทั้งสองคนเป็นตัวประกัน
ย่างก้าว 9 เทวา!!
เขาพุ่งตรงไปที่เป้าหมายแล้วปลดปล่อยกำปั้นที่ทรงพลังอย่างรวดเร็ว
ปังงงง!!
ชายชรารีบโจมตีด้วยหมัดสวนกลับเข้ากลางหน้าอกชิงสุ่ย เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น เขาก็รู้สึกปลื้มปิติยินดี “ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะเก่งกาจเพียงแค่ทักษะการรักษาเพียงอย่างเดียว ” ในขณะที่ชายชราคิด จู่ๆความคิดของเขาก็พังทลาย เขารู้สึกว่าหมัดที่กระแทกไหล่ของเขา สร้างความเจ็บปวดเหมือนกำลังถูกงูพิษกัด มันเป็นความเจ็บปวด ที่สั่นคลอนหมายถึงจิตวิญญาณ สูญสลายพลังทั้งหมดในร่างกาย ทำให้เขาไม่สามารถรวบรวมลมปราณได้
หลังจากนั้น ชิงสุ่ยก็ใช้ศอกโจมตีเข้ากลางไร ชายชราถูกโจมตีกระแทกถอยหลังกลับไป แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น เขายื่นมือออกมาสกัดจุดชีพจรบริเวณแขนของชายชรา ถ่ายทอดเส้นด้ายพลังเก้าหยางเข้าสู่ร่างกายก่อนจะใช้ฝ่ามือขวากระแทกเข้าตรงกลางข้อต่อแขน กระแทกร่างชายชราจนกระเด็น
เคล้งงงง!!
เสียงแตกร้าวดังกระจายกึกก้องไปทั่วห้องขัง ชายชรากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ชิงสุ่ยไม่มีทีท่าจะหยุด เขาเหมือนเครื่องจักรที่คอยบดขยี้ข้อต่อทุกส่วนของชายชราอย่างชำนาญ ด้วยวิธีการโจมตีอันแสนพิศดารของชิงสุ่ย จุดชีพจรของชายชราถูกตัดขาดทีละเส้น และทุกฝ่ามือที่ปลดปล่อยออกไป จะสร้างเสียงบดกระดูกในแต่ละส่วน ซึ่งมาพร้อมกับเสียงอันน่าสมเพช
ชิงสุ่ยไม่เคยคิดไว้ชีวิตมนุษย์ที่มีความคิดเช่นนี้ เขาไม่ต้องการใช้พลังโจมตีแค่ครั้งเดียวเพื่อปลิดชีพชายชรา ในเมื่อมันอยากตัดแขนตัดขาของโม่เอ๋อ ชิงสุ่ยก็จะทำให้มันได้รู้ถึงความเจ็บปวดในสิ่งที่มันต้องการ ถ้าหากเขาตัดแขนขาชายชรา ชายชราก็จะสูญเสียเลือดและส่งผลถึงความตาย ดังนั้นชิงสุ่ยจึงทำการบดขยี้ทุกส่วนของร่างกายชายชราแทน
หลังจากแขนขาของชายชราถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ เพียงชั่วครู่เดียวชายชราก็นอนขดตัวอยู่บนพื้นดินเหมือนกับคนหอย เลือดจำนวนมหาศาลไหลทะลักออกจากปากและรูจมูก อวัยวะทุกส่วนได้รับผลกระทบกระเทือนอย่างหนัก โดยเฉพาะกระดูกที่ทุบจนสลายกลายเป็นฝุ่น แม้ว่าชายชราจะยังมีชีวิต เขาก็ต้องทนทุกข์อยู่กับการมีชีวิตอันแสนน่าสมเพช แต่เนื่องจากวิธีการพิเศษที่ชิงสุ่ยใช้ ต่อให้เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ เขาก็ไม่อาจปฏิเสธโชคชะตากรรมได้
ชายวัยกลางคนสองคนที่เป็นผู้ติดตามของชายชรา แข้งขาไร้เรี่ยวแรง ร่างกายทรุดลงไปกองกับพื้น พวกเขามองไม่เห็นแม้แต่การเคลื่อนไหวของชิงสุ่ย แล้วยิ่งได้เห็นรูปลักษณ์อันน่าสมเพชของชายชรา พวกเขาก็รู้แล้วว่าพวกเขาไร้หนทาง
ชิงสุ่ยจ้องมองชายทั้งสองคน “พวกเจ้าคือคนลักพาตัวเด็กสินะ ทำลายแขนของพวกเจ้าออกแล้วไสหัวไปซะ อย่าให้ข้าต้องลงมือเคลื่อนไหว เพราะข้าอาจจะไม่สามารถรับประกันการมีชีวิตรอดของพวกเจ้าได้”
ชิงสุ่ยมองทั้งสองคนอย่างใจเย็น
ชายฉกรรจ์ทั้งสองคนจ้องมองตากันพักใหญ่ จากนั้นก็รีบหยิบแท่งเหล็กออกมาทำลายแขนของตน และส่งเสียงร้องอันแสนน่าเวทนาหดหู่ พวกเขาใช้แขนของตนเองกระแทกกำแพงจนได้ยินเสียงแตกหักของกระดูก
ชิงสุ่ยโบกมือไล่ชายฉกรรจ์ที่เหงื่อท่วมหน้าทั้งสองคน เขาอยากให้ใครสักคนนึงไปบอกเรื่องราวมีให้คนของพวกเขาได้รับรู้ ชิงสุ่ยเชื่อว่าอีกไม่นานคนหมู่มากจะต้องมาหาเขา ห้องขังแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของคฤหัสถ์ส่วนตัวชายชรา และด้วยตัวตนของชายชราที่แข็งแกร่ง จึงทำให้บริเวณโดยละแวกไร้ผู้คน