Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 2009 – สายธารดารา ชิงสุ่ยขึ้นฐานลานประลอง
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 2009 – สายธารดารา ชิงสุ่ยขึ้นฐานลานประลอง
บทที่ 2009 – สายธารดารา ชิงสุ่ยขึ้นฐานลานประลอง
เป่ยหมิงเสวี่ยยังคงนิ่งเฉย แล้วตอบสั้นๆว่า “ยินดี”
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าหญิงสาวที่กำลังจะขึ้นไปบนลานประลองนั้นเป็นใคร แต่ที่เขารู้คือการที่เธอก็ขึ้นไปก็หมายความว่าเธอเองก็ไม่ใช่คนธรรมดา
หญิงสาวที่เป็นคู่ต่อสู้ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เธอสวมใส่อาวุธที่เป็นลักษณะกรงเล็บโลหะรูปร่างแปลกประหลาดบนมือทั้งสองข้างทันที
กรงเล็บโลหะ มีความยาวประมาณ 1 ฟุต ตัวของโลหะนั้นเป็นสีม่วงเข้ม คนภายนอกอาจจะมองไม่เห็นพลังที่เคลือบอยู่บนผิวของกรงเล็บ แต่ชิงสุ่ยรู้ได้เลยว่ามันมีพลังไอเย็นที่แสนน่ากลัวหนาแน่นอยู่บนตัวของกรงเล็บอย่างน่าเหลือเชื่อ
เพียงแต่พลังไอเย็นที่เกิดขึ้นครอบคลุม
เป่ยหมิงเสวี่ยยังคงนิ่งเฉย แล้วตอบสั้นๆว่า “ยินดี”
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าหญิงสาวที่กำลังจะขึ้นไปบนลานประลองนั้นเป็นใคร แต่ที่เขารู้คือการที่เธอก็ขึ้นไปก็หมายความว่าเธอเองก็ไม่ใช่คนธรรมดา
หญิงสาวที่เป็นคู่ต่อสู้ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เธอสวมใส่อาวุธที่เป็นลักษณะกรงเล็บโลหะรูปร่างแปลกประหลาดบนมือทั้งสองข้างทันที
กรงเล็บโลหะ มีความยาวประมาณ 1 ฟุต ตัวของโลหะนั้นเป็นสีม่วงเข้ม คนภายนอกอาจจะมองไม่เห็นพลังที่เคลือบอยู่บนผิวของกรงเล็บ แต่ชิงสุ่ยรู้ได้เลยว่ามันมีพลังไอเย็นที่แสนน่ากลัวหนาแน่นอยู่บนตัวของกรงเล็บอย่างน่าเหลือเชื่อ
เพียงแต่พลังไอเย็นที่เกิดขึ้นครอบคลุมตัวกรงเล็บไม่ได้เกิดจากตัวกรงเล็บแต่ส่วนใหญ่มันมาจากตัวของหญิงสาวผู้นั้น
หญิงสาวฝั่งตรงข้ามขยับเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว และเคลื่อนไหวไปในท่วงท่าที่ทับซ้อน ด้วยสายตาของชิงสุ่ยเขามองเห็นท่วงท่าของเธอเป็นการเคลื่อนไหวของปีศาจจิ้งจอก โดยใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นของร่างกายในการสับเปลี่ยนตำแหน่งในช่วงเวลาอันสั้น
เป่ยหมิงเสวี่ยถือกระบี่หิมะขาว ยืนนิ่งดุจสายน้ำ แม้ว่าภายในจะดูสงบแต่ภายนอกกับเต็มไปด้วยคลื่นพลังที่ผันผวน ทันใดนั้นเธอก็สะบัดกระบี่ เปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นสีมืดมน
รุนแรง!!
ชิงสุ่ยประหลาดใจอย่างมาก และไม่คิดว่าการโจมตีของเป่ยหมิงเสวี่ยจะรุนแรงดุเดือด
ปัง!! กระบี่ปะทะเข้ากับกรงเล็บของหญิงสาวผู้เป็นศัตรูได้อย่างแม่นยำพร้อมกับผลักให้เธอถอยหลังกลับทันที เพียงแค่แรงกระแทกก็ทำให้หญิงสาวผู้นั้นไปหน้าซีดเซียว แต่เธอก็พยายามพุ่งเข้าหาเป่ยหมิงเสวี่ยพร้อมกับร่างที่กระจายออกเป็น 9 ร่าง
สายธารดารา!!
