Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 2049 – บุกรุกสร้างความวุ่นวายในภัตตาคารหยกรัญจวน
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 2049 – บุกรุกสร้างความวุ่นวายในภัตตาคารหยกรัญจวน
บทที่ 2049 – บุกรุกสร้างความวุ่นวายในภัตตาคารหยกรัญจวน
อวี้ซีหยวนรู้สึกว่าชิงสุ่ยกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาประหลาด เธอจึงมองเขากลับไปแล้วถามเพื่อความงุนงงว่า “ทำไมท่านถึงมองข้าแบบนั้น?”
ชิงสุ่ยถูจมูกและถามกลับไปว่า “ท่านมีคนที่ชอบหรือไม่?”
อาจเป็นเพราะสีหน้าของเธอ ทำให้เขามั่นใจว่าเธอจะต้องมีคนที่ชอบอยู่ในใจ
“ไม่ ไม่ ข้าไม่…..”อวี้ซีหยวนพูดอย่างเป็นกังวล
“ฮ่าฮ่า อย่าปฏิเสธเลย ท่านเองก็พูดว่ามันเป็นสิ่งที่ท่านเรียนรู้ด้วยตัวเอง ฉะนั้นท่านก็คงจะมีคนที่ชอบอยู่ด้วย “ชิงสุ่ยมั่นใจว่าเธอจะต้องหลงรักใครสักคนแต่เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร
“จะบ้ารึ ถ้าไม่เคยจินตนาการสิ่งต่างๆด้วยตัวเองหรือไง?”อวี้ซีหยวนดูเหมือนสงบและยิ้มกว้าง
“เอาละ เอาละ ข้าเข้าใจว่าท่านคิดมาก ถ้าหากท่านเจอใครที่ชอบและอยากจะสารภาพ ท่านสามารถบอกข้าได้แล้วข้าจะเป็นคนช่วยเหลือท่านเอง แน่นอนว่าข้าจะทำให้ท่านมีความสุข หยวนหยวนของเราเป็นถึงโฉมงาม ชายที่ท่านชอบจะต้องเป็นคนที่โชคดีแน่ๆ”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
อวี้ซีหยวนรู้สึกสะเทือนใจจากนั้นเธอก็พยักหน้า “อืม”
น้องเสียงของเธอดูแข่งกันบ้างเล็กน้อย แม้แต่ชิงสุ่ยก็รู้สึกแปลก
“โอ้ ชิงสุ่ย เหตุผลที่ข้ามมหาท่านก็เพื่อจะบอกข่าวบางอย่าง ใครบางคนในตระกูลจี๋แห่งเมืองฟ้าอุดรกำลังป่วย พวกเขาพยายามอย่างหนักที่จะรักษา พวกเขาพร้อมจะตอบแทนบุคคลที่สามารถรักษาได้”อวี้ซีหยวนบอกกล่าวชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยรู้จักชื่อเมืองฟ้าอุดรเป็นอย่างดี มันคือเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนฟ้าอุดรและมีขนาดใหญ่กว่าเมืองรุ้งครามเป็นอย่างน้อย 10 เท่า ทั้งขนาดและความเจริญก็แตกต่างกันแบบสุดขั้ว เมืองนึงคือเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดส่วนอีกเมืองคือเมืองที่อ่อนแอที่สุด
“ตระกูลจี๋แข็งแกร่งมากเลยหรือ?”ชิงสุ่ยกล่าวถาม
“พวกเขาคือ 1 ใน 5 ตระกูลที่มีอิทธิพลสูงสุดในเมืองฟ้าอุดร และเสาหลักของตระกูลจี๋ น้องชายของผู้นำตระกูล ผู้ดำรงตำแหน่งหนึ่งในผู้พิทักษ์กำลังเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วย เขาอายุยังน้อยและควรจะปกป้องตะกูลจี๋ได้นานกว่านี้”อวี้ซีหยวนกล่าว
ชิงสุ่ยรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อได้ยินข่าวดี
ตระกูลจี้แห่งเมืองฟ้าอุดรคือ 1 ใน 5 ตระกูลใหญ่ นั่นก็หมายความว่าต่อให้พวกเขาจะไม่ใช่ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนฟ้าอุดร แต่ขุมกำลังของพวกเขาจะต้องโดดเด่นและยิ่งใหญ่กว่าหลายต่อหลายตระกูล ยากจะหาผู้เปรียบเทียบ เมืองรุ้งครามอยู่ห่างจากเมืองฟ้าอุดรเกินไป ข่าวของเขาไม่ควรจะไปถึงเมืองฟ้าอุดร ชิงสุ่ยจึงเกิดความคิดสงสัยว่า “ท่านคือผู้กระจายข่าวไปยังเมืองฟ้าอุดรใช่หรือไม่?”
นี่คือโอกาสสำคัญที่จะได้สร้างชื่อเสียง ชิงสุ่ยรั้วมันคือสิ่งจำเป็น แม้ว่าเขาจะไม่ได้เลือกอยู่ในดินแดนฟ้าอุดรไปตลอดกาล แต่อย่างน้อยเขาก็ควรก้าวขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆ หาข่าวเกี่ยวกับการรักษาของเขาแพร่กระจายไป อิทธิพลของเขาก็จะใหญ่ขึ้นตามไปด้วย
“ข้าเป็นคนทำเอง แล้วถ้าหากท่านมีความมั่นใจ พวกเขาจะต้องมาขอให้ท่านรักษาอย่างแน่นอน “อวี้ซีหยวนกล่าวยืนยัน
“ยอดเยี่ยม ท่านจะต้องไปคิดหาวิธีให้พวกเขามาให้ได้ ในครั้งนี้ พวกเขาจะช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของพวกเรา”ชิงสุ่ยยิ้ม
“ไม่ดีเลย!! มีใครบางคนกำลังสร้างปัญหา”บทสนทนายังไม่ทันจบ ใครบางคนก็วิ่งลงมาหาพวกเขาอย่างเร่งรีบ
อวี้ซีหยวนขมวดคิ้ว “อู๋เอ๋อ พูดให้ชัดเจนมีปัญหาอะไรหรือ?”
ชายหนุ่มที่ดูอ่อนเยาว์ใบหน้าธรรมดาตอบอย่างรวดเร็วว่า ” มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งกำลังยืนกรานต่อรอง พวกเขาไม่มีเหรียญตราใดๆเลย และพวกเราก็หยุดเขาไม่ได้ นอกจากพวกเขาจะไม่ฟังแล้ว พวกเขายังทำลายข้าวของในภัตตาคารของเราด้วย”
แม้ว่าพวกเราจะอยู่ไม่ห่างไกลจากภัตตาคาร แต่ก็เพิ่งใช้เวลาเดินกลับ อวี้ซีหยวนก็ไม่ได้อยู่ในภัตตาคารตลอดเวลา โดยปกติแล้วเธอจะแวะเวียนสับเปลี่ยนกันไป อย่างไรก็ตาม เมื่อเธออยู่บริเวณรอบๆ ผู้คนก็จะตามหาเธอทันทีถ้าหากเกิดอะไรขึ้น
“ไปดูกันเถอะ”ชิงสุ่ยกล่าว
อวี้ซีหยวนพยักหน้าและเดินทางกลับไปยังภัตตาคาร
ก่อนที่พวกเขาจะไปถึง พวกเขาก็ได้ยินเสียงกระแทก หลายคนทยอยออกมา ท้ายที่สุดแล้ว ภัตตาคารแห่งนี้ไม่ใช่ธุรกิจอะไรของพวกเขา ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปหยุดยั้งคนเรานั้น อันธพาลกำลังทุบทำลายข้าวของ พนักงานประจำภัตตาคารหลายต่อหลายคนพยายามเข้าไปหยุดแต่ก็ถูกทุบตีกลับมา
“ทุกคนถอยออกไป ปล่อยให้พวกมันทำตามใจตัวเอง เราต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยก่อน”เสียงของอวี้ซีหยวนดังขึ้น พนักงานภัตตาคารทยอยถอยออกมาทีละคน
ชิงสุ่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างอวี้ซีหยวนตรวจสอบคนที่กำลังทำลายข้าวของ สามคนในกลุ่มเป็นชายวัยกลางคน 2 คนเป็นชายหนุ่ม 1 คน ชายหนุ่มทั้งสามคน คนแต่งตัวในชุดชนชั้นสูง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส บ่งบอกได้เลยว่าภูมิหลังของพวกเขาจะต้องไม่ธรรมดา
ทั้ง 3 คนน่าจะอายุน้อยกว่าชิงสุ่ยอยู่เล็กน้อย กลิ่นอายของพวกเขา ชิงสุ่ยไม่รู้สึกคุ้นเคยเลย มันยิ่งทำให้เขาไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยสนใจในตัวชายวัยกลางคนสองคนนั้น กลิ่นอายของพวกเขาทั้งลึกซึ้ง อัดแน่นเต็มไปด้วยความมั่นใจ ชิงสุ่ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะต้องมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลัง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่กล้ากระทำการอุกอาจขนาดนี้
ส่วนคนอื่นเองก็เป็นชายหนุ่ม แต่พลังของพวกเขาต่ำกว่ามาตรฐาน หนึ่งในพวกมันมีพลังเพียงแค่ระดับปราณจักรพรรดิ ส่วนอีก 2 คนก็เป็นเพียงแค่ระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศแรกเริ่ม
เมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ซีหยวน อีกฝ่ายก็หยุดมือ ดวงตาของชายหนุ่มทั้ง 3 เปล่งประกายเมื่อเห็นอวี้ซีหยวน
“นายน้อยผาน ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับโฉมงานในสถานที่เล็กๆแบบนี้ ท่านต้องการตัวนางหรือไม่? ถ้าหากไม่ ข้าขอ”ชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าขาวราวกับหิมะ กล่าวแทะโลม
เขามีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา หางตาของเขาเงยขึ้นให้ความรู้สึกกลัดกลุ้ม
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายน้อยจ้าน พวกเราเป็นพี่น้องที่คอยแบ่งปันสิ่งดีๆร่วมกันมาโดยตลอด ทำไมเราไม่ทำกับนางแบบเดียวกันล่ะ?” ชายที่ชื่อว่านายน้อยผานกล่าวตรงไปตรงมายิ่งกว่าชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าขาวราวกับหิมะ