Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย - ตอนที่ 31 เจตนาอันชั่วร้าย
ประตูมีสภาพกระเซอะกระเซิงด้วยเนื้อไม้ที่บวมโป่งพองซึ่งเกิดจากขีดข่วนของกรงเล็บและฟันของซอมบี้มาเป็นเวลานาน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ…มีซอมบี้อยู่หลังประตูนี้!
ประตูถูกเตะอย่างแรงจนมันเกิดเสียงดังสนั่นจนประตูเปิดออก!
มีกลิ่นเหม็นหืนกระจายตามออกมาทันที
เสียงคำราม——-
ซอมบี้ผอมแห้งท่าทางหิวโซ 2ตัวอยู่ข้างใน ตัวหนึ่งอยู่ข้างหน้าส่วนอีกตัวยืนอยู่ข้างหลังตัวแรก มันพวกเดินโซเซไปมาโดยมีตัวหนึ่งเป็นผู้ชายและอีกตัวเป็นผู้หญิง ดูจากความเน่าเปื่อยของร่างกายพวกมันแล้ว พวกมันน่าจะติดเชื้อตั้งแต่แรกเริ่มของการปะทุของโลกาวินาศและติดอยู่ในห้องนี้
ด้วยเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรมาเป็นเวลานาน มันจึงอ่อนแอกว่าซอมบี้ตัวอื่นๆ ความเร็วและกำลังของมนุษย์เป็นภัยคุกคามสำหรับพวกมัน เนื้อและผิวหนังของพวกมันเกือบร่วงหล่นลงมาหมด เหลือเพียงเยื่อบางๆที่ปิดกระดูกไว้เท่านั้น
โดยไม่มีความลังเล…ชูฮันฆ่าพวกมันด้วยขวานได้อย่างง่ายๆ เลือดสีดำที่ไหลออกมาจากร่างพวกมันมีกลิ่นฉุนจัดจนทำให้รู้สึกเวียนหัวได้จากการดมกลิ่น
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว!” เจียชุนเจี๋ยวิ่งไปทางหน้าต่างอย่างไว เขาพยายามเปิดหน้าต่างออกเพื่อระบายอากาศ
วืดดด—-
ขวานหนาทึบขวางเจียชุนเจี๋ยไว้ ด้วยเพราะความคมจัดของขวานมันเกือบจะตัดลมใต้เอวของเขาแล้ว
เจียชุนเจี๋ยรู้สึกกลัวจนตัวสั่น หากความโกรธของเขาพุ่งทะลักขึ้นมาทันทีเมื่อเขารู้ว่าเป็นชูฮันนั่นเองที่ใช้ขวานห้ามเขาไว้…เป็นมันอีกแล้ว!
มันเป็นการตัดสินใจและการดื้อดึงของชูฮันคนเดียวที่พวกเราต้องมาเมืองอันเกอและต้องมาอยู่ในโรงแรงเล็กๆที่น่าขยะแขยงยิ่งกว่าท่อระบายน้ำเสียนี่ และเขายังไม่แม้กระทั่งได้รับอนุญาติให้เปิดหน้าต่างอีก!
ชูฮันพูดอย่างเย็นชาและแดกดัน “นายไม่ควรสงสัยการตัดสินใจของฉันจะดีกว่า และถ้านายอยากเปิดหน้าต่างนักนายสามารถไปเปิดที่ห้องอื่นได้”
“แล้วถ้าฉันเปิดมันละ?” เจตนาอันแรงกล้าของชูฮันทำให้เจียชุนเจี๋ยต้องระงับความโกรธที่พวยพุ่งออกมา
“ฉันจะโยนนายออกไปข้างนอก ฉันพยายามที่จะไม่ฆ่ามนุษย์….ยกเว้นถ้านายนำอันตรายมาสู่ฉัน”
การละเว้นจากการฆ่ามนุษย์เป็นหลักการที่ชูฮันยึดถือ การฆ่าคนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำในโลกาวินาศ ความรู้สึกมันต่างจากการฆ่าซอมบี้ มันให้ความสุข ความตื่นเต้นและมันเป็นเหมือนยาเสพติด!