เป่ยหมิงเสวี่ยยังคงยืนนิ่งอยู่ที่จุดเดิมไม่เคลื่อนไหวใดๆ เธอสะบัดกระบี่ผ่าลงจากฟ้า ก่อให้เกิดเป็นภาพจากท้องฟ้าไหลรวมกันกลายเป็นหมู่ดาว กดลงไปที่ตัวของคู่ต่อสู้
ครึ้นนนนนน!!
หญิงสาวผู้ต่อสู้ปลิวออกจากฐานลานประลองพร้อมกับปากเลือดที่มุมปาก เธอรีบลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้เป่ยหมิงเสวี่ย “ขอบคุณพี่สาวเสวี่ย ที่เมตตา”
เป่ยหมิงเสวี่ยสายหน้าด้วยความนิ่งเงียบ
ตัวของเธอไม่คุ้นเคยกับการแสดงออกจากหญิงสาวที่มาจากพระราชวังจิ้งจอกอมตะคนภายนอกมักจะอธิบายถึงกลุ่มคนที่มาจากพระราชวังจิ้งจอกอมตะว่าเป็นกลุ่มผู้หญิง ที่เต็มไปด้วยร้อยเล่ห์เพทุบาย และยังเป็นไปด้วยความโลภ
เป่ยหมิงเสวี่ยจึงไม่ประทับใจในกลุ่มคนของพระราชวังจิ้งจอกอมตะ เธอไม่อยากเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นเธอจึงเลือกที่จะไม่พูดจาใดๆโต้ตอบ
หลังจากปราบปรามหญิงสาวคนก่อนหน้า ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปท้าทายเธออีกเลย เป่ยหมิงเสวี่ยจึงยึดครองฐานลานประลองแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย
ต่อมา ตระกูลฉางก็ได้ขึ้นไปในฐานลานประลองถัดไป โดยผู้ที่ขึ้นจะยึดครองคือชายวัยกลางคน ครั้งนี้มีนักรบ 2 คนเดินหน้าตรงไปเพื่อท้าทายขาว แต่ทันทีที่ทั้งสองคนนั้นพ่ายแพ้ ผู้คนต่างก็ตระหนักได้ว่าภายในตระกูลฉางเองก็มีคนที่ซ่อนเร้นพลังเอาไว้ มันจึงทำให้ไม่มีใครกล้าท้าทายต่อ
ด้วยเหตุนี้ตระกูลฉางจึงกลายเป็นผู้ครอบครองฐานลานประลองลำดับที่ 4
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าการต่อสู้กำลังปะทุดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าขุมกำลังทั้ง 4 ที่เปิดตัวตอนแรกล้วนเป็นคนที่มาจากกองกำลังที่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องแสดงพลังอำนาจเพื่อไม่ให้เป็นที่ดูถูก นั่นจึงทำให้ไม่มีใครกล้าท้าทาย ฉะนั้นผู้คนจึงจำเป็นต้องแย่งชิงฐานลานประลองที่เหลือ การต่อสู้จะต้องทวีความดุเดือดอย่างไม่ต้องสงสัย
ตระกูลหลางกำลังเดินตรงขึ้นไปบนฐานลานประลอง และเมื่อชิงสุ่ยเห็นผู้นำตระกูลหลาง เขาจะจำได้อย่างชัดเจนเลยว่าชายคนนี้ยังคงเหมือนเดิมไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเลย เพียงแต่การสนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังยังคงทำให้ตระกูลหลางเป็นตระกูลที่น่าเกรงขาม
ตอนนี้ฐานลานประลองเหลือเพียงแค่ 5 ฐานเท่านั้น ทุกคนจึงเริ่มกังวลและเริ่มร้อนใจ
“ชิงสุ่ย ท่านคิดว่าพวกเราควรจะยึดฐานลานประลองสัก 1-2 แห่งหรือไม่?”อวี้ซีหยวนกล่าวถามชิงสุ่ย “แล้วคนอื่นจะยอมพวกเราหรือ?”ชิงสุ่ยยิ้ม
” ข้ามาจากภัตตาคารหยกรัญจวน ในขณะที่ท่านเองก็มาจากหอคอยจักรพรรดิ ข้ามีอำนาจมากพอที่จะยึดฐาน ผู้คนจะต้องไม่กล้าท้าทายข้าหากเห็นว่าข้ามาจากภัตตาคารหยกรัญจวน”อวี้ซีหยวนกล่าว
