Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 2028 – การมาถึงของจอมอสูรโลหิต
บทที่ 2028 – การมาถึงของจอมอสูรโลหิต
ชิงสุ่ยไม่มีความรู้เกี่ยวกับโลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริง เขาคิดว่ามรดกเทพสงครามและมรดกจอมอสูรก็อยู่คู่กับโลกนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว บางทีอาจจะมีคนอื่นได้ครอบครองมรดกแห่งเทพสงครามทองคำเช่นกัน มันไม่มีเครื่องยืนยันว่าจะมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ได้ครอบครอง ซึ่งมันก็อาจจะทำให้ ผู้สืบทอดจอมอสูร ที่ปกติแล้วจะเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถปลุกสายเลือดจอมอสูรได้ มันจะกลายเป็นว่าข่าวอาจจะไม่ใช่คนเดียวเท่านั้นที่ปลุกสายเลือดนี้ได้
อย่างไรก็ตาม มรดกแห่งเทพสงครามทองคำและมรดกจอมอสูรแต่ละชิ้นก็มีผู้ครอบครองเพียงแค่คนเดียว ตัวอย่างเช่นมรดกแห่งเทพสงครามทองคำที่ชิงสุ่ยได้รับก็เกิดจากการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นหลังความตายของบรรพบุรุษ ส่วนเทพสงครามคนอื่นๆไม่มีทางมีเพียงแค่คนเดียว ดั่งเทพสงครามขวานคลั่งเองก็มีผู้ได้รับฉายาเหล่านี้มากกว่า 1 คน และยังมีผู้สืบทอดอีกมากมาย
ประตูอสูรคือนิกายที่ก่อตั้งโดยจอมอสูรเมื่อครั้งโบราณกาล ขุมกำลังหลักก็คือจอมอสูรราตรี จอมอสูรวัวไททัน จอมอสูรผมขาว และจอมอสูรคนอื่น ส่วนประกอบร่างกลายเป็นประตูอสูร นิกายที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ
พวกประตูอสูรจะเน้นเรื่องกองกำลังทหาร พวกมันมักจะสนองตัณหาจะทำการเลือดเย็นด้วยความโหดเหี้ยมของตน นอกจากนี้พวกมันเองก็ได้ทำสิ่งที่เลวทรามต่ำช้ามากมาย มีอยู่ครั้งหนึ่ง มนุษย์ได้ทำความโกรธเคืองให้กับจอมอสูร จึงทำให้เขาสังหารผู้คนทั้งเมือง ประชาชนนับไม่ถ้วนถูกสังหาร แม้ว่าเมืองจะไม่ล่มสลายก็ตาม
พระราชวังสวรรค์คือขุมกำลังที่คอยต้านทานพวกประตูอสูร พวกเขาสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือการหยุดยั้งความชั่วร้าย เหล่าเทพสงครามอาจจะพัฒนาระดับพลังได้อย่างเชื่องช้าเมื่อเทียบกับเหล่าจอมอสูรเพราะต้องคอยขัดกับความชั่วร้ายที่แฝงตัวอยู่ตามธรรมชาติซึ่งคอยจะเบี่ยงเบนติดใจให้ไปทำชั่วแทน แต่อย่างน้อยมันก็มีข้อดีคือการพัฒนาพลังของพวกเขาจะมีความมั่นคง
ส่วนประตูอสูรจะไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกควบคุม เนื่องจากพวกเขายืนอยู่บนความชั่วอยู่แล้ว จึงทำให้สามารถปลดปล่อยอารมณ์อันชั่วร้ายและใช้ตัวตนที่แท้จริงในการทำร้ายผู้อื่น
ภายในจิตใต้สำนึกของเขาบ่งบอกข้อความเหล่านี้ ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกเขาจะได้เจอกลุ่มประตูอสูรและกลุ่มพระราชวังสวรรค์จริงๆหรือไม่ภายในโลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริง แต่อย่างน้อย พระราชวังเทพสงครามของเขาจะต้องถูกสร้างขึ้น ทุกคนที่ถูกคัดเลือกจะต้องเป็นเราบุคคลที่มีความแข็งแกร่งคุ้มค่า แม้จะมีจำนวนไม่มากแต่จะต้องเป็นขุมกำลังที่มีศักยภาพสูงส่ง ในวันถัดมา เหตุการณ์ก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ ชิงสุ่ยรู้ดีว่าพวกพระราชวังอสูรโลหิตจะไม่มีทางยอมง่ายๆ แต่ตอนนี้เขาเองก็ยังไม่ต้องการไปเยี่ยมชมพระราชวังอสูรโลหิตด้วยตัวเอง
………….
……..