การเอาชนะมันเป็นทักษะที่ชูฮันได้สั่งสมประสบการณ์มาตลอด หากเขาก็จะไม่ยอมให้ตัวเขาต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะคนอื่นเช่นกัน
ฉันจะไม่ฆ่านายถ้านายไม่นำอันตรายมาสู่ฉัน ไม่อย่างนั้น….ฉันจะฆ่าพวกแกทั้งหมด!
ชูฮันเตะซอมบี้ที่ตายแล้ว มันมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยและสมองเน่าทะลักออกมาจากกระโหลกของซอมบี้ที่ตายแล้วเปรอะเปื้อนไปทั่วพรมทำให้กลิ่นเหม็นเน่าในห้องยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
กลิ่นของซอมบี้เป็นการพรางตัวที่ดีที่สุดด้วยเพราะซอมบี้ตัวอื่นๆไม่สามารถระบุความแตกต่างของกลิ่นออกได้ ดังนั้นมันจึงปลอดภัยที่สุดที่จะอยู่กับกองซอมบี้ที่ตายแล้ว
ถึงแม้เขาอยากจะได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ หากเขาต้องการถุงยังชีพมากกว่า ปืนและกระสุนเป็นเป้าหมายสุดท้ายของเขา เพราะฉะนั้นยิ่งปัญหาน้อยก่อนที่เขาได้ถุงยังชีพเท่าไหร่ยิ่งดี
คำพูดของชูฮันทำให้เจียชุนเจี๋ยรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที เขากลัวจนไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาอีก ในช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมาของการเดินทาง ความพูดน้อยและความเงียบของชูฮันเกือบทำให้เขาลืมฉากที่ชูฮันยิงเหย่เทียนหลงอย่างไม่ลังเลไปแล้ว
เขาเกือบลืมไปแล้วคนตรงหน้าเขานี้เป็นผู้ชายที่สามารถฆ่าคนได้โดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา
โลกาวินาศได้สร้างโลกที่ไร้ซึ่งกฏหมายขึ้น แรงบันดาลใจของผู้คนได้ถูกธรรมชาติของมนุษย์กลืนกินไปแล้ว มันพลักดันผู้คนไปสู่ความบ้าคลั่ง ความมืดมิดที่ฝังไว้อยู่ในส่วนลึกของจิตใจได้ถูกปลดปล่อยออกมา
การฆ่าฟันและการข่มขืนเป็นเรื่องธรรมดาในช่วงเวลาที่วุ่นวายเช่นนี้
“เก้า เก้า?”
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องเด็กผู้หญิงก็ได้ทำลายบรรยากาศอึดอัดภายในห้องลง
ทุกคนรีบมองไปที่ซางจิ่วตี้ที่ตัวอ่อนปวกเปียกอยู่บนพื้น สิบแปดรีบเข้าไปหาเธอทันที หน้าของซางจิ่วตี้ขึ้นสีแดง มีเหงื่อชื้นตรงหน้าผาก
ชูฮันวิ่งเข้ามาและพาซางจิ่วตี้ไปนอนบนเตียง เขาก้มตัวลงมาใช้มือจับเพื่อตรวจดูตาและปากของเธอ
“นายควรจะอ่อนโยนสิ!” สิบแปดรีบเตือนชูฮันทันทีด้วยเพราะชูฮันเหมือนจะแซะลูกตาของซางจิ่วตี้ออกมาอยู่แล้ว
“เธอเป็นยังไงบ้าง?” เจียชุนเจี๋ยรีบเดินมาที่เตียง ทัศนคติของเขาที่มีต่อซางจิ่วตี้ช่างแตกต่างโดยสิ้นเชิง
“เธอจะกลายเป็นซอมบี้มั้ย?” เส้นประสาทของเฉินช่าวเย่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว แขนทั้งสองข้างจับขวานในมือ พร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ
คำพูดของเฉินช่าวเย่ทำให้ทุกคนในห้องตะลึง ความตึงเครียดและบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตก่อตัวขึ้นท่ามกลางทุกคน…
กลายร่างเป็นซอมบี้?