“ก็ดี ทำไมท่านไม่ลองดูล่ะ? ข้าจะยืนดูอยู่ตรงนี้ ส่วนตัวของข้านั้นไม่ต้องกังวล ข้ามั่นใจว่ามันจะต้องมีที่ของข้าอย่างแน่นอน”ชิงสุ่ยยิ้มกว้าง
“ตกลง งั้นข้าไปก่อน”
ทันทีที่อวี้ซีหยวนกล่าวจบเธอก็ไม่ปรากฏตัวอยู่บนฐานลานประลองถัดไป
“เธอมาจากภัตตาคารหยกรัญจวน พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
“แย่แล้ว หากพวกเราเลือกเอาชนะเธอ พวกเราคงไม่อาจได้เพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศอีกแล้ว นำซ้ำ เธออาจจะยกเลิกการทำการค้ากับพวกเราเลยก็เป็นได้”
“เจ้าห่วงเรื่องแค่นี้จริงๆเหรอ? พวกเจ้าของไม่มีใครรู้ถึงเบื้องลึกของภัตตาคารหยกรัญจวนสินะ ข้าจะบอกให้ หญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่คนที่พวกเจ้าเทียบเคียงได้เลย”
……………
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่ไม่มีใครออกมาต่อสู้กับอวี้ซีหยวนเลย เขานึกว่าผู้คนมากมายจะฉวยโอกาสท้าต่อสู้กับเธอ
เพียงแค่เวลากลางวัน ฐานลานประลองก็เหลือเพียงแค่ 4 แห่งเท่านั้น ผู้คนมากมายเริ่มรายล้อมแย่งชิง บางคนโชคร้ายถูกคลื่นสงครามแย่งชิงกลืนกิน
ภายในชั่วพริบตา ผู้คนมากมายกว่า 70 ส่วนก็เหลือพื้นที่แย่งชิงแค่เพียง 2 แห่ง นักรบและจอมยุทธต่างก็เข้าห้ำหั่นกัน เพื่อแย่งชิง บางคนก็พยายามหยัดยืนบนลานประลอง ทำให้คนส่วนมากเต็มไปด้วยร่างกายที่สะบักสะบอมบาดเจ็บสาหัส ชิงสุ่ยเดินขึ้นไปบน 1 ในฐานลานประลอง
“ข้าชิงสุ่ย จากหอคอยจักรพรรดิ มีใครสนใจจะสู้กับข้าบ้าง?”
หอคอยจักรพรรดิเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แล้วเป็นที่โด่งดังกันในหมู่ชนชั้นสูง มีคนไม่มากนักที่ได้ใช้ประโยชน์จากมันอย่างแท้จริง แต่ชื่อเสียงของผู้ก่อตั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะสามารถดูหมิ่นได้ ด้วยทักษะการแพทย์ที่น่าเหลือเชื่อ ยิ่งทำให้การดำรงอยู่ของชิงสุ่ยไร้ข้อกังขา
“ข้าอยากจะขอประลองหมัดกับท่าน ข้าได้ยินว่าท่านมีทักษะการรักษาที่ผิดแปลก มันคือเรื่องจริงหรือไม่?”
คนที่ขึ้นมาบนลานประลองเป็นชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางของเขาดูจะเป็นคนประมาท ชิงสุ่ยบอกได้เลยว่าส่วนล่างของร่างกายคู่ต่อสู้ของเขานั้นไม่มีความมั่นคง เขาแต่งกายในชุดสีขาวถือใบพัดสร้างความโดดเด่นดูสง่างามเหมือนคุณนาง “ข้าคิดว่ามันก็จริงอยู่บ้าง โอ้ ข้าลืมบอกท่าน หมอยังไม่ฆ่าคนด้วยมีดหมอ แต่ท่านก็ต้องระวังเพราะท่านอาจจะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าสงสาร”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว
“สำหรับหมอที่ต้องรักษาคนไข้ ข้าว่าการต่อสู้คงไม่ใช่เรื่องที่หมอจะถนัดมากนักหรอกนะ”ชายคู่ต่อสู้กับเรายังมีความสุข