ในวันที่ 5 ชายคนหนึ่งได้เดินทางมาที่เมืองฉาง อายุของเขาไม่อาจระบุได้ แม้แต่กลิ่นอายรอบตัวก็ไม่ชัดเจน เขามาในชุดคลุมสีม่วง ดวงตาส่องประกายสดใส ให้ความกล้าหาญที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูด
ชายคนนี้คือผู้ทรงพลัง ชิงสุ่ยปลดปล่อยการรับรู้ทางปราณจิตและสัมผัสได้ถึงเลือดของจอมอสูรจากตัวชายคนนี้
เขาก็คือผู้สืบทอดมรดกจอมอสูรโลหิต
ชิงสุ่ยไม่เคยคิดเลยว่าชายคนนี้จะเป็นถึงผู้สืบทอดมรดกจอมอสูร ถ้าหากไม่ใช่เพราะพลังที่รับรู้จากปราณจิต เขาคงจะแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก
“สวัสดี!!”ฝ่ายตรงข้ามกล่าวทักทายชิงสุ่ย
“สวัสดี จอมอสูรโลหิต”ชิงสุ่ยกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ท่านมองเห็นตัวตนของข้า ดูเหมือนข้าจะประเมินตัวท่านต่ำไป”ชายคนนั้นเองก็ประหลาดใจ ในชีวิตของเขามีเพียงแค่พระภิกษุชรารูปเดียวเท่านั้นที่มองเห็นตัวตนของเขา ยังไม่เคยมีใครระบุตัวตนของเขาได้
เขาบรรลุการฝึกฝนเก้าจอมอสูรถึงขั้นที่ 8 ไม่เพียงแค่รูปลักษณ์ของเขาจะเปลี่ยนไป แม้แต่กลิ่นอายจอมอสูรที่อยู่ในร่างกายของเขาก็ไม่ปรากฏให้เห็นบนร่างกาย สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือสายเลือดจอมอสูร
อย่างไรก็ตามสายเลือดจอมอสูรก็ถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ แม้ผู้คนจะมีทักษะในการระบุตัวตน แต่ก็ไม่มีทางมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปถึงตัวตนของเขาได้ “ท่านเองก็น่าจะมองเห็นตัวตนของข้า ฉะนั้นเราเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า”ชิงสุ่ยชี้นิ้วไปยังสวนหลังบ้าน
“ได้เลย!!”
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลามาก แต่เขาค่อนข้างมีเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นความเป็นผู้ใหญ่หรือร่างกายที่ดูดี ทุกอย่างโดยรวมถือว่าเป็นเสน่ห์โดยธรรมชาติ
“บอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่า ทำไมพระราชวังจอมอสูรถึงอยากจะสู้กับข้า? อย่าบอกนะว่ามันเป็นเพราะความเกลียดชังที่เกิดขึ้นระหว่างเทพสงครามและจอมอสูร ดูเหมือนตัวท่านเองก็คงไม่เคยรู้จักข้ามาก่อนจนกระทั่งได้เจอกันวันนี้”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ในตอนแรก ข้าก็คงไม่คิดจะตอบคำถามเหล่านี้ แต่ในเมื่อท่านถามด้วยคำพูดที่ดี ข้าก็จะบอก ในอดีตตระกูลซงเคยช่วยเหลือข้า ครั้งนี้ข้าจึงต้องตอบแทนบุญคุณ ซึ่งเหมือนว่าเรื่องราวจะค่อนข้างยุ่งยาก”ชายคนนั้นต่อกลับด้วยรอยยิ้ม “เป็นไปตามที่คิด ต้นเหตุเกิดจากตระกูลซง”ชิงสุ่ยพยักหน้า เขามั่นใจว่าชายผู้นี้ไม่ได้โกหก ต้นเหตุไม่มีทางเกิดจากตระกูลหลางได้อย่างแน่นอน เพราะพวกเขาก็คงจะทำเรื่องเหล่านี้ไปแล้วหากมีอำนาจมากพอ
ภายในดินแดนปราณจิต ตระกูลหลางและตระกูลฉางไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ส่วนคนที่ถูกสังหารตอนที่อยู่กับเล่ยเปาก็เป็นคนของตระกูลฉาง และตระกูลหลางกับตระกูลซงก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ผู้นำของตระกูลหลางยอมทิ้งโอกาสในการเข้าสู่ดินแดนปราณจิตก็เพื่อซงจง ถ้าหากเขารู้ว่าซงจงจะถูกชิงสุ่ยฆ่า เขาก็คงขัดขวางตั้งแต่เริ่ม
ชิงสุ่ยสายหน้าและไม่สนใจตระกูลซง ปัญหาใหญ่ที่สุดตอนนี้คือผู้สืบทอดจอมอสูรจากพระราชวังอสูรโลหิต เพราะสุดท้ายทั้งสองก็คงยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในฐานะศัตรู
“ข้าอยากจะรู้เรื่องราวของโลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริง ท่านพอจะบอกเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้ม “มันก็คงยากอธิบายถ้าหากท่านไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยตัวเอง รอคอยจนกว่าท่านจะได้เข้าสู่โลก 9 มหาทวีป แล้วท่านจะเข้าใจทุกอย่าง”จอมอสูรโลหิตดูเหมือนจะไม่อยากอธิบายให้เขาฟัง