Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล - บทที่ 2051 – มีใครบางคนมาเพื่อถามหาการรักษา
- Home
- Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล
- บทที่ 2051 – มีใครบางคนมาเพื่อถามหาการรักษา
บทที่ 2051 – มีใครบางคนมาเพื่อถามหาการรักษา
ชายคนนั้นโกรธจัดมาก หลังจากที่เห็นนายน้อยของตนถูกทำร้ายทั้งๆที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขา อย่างไรก็ตามเขาเองก็ไม่สามารถฆ่าศัตรูอีกฝ่ายได้ และถ้าหากกระทำการอะไรผิดพลาดหรอกไป ผลลัพธ์ที่รุนแรงจะทำให้เขาไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว
“แม้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะไม่เลวเลย แต่เจ้าก็ไม่สามารถฆ่าก็ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับข้า มันง่ายมากที่จะฆ่าเจ้า”ชิงสุ่ยจ้องมองชายวัยกลางคนและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชายวัยกลางคนปฏิเสธไม่อยากเชื่อ แต่สายตาของเขานั้นกลับรู้สึกว่าชายคนนี้แปลกเกินไป ความมั่นใจของคู่ต่อสู้มาทำให้เขาเริ่มสับสน เขารู้ดีว่าการที่คนคนนึงจะพูดจายโสโอหังได้มากขนาดนี้ อย่างน้อยเขาจะต้องเข้าใจถึงความสามารถผู้ต่อสู้อย่างถ่องแท้ แต่อีกใจนึงของเขาก็พยายามบอกว่าห้ามเชื่อ บางทีคู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพยายามจะใช้คำพูดข่มขู่ ทั้งๆที่อ่อนแอก็เป็นได้
“พวกเจ้าออกไปได้ ผนึกที่ข้าทำจะลบล้างตัวเองภายใน 3 ปี อย่างไรก็ตาม ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก มิฉะนั้น เจ้าจะต้องแบกรับชะตากรรมอันเลวร้าย นี่คือผลของการกระทำที่ทำลายข้าวของร้านของข้า”ชิงสุ่ยโบกมือไล่
ชิงสุ่ยไม่อยากจะทะเลาะกับคนเหล่านี้ต่อ พวกเขามีผมกำลังใหญ่คอยหนุนหลัง
“กำจัดตราประทับให้ข้าเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะชดใช้ให้ 10 เท่า ไม่สิ 100 เท่า”นายน้อยผานจ้องมองชิงสุ่ยและกล่าวอย่างใจเย็น เขาไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของอวัยวะส่วนล่างในร่างกาย ถ้าหากเขาไม่สามารถฟื้นพลังมันกลับมาได้ แล้ว 3 ปีต่อจากนี้เขาจะอยู่อย่างไร?
“ทุกคนจะต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ถ้าหากเจ้ายังไม่คิดจะออกไป ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้เจ้ากลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต”ชิงสุ่ยไม่แม้แต่จะมองนายน้อยผาน เขาพยักหน้าให้กับอวี้ซีหยวนก็เป็นสัญญาณบอกให้เธอกลับ
ดวงตาของนายน้อยผานเดือดพล่านพร้อมจะกลืนกินใครสักคน
“นายน้อย!!”ชายวัยกลางคนพูดอย่างระมัดระวัง
ศิษย์น้องซงยังคงคิดขณะมองดูชิงสุ่ยจากไป ตนเองก็รู้สึกสงสารนายน้อยผาน ศิษย์พี่ที่ชื่นชอบการอยู่ร่วมรักกับผู้หญิง สูญเสียสิ่งสำคัญไป สามปีต่อจากนี้มันไม่ต่างอะไรจากการตายทั้งเป็น นี่คือบทลงโทษที่โหดร้ายที่สุด
“ไปกันเถอะ”นายน้อยผานจ้องมองอย่างเย็นชาและดุร้ายเหมือนสัตว์ร้ายจากยุคโบราณ
……… “ ท่านได้ผนึกเส้นลมปราณหยางของเขาจริงๆหรือ…?”อวี้ซีหยวนถามด้วยเสียงที่นุ่มนวล
“ใช่.” ชิงสุ่ยตอบ
“ เมื่อครบ 3 ปีมันจะฟื้นคืนสภาพกลับมาได้ด้วยตัวเองจริงหรือ?”อวี้ซีหยวนถามต่อ
ชิงสุ่ยส่ายหน้า“ไม่แน่นอน!”
อวี้ซีหยวนจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาประหลาดใจ “แต่ก่อนหน้านี้ท่านบอกเองว่ามันจะฟื้นคืนกลับสู่สภาพเดิมเมื่อครบ 3 ปี?”