ซางจิ่วตี้จะกลายเป็นซอมบี้มั้ย? เธอถูกกัดเหรอ? หรือเป็นสาเหตุอื่น?
มันจะเป็นไปได้ยังไง?!
“โกหก!” สิบแปดมองไปที่หัวหน้าอย่างตาโต เธอดึงเฉินช่าวเย่ออกมาอย่างแรง หากความแข็งแรงของเธอยังน้อยกว่าเฉินช่าวเย่ ทำให้เธอสะดุดแรงตัวเองและเกือบจะล้มลมไป
“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้” เจียชุนเจี๋ยเดินถอยหลังออกไป1เมตรทันทีอย่างไม่รู้ตัว มองไปที่ซางจิ่วตี้ที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงจากไกลๆ ถึงแม้เขาจะอยากได้ซางจิ่วตี้มาครอบครองเพียงใดหากเขาก็อยากมีชีวิตอยู่รอดมากกว่าความปรารถนาของตัวเอง
ชูฮันมองปฏิกิริยาของทุกคน เขาคลายแรงมือที่บีบกรามของซางจิ่วตี้ไว้ออก
กรามของเธอขึ้นสีขาวทันทีด้วยแรงบีบ
“เธอแค่เป็นไข้ แต่เราไม่มียาสำหรับไข้” ชูฮันยืนขึ้น นำผ้าไปชุบน้ำให้เปียกและนำมาวางบนหน้าผากของซางจิ่วตี้
ทุกคนไม่ควรทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เดี่ยวเธอก็จะหายดี แต่ที่เป็นปัญหาตอนนี้ก็คือชูฮันเก็บมาแต่ยาที่เขาต้องใช้เพื่อรักษาบาดแผล ด้วยเพราะเขาไม่ได้นึกถึงไข้หรือหวัดเลย
เห็นได้ชัดว่าซางจิ่วตี้ไม่สามารถต้านไข้ได้ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มึนศีรษะขนาดนี้
แม่ง! ทำไมผู้หญิงคนนั่นไม่ยอมบอกว่าป่วย?
คิ้วของชูฮันขมวดขณะคิด เธอจะตายด้วยระบบภูมิคุ้มต่ำแบบนี้มั้ย?
หัวใจของสิบแปดกลับมาเต้นอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง เธอมองไปที่ชูฮันด้วยน้ำตานองหน้า “พี่ชู พี่ช่วยเธอได้มั้ย? ฉันไม่อยากให้เธอตาย” มองไปที่ตาแดงๆของสิบแปด ชูฮันไม่ได้ตอบคำถามตรงๆขณะมองไปที่เฉินช่าวเย่ “ฉันต้องออกไปข้างนอกและทุกคนต้องอยู่ที่นี่”
“ฉันจะไปกับพี่!” จิตใต้สำนึกของเฉินช่าวเย่อยากจะตามชูฮันไปทุกที่
ชูฮันเพียงบุ้ยปาก “เธอควรอยู่ที่นี่ อย่าพึ่งโยกย้ายของต่างๆในห้องเดี่ยวฉันจะกลับมาจัดการเอง”
“ดูแลตัวเองด้วย” สัญชาตญาณของเฉินช่าวเย่บอกว่ามีอย่างไม่ถูกต้อง หากเขาก็พยักหน้ารับที่ชูฮันบอก
เจียชุนเจี๋ยที่เงียบอยู่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันที เขามองไปยังหลังของชูฮันที่กำลังเดินออกไปและความงามที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับเป็นไข้ ทันใดนั้นความชั่วร้ายก็ได้เริ่มกัดกินจิตใจของเขา…