“แม้แต่พวกอันธพาลก็ยังมีหลักการของตัวเอง มันก็เหมือนกับที่ศิษย์น้องของมันได้พูดเอาไว้ มันจะเป็นเรื่องดีถ้าหากหญิงสาวผู้นั้นเต็มใจหรือยอมแลกเปลี่ยนในราคาที่เท่าเทียม เขาจะร่วมรักกับหญิงสาวได้มากเท่าที่เขาจะอยากได้ อย่างไรก็ตามคนอย่างเขามันไม่มีหลักการ ฉะนั้นเขาก็ไม่สมควรที่จะเป็นมนุษย์เพศชายไปตลอดชีวิต”
เมื่ออวี้ซีหยวนได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย เธอถึงกับหัวเราะ “ท่านนี้เป็นคนที่ดูชั่วร้ายจริงๆ “
“หาคนมาทำความสะอาด ความเสียหายยังไม่มาก ท่านรีบส่งข่าวให้คนของตระกูลจี๋ให้เร็วที่สุด”ชิงสุ่ยกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านต้องการจะช่วยตระกูลจี๋ ไม่เลวเลย ไม่เลวเลย ถ้าหากตระกูลจี๋รู้เรื่องเหล่านี้ พวกเขาก็คงจะไม่อยู่เฉยสินะ?”อวี้ซีหยวนถาม
“ท่านเคยบอกว่ายอดยุทธผู้นั้นมีความสำคัญกับตระกูลจี๋มาก ก่อนที่ข้าจะทำการรักษาคนผู้นั้น พวกเขาจะไม่มีทางยอมให้ใครมาทำร้ายข้าเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าหากตระกูลจ้าน กล้าลงมือกับข้า ข้าจะแสดงให้พวกมันได้เห็น ว่าข้าก็ไม่ใช่คนที่จะมาเล่นตลกด้วยได้”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างไม่แยแส
คืนนั้นชิงสุ่ยยังคงฝึกฝนอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ กระบวนท่าต่อเนื่องและทักษะสังหารคือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดที่เขามี อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งมากนะ กำลังของเขายังคงต่ำกว่า 1000 ล้านเต๋า แต่โชคดีที่เขามีทักษะเฉพาะ พลังในการป้องกันของเขาจึงสามารถทำให้ตัวของเขานั้นปลอดภัยจากพลังที่เหนือกว่า แต่ถ้าหากถูกโจมตีในจุดเดิมซ้ำชีวิตของเขาก็ยังคงไม่ปลอดภัยอยู่ดี
กระบี่บินที่เขาต้องการจะสร้างก็ยังไม่สำเร็จ แต่ถ้าหากเขาได้มันมาครอง ความสามารถของเขาก็จะเพิ่มพูนแบบก้าวกระโดด กระบี่บินคืออาวุธที่จะเข้าโจมตีศัตรูแบบยึดเป้าหมาย ถ้าหากเขาใช้มาร่วมกับฝ่ามือกระชากมังกร ทักษะปรมัตถพุทธะ และทักษะอื่นๆ ศัตรูจะถูกตรึง เขาก็จะสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองได้ทันที
ชิงสุ่ยยังคงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนฟ้าอุดรน้อยเกินไป ตอนนี้เขารู้จักเพียงแค่ตระกูลจี๋ ตระกูลจ้าน เขาไม่รู้ว่านิกายที่นายน้อยผานอยู่เป็นนิกายหนึ่งในห้านิกายใหญ่แห่งดินแดนฟ้าอุดรหรือไม่ อย่างไรก็ตามนึกในใจของเขา เขารู้สึกว่าขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังนายน้อยผานจะต้องอยู่เหนือกว่าตระกูลจ้าน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้อ่อนแอได้ไปกว่าขุมอำนาจทั้ง 5 แห่งดินแดนฟ้าอุดร
ถึงชิงสุ่ยจะข่มขู่ไป แต่สุดท้ายอีก 3 ปีข้างหน้า นายน้อยผานก็ไม่มีทางหายจากอาการบาดเจ็บ ชิงสุ่ยจึงไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะยอมรอคอยถึง 3 ปี หรือบางทีพวกเขาอาจจะกลับมาเร็ววันนี้
นอกจากนี้ยังมีตระกูลจ้าน ชิงสุ่ยไม่กล้าดูถูกขุมกำลังใหญ่ทั้ง 5 แห่งดินแดนฟ้าอุดร ที่ๆเขายืนอยู่คือเมืองรุ้งครามเมืองที่อ่อนแอที่สุด ฉะนั้นตระกูลจ้านจึงมีอิทธิพลต่อเมืองนี้เป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุผลทั้งหมดมันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยต้องการจะสร้างอิทธิพลให้ได้มากที่สุด มันจะกลายเป็นเครื่องมือที่คอยกระตุ้นให้ผู้อื่นย้ำคิดทบทวนก่อนจะเคลื่อนไหว เพราะถ้าหากพวกเขาลงมือทำอะไรลงไป มันจะต้องส่งผลสะท้อนกลับมา
ภัตตาคารหยกรัญจวนยังคงให้บริการตามปกติ ทุกคนต่างก็ได้ยินเรื่องราวผู้บุกรุกที่ต้องกลับไปด้วยความน่าสมเพช หนึ่งในนั้นสูญเสียฟันหมดทุกซี่ หลายต่อหลายคนคาดเดาได้ทันทีว่าคนกลุ่มนั้นมาจากไหน แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็เลือกที่จะรุกรานภัตตาคารหยกรัญจวน ที่เป็นที่รู้กันว่ามันคือสถานที่ที่ทรงอำนาจมากที่สุดในเมืองรุ้งครามเทียบเท่ากับหอคอยจักรพรรดิ
วันอังคารสงบสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสือใหญ่ได้เรียนรู้วิธีรักษาและเริ่มรักษาผู้ป่วย ชิงสุ่ยยังคอยประเมินความสามารถของเขาจากด้านข้าง รวมถึงเข้าช่วยเหลือเป็นบางครั้ง
หลังจากผ่านไปได้สักพัก กลุ่มคนที่ร่างกายเหนื่อยล้าจากการเดินทางก็มาปรากฏตัวที่หอคอยจักรพรรดิ ดูเหมือนคนเหล่านี้จะไม่ใช่คนธรรมดา ในกลุ่มมีชาย 2 หญิง 1 และหนุ่มรุ่นเยาว์อีก 2 คน ชายหนุ่มผู้เป็นผู้นำมีรูปร่างที่สูงและแข็งแกร่ง คิ้วหนาดวงตากลมเปล่งประกายกลิ่นอายสง่างาม ชิงสุ่ยลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นชายคนนั้น ซึ่งชายคนนั้นก็กล่าวอย่างรวดเร็วว่า ” พวกเรากำลังตามหาท่านหมอปาฏิหาริย์ชิง!